แดนนิรมิตเทพ บทที่ 334
“จะไว้ชีวิตต่ำต้อยของพวกแก เรียกเจ้าสำนักน้อยของพวกแกออกมาพบฉัน!” เฉินโม่ดึงมือกลับ ทันใดนั้นทั้งสองคนก็รู้สึกว่าแรงกดบนร่างกายราวกับภูเขาขนาดใหญ่ได้คลายลง

“แกรอก่อน!”

ทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วรีบวิ่งกลับไปในถ้ำอย่างเร็ว

ยิงอี้สงสามคนมองไปที่เฉินโม่อย่างตกตะลึง ฝ่ามือเดียวก็กดยอดฝีมือชั้นสูงสุดสองคนของแดนสู่ทิพย์ไว้ได้

อานุภาพนี้เกรงว่าแม้แต่เจ้าสำนักน้อยก็ทำไม่ได้!

ชู่ว์ๆๆ!

ในโพรงถ้ำมีร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ล้อมรอบเฉินโม่และคนอื่นๆเอาไว้ ในนั้นยังมีวัยรุ่นสองคนที่เพิ่งถอยกลับไปอยู่ด้วย

เสียงหัวเราะแปลกประหลาดที่แสบหูได้ดังออกมาจากโพรงถ้ำ “ต้องการพบฉัน ผ่านด่านพวกเขาให้ได้เสียก่อน!”

ร่างของทั้งสิบกว่าคนล้วนปรากฏแสงสีดำเป็นประกายๆขึ้น ช่างน่ากลัวมากมายนัก

“ยอดฝีมือสิบกว่าคนในแดนสู่ทิพย์! ผู้อาวุโสระวัง!” ยิงอี้สงและคนอื่นๆตกใจจนสีหน้าซีดเผือด พวกเขารู้เพียงว่าพละกำลังของเจ้าสำนักน้อยน่าสะพรึงกลัว แต่ไม่รู้ว่าสำนักหยินทิพย์ยังแอบซ่อนยอดฝีมือแดนสู่ทิพย์ไว้มากมายขนาดนี้ด้วย

เสียงในถ้ำดังขึ้นอีกครั้ง แล้วหัวเราะเยาะและพูดว่า ” ตั้งค่ายกลหยินร้ายต่อเนื่อง!”

จู่ๆวัยรุ่นสิบกว่าคนก็เคลื่อนไหวขึ้น ต่างคนต่างยืนอยู่ในตำแหน่งของตน เมื่อมองจากด้านบน ได้ก่อร่างเป็นวงกลมสองวงล้อมรอบเฉินโม่เอาไว้

วงกลมเล็กๆด้านในประกอบด้วยคนเจ็ดคนรวมตัวกัน วงกลมใหญ่วงนอกมีเก้าคน คนในวงกลมด้านนอกยืนอยู่ในตำแหน่งช่องว่างระหว่างคนสองคนในวงกลมด้านในพอดี มองไปแล้วเกี่ยวกันเป็นวง วางรูปแบบกันหนาแน่น

ชายหนุ่มทั้งสิบหกคนที่มีแสงสีดำปกคลุมร่างกายของพวกเข าจ้องมองอย่างดุดัน ทำให้ยิงอี้สงและคนอื่นๆหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นเทา

“ผู้อาวุโส ได้ยินมาว่าค่ายกลหยินร้ายต่อเนื่องนี้เป็นค่ายกลที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักหยิน มุ่งเป้าไปที่ศัตรูที่ทรงพลังโดยเฉพาะ ต้องเป็นคุณที่กดวัยรุ่นที่เฝ้าประตูสองคนนั้นด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเมื่อครู่นี้ ได้ดึงดูดความสนใจของเจ้าสำนักน้อย เขาถึงได้ใช้วิธีการที่รวดเร็วดังสายฟ้าฟาดแบบนี้แต่แรก!

ยิงอี้สงหน้าตาทำอะไรไม่ถูก ถ้าหากเฉินโม่ไม่สามารถทำลายค่ายกลได้ ด้วยกำลังของพวกเขาแล้วต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“เหลือผู้หญิงคนนั้นไว้ ที่เหลือฆ่าให้หมด!” ในโพรงถ้ำ เสียงแหลมคมนั้นได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“อวดดี! ฉันมาลองอานุภาพของค่ายกลบ้าบอของแกดูซิ!” เฉินซงจื่อตะโกนอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง ร่างได้หายแว๊บไป แล้วหมัดหนึ่งก็ต่อยไปที่วัยรุ่นคนหนึ่งในนั้น

ไม่รอช้าเฉินซงจื่อโจมตีด้วยหมัดหนึ่ง วัยรุ่นที่เหลืออยู่พวกนั้นก็ได้ลงมือกันแล้ว

การโจมตีของคนจำนวนสิบกว่าคนพุ่งเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ คาดไม่ถึงว่ารวมตัวด้วยกัน แล้วก่อตัวเป็นพลังที่มีอานุภาพ มารับกับหนึ่งหมัดของเฉินซงจื่อ

ปึง

เสียงดังกึกก้อง สั่นสะเทือนหุบเขา โลกทั้งใบดูเหมือนสั่นสะเทือนกันไปหมด

เฉินซงจื่อถูกสะเทือนจนบินกลับมา ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ถึงได้ทรงตัวไว้มั่น

เฉินซงจื่อหน้าแดงขึ้น เป็นถึงปรมาจารย์ผู้สง่า กลับถูกคนสิบกว่าคนที่เทียบเท่ากับนักบู๊แดนโจมตีจนถอยไป แพร่ออกไปเกรงว่าแม้แต่เฉินโม่ก็ขายหน้าไปด้วย

“เอาอีก!”

เฉินซงจื่อตัดสินใจที่จะไม่ยั้งมือ ใช้ท่าที่สามของหมัดเทียนเสวียน โจมตีด้วยพละกำลังทั้งหมด แม้ว่าค่ายกลนี้จะแปลกประหลาด แต่ว่าก็ต้านเขาไว้ไม่อยู่!

มือผอมบางข้างหนึ่งคว้าเขาไว้ เฉินโม่พูดอย่างเรียบเฉยว่า: “ถอยไปเถอะ ฉันเอง!”

เฉินโม่ได้มองออกแล้วว่า ค่ายกลนี้มีพลังในการรวมตัวกัน สามารถบิดพลังของคนสิบกว่าคนให้เป็นเชือก ซึ่งเพียงพอที่จะต้านทานการโจมตีของปรมาจารย์ได้

แม้ว่าเฉินซงจื่อจะทำอะไรไม่ได้ แต่เฉินซงจื่อคิดที่จะทำลายค่ายกล ก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกหน่อย แต่เฉินโม่ไม่ต้องการเสียเวลาอีก

เฉินซงจื่อสีหน้าละอายใจ ก้มศีรษะลงและกล่าวด้วยความนอบน้อมว่า “ศิษย์เรียนรู้ไม่เก่งกาจ ทำให้อาจารย์เสียชื่อซะแล้ว อาจารย์ได้โปรดลงโทษด้วย!”

“ไม่โทษนาย แม้ว่าพละกำลังของนายจะเข้าสู่แดนแปรภาพแล้ว แต่ประสบการณ์จริงยังก้าวไม่ทัน มองค่ายกลที่ล้ำลึกนี้ไม่ออกก็เป็นเรื่องปกติ” เฉินโม่พูดอย่างเรียบเฉย

ในโพรงถ้ำ เจ้าสำนักน้อยหัวเราะเยาะเสียงหนึ่งขึ้น น้ำเสียงนั้นเย้ยหยัน “ไอ้หนู อย่าได้อวดดีไป มีความสามารถแกก็ลองทำลายค่ายกลของฉันดูสิ?”

เฉินโม่มองไปที่โพรงถ้ำโพรงหนึ่งเหนือภูเขา ที่นั่นซ่อนชายคนหนึ่งที่เตี้ยเหมือนแตงต้นเตี้ยเอาไว้

มือที่ผอมบางขาวสะอาดข้างหนึ่งยื่นออกมา น้ำเสียงของเฉินโม่เฉยเมยอ้างว้าง ราวกับว่าดังมาจากบนสรวงสวรรค์

“ฉันมีหมัดหนึ่ง ปราบฟ้าดินได้!”