ถังหนิงหายลับไปจากสายตาของนักข่าวพร้อมกับรอยยิ้มนั้น นับตั้งแต่นี้ต่อไปเธอไม่ใช้ผู้จัดการอีกต่อไปแล้ว
หลังถอนตัวออกมาจากจู้ซิงมีเดียและแยกตัวเป็นอิสระกับไห่รุ่ย สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่คือความสัมพันธ์ฉันท์ศิลปินกับผู้จัดการกับโม่ถิง ต่อให้เธอจะไม่ได้เป็นศิลปินของไห่รุ่ยอีกแล้ว โม่ถิงก็ยังคงเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ
เมื่อกลับออกมาจากงานแถลงข่าว ถังหนิงแวะเข้าไปที่จู้ซิงมีเดีย
นับตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจก่อตั้งสังกัดนี้ขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ มันได้มอบสิ่งต่างๆ ให้ถังหนิงมากมาย
หลงเจี่ยมองถังหนิงเก็บข้าวของของตัวเองด้วยความรู้สึกแย่ “จู้ซิงมีเดียจะเป็นของคุณตลอดไปค่ะ”
ถังหนิงสบตาหลงเจี่ยก่อนส่งยิ้มให้ “ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ ต่อให้ไม่มีฉัน เธอก็จะทำให้จู้ซิงมีเดียเฉิดฉายได้แน่”
“ตอนนี้คุณจะไปที่ไหนคะ ฉันจะพาคุณไปเอง” หลงเจี่ยก้าวเข้ามาช่วยถังหนิงถือกล่อง
“แค่เอาของพวกนี้ไปที่รถก็พอ ฉันยังต้องไปที่อโคจรบางที่ต่อน่ะ” ถังหนิงตอบ
ถังหนิงกล้าหาญที่เธอตัดสินใจหายไปจากสายตาของผู้คนอีกครั้ง เธอผันตัวจากนางแบบมาเป็นนักแสดงก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการ และในตอนนี้เธอยังได้ละทิ้งบทบาทในฐานะผู้จัดการไป ราวกับว่าวงการบันเทิงเป็นสวนสนุกสำหรับเธอซึ่งไม่มีใครมาขวางทางเธอได้ ช่างแตกต่างกับคนที่ไขว่คว้าตามหาชื่อเสียงและโชคชะตาของตัวเอง
นักข่าวอ้างว่าถังหนิงเป็นคนเชิญพวกเขามา
ทว่าตั้งแต่ที่ถังหนิงประกาศกลับเข้าวงการ มีครั้งไหนที่นักข่าวไม่แย่งกันเข้ามาสัมภาษณ์เธอบ้าง
ไม่นานหลังจากนั้นสื่อจึงเริ่มรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นที่งานแถลงข่าวของถังหนิง แฟนๆ ของซย่าหันโม่ต่างเข้าอกเข้าใจ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะยังคงไม่พอใจอยู่ก็ตาม
หากแต่ไม่ว่าคนจะต่อว่าเธอขนาดไหน ตราบใดที่ถังหนิงไม่ได้สนใจ พวกเขาก็ทำได้เพียงทำให้ตัวเองยิ่งเสื่อมเสียเท่านั้น การโจมตีของพวกเขาไม่มีผลแต่อย่างใดราวกับพวกมันเป็นแค่หมัดที่ทำจากสำลี
ไม่นานถังหนิงก็มาถึงสถานที่อโคจรที่เธอพูดถึง สถานีตำรวจ
อย่างน้อยเธอก็ต้องได้เห็นชายคนที่เป็นต้นเหตุให้ซย่าหันโม่ต้องจากโลกนี้ไป
หนวดเคราหนาขึ้นเต็มใบหน้าของประธานฟ่านราวกับมนุษย์ถ้ำด้วยความไม่ได้ใส่ใจตัวเอง เขาอยู่ในชุดนักโทษ มีกุญแจมือตรึงข้อมือเอาไว้ พร้อมท่าทีว่างเปล่า
การมาถึงของถังหนิงทำให้ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะที่พุ่งตัวไปหาเธออย่างมีความหวัง
“ปล่อยผมออกไป ปล่อยผมออกไปนะ… ผมไม่อยากอยู่ที่นี่”
เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกให้ถังหนิงรู้เวลาที่ตัวเองมีก่อนเตือนเธอไม่ให้คุยเกินเวลา ถังหนิงพยักหน้ารับและเดินไปยกหูโทรศัพท์ขึ้น
ในขณะเดียวกันประธานฟ่านจ้องมองถังหนิงอย่างตื่นเต้นราวกับเห็นประกายความหวัง เขาอยู่ในจุดที่ขอร้องอ้อนวอนทุกคนที่ขวางหน้าเพราะต้องการออกไปจากที่นี่เต็มที อย่างไรเสียคุกก็ไม่ใช่สถานที่ที่คนต้องการอยู่เป็นเวลานานอยู่แล้ว
เหตุผลง่ายนิดเดียว เป็นเพราะประธานโม่บอกให้ลู่เช่อดูแล ประธานฟ่านให้ดี
“ถังหนิง ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ ปล่อยผมออกไปเถอะ ถ้าคุณปล่อยผมออกไป ผมจะทำทุกอย่างที่คุณบอกเลยนะ”
เธอทำเพียงปรายตามองอย่างเย็นชาขณะที่เห็นสภาพในตอนนี้ของประธานฟ่าน “ถ้าคุณทำให้ซย่าหันโม่ฟื้นกลับมาได้ ฉันจะปล่อยคุณออกมาค่ะ”
น้ำเสียงของถังหนิงแผ่วเบา หากแต่ทุกๆ คำได้สลักลึกลงไปในใจของประธานฟ่าน
“อีกอย่างทำไมคุณต้องอยากออกมาด้วยล่ะคะ ฉันว่าที่นี่ก็เหมาะกับคุณดีแล้วนี่ ซย่าหันโม่มีแค่โลงศพให้อยู่ แต่คุณได้อยู่ในคุกก็ดีแค่ไหนแล้ว” ถังหนิงตอบ “แล้วที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้ด้วยค่ะ”
เธอหยิบรูปออกมาจากกระเป๋าก่อนชูให้ประธานฟ่านดู
“ฉันมาที่นี่เพื่อบอกคุณโดยเฉพาะว่าลัวชีถูกตำรวจกักตัวไว้เพราะถูกจับได้ว่าเสพยา ฉันว่าพวกคุณคงได้เจอกันในคุกเร็วๆ นี้แหละค่ะ”
เมื่อเห็นรูปภาพเหล่านั้น ประธานฟ่านลุกพรวดพราดขึ้นมาเหมือนกับเสียสติก่อนทุบกระจกตรงหน้าอย่างแรง “อย่าแตะต้องเขานะ อย่ากล้าดีมาทำอะไรเขา”
“หลังจากหันโม่ตายไป ฉันคิดหาสารพัดวิธีที่จะเอาชีวิตคุณ แต่พอเป็นคนอย่างคุณแล้ว ฉันก็รู้ว่าการตายเป็นทางเลือกที่ปรานีเกินไป ดังนั้นฉันจะไม่ปล่อยให้คุณตายหรอกนะคะ ฉันจะทำให้คุณทรมานจนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เลยต่างหาก”
ถังหนิงฉีกรูปของลัวชีต่อหน้าประธานฟ่าน
“ทุกสิ่งที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของคุณหรือคนที่คุณเป็นห่วง ฉันจะทำลายพวกเขาให้สิ้นซาก…”
“ไม่นะ…” ประธานฟ่านร้องออกมา “ผมเป็นคนที่ฆ่าซย่าหันโม่ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลัวชีเลย”
“สายเกินไปแล้วล่ะค่ะ” ถังหนิงสวนกลับ “ฉันจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ เลยคอยดู”
พูดจบถังหนิงก็ลุกขึ้นไปจากที่นั่ง…
ที่นี่หม่นหมองเกินไป เธอไม่ต้องการอยู่นานโดยไม่จำเป็นนัก ส่วนเรื่องการแก้แค้นให้ซย่าหันโม่ เธอได้วางแผนทำให้ประธานฟ่านมีชีวิตเหมือนอยู่ในนรกทั้งเป็นไปทีละน้อย
หลังจากออกมาจากคุก โม่ถิงโทรหาถังหนิงบอกว่าหลินเหว่ยเซินกำลังรอพบเธออยู่ที่ไห่รุ่ย
ถังหนิงนึกได้ว่าเธอควรไปชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้นในงานแต่งงาน ไม่อย่างนั้นเธอคงรู้สึกไม่สบายใจนัก
เมื่อชั่งใจแล้วว่าร่างกายของเธอน่าจะรับไหว เธอจึงมุ่งหน้าไปที่ไห่รุ่ย
ในความเป็นจริงแล้ว หลินเหว่ยเซินรู้สึกผิดกับเรื่องของซย่าหันโม่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอถูกวางยาหรือผลักตกจากตึกก็ตาม
“ถังหนิง ฉันขอโทษกับเรื่องของซย่าหันโม่จริงๆ นะ ถ้าฉันเข้มงวดว่าส่งตัวประธานฟ่านไปแน่นอนแล้วกว่านี้ เรื่องคงไม่ออกมาเป็นอย่างนี้”
“ถ้าฉันไม่ได้มีเรื่องกับประธานฟ่าน พวกคุณคงไม่ถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่ทีแรก มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ บรรณาธิการหลิน ปล่อยให้เรื่องในอดีตเป็นแค่เรื่องในอดีตเถอะค่ะ แต่ยังไงฉันเองก็ถอนตัวออกมาจากจู้ซิงมีเดียแล้ว ถ้าภรรยาของคุณยังต้องการเข้าสังกัดจู้ซิงมีเดีย ฉันจะบอกให้หลงเจี่ยจัดการให้นะคะ เธอเองก็ปั้นภรรยาของคุณให้ดังได้เช่นกันค่ะ”
“เรื่องนั้นเอาไว้คุณกันครั้งหน้าเถอะครับ แล้วคุณจะวางแผนจะทำอะไรต่อล่ะครับ”
ดูเหมือนว่าชายชคนนี้จะไม่เชื่อใจหลงเจี่ย แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก ดีกว่าจะให้หลงเจี่ยต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เธอไม่อาจต่อกรได้หากมีบางสิ่งพลาดไป
เมื่อได้ยินคำถามของเขา ถังหนิงชี้ไปที่หน้าท้องของตัวเอง “ฉันต้องตั้งใจคลอดเธอออกมาอย่างปลอดภัยอยู่แล้วสิคะ”
ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าลูกสาวของเธอ อีกทั้งเธอได้รับปากกับถังอี้เฉินไว้แล้วว่าเธอจะกลับไปที่โรงพยาบาลและรอกำหนดคลอดทันทีที่เธอจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น
สิ่งสุดท้ายที่เธอต้องทำในตอนนี้คืองานศพของซย่าหันโม่
เมื่อนึกถึงคำนี้ขึ้นมา ดวงตาของถังหนิงเริ่มแดงขึ้นมาอย่างไม่ทันรู้ตัว โม่ถิงรีบสวมกอดเธอเอาไว้และเอ่ยปลอบ “ผมมั่นใจว่าถ้าซย่าหันโม่ยังมีชีวิตอยู่และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เธอจะไม่เจ็บปวดและทรมานอีกแล้วล่ะครับ”
ในเวลาเดียวกัน ชายผมสีน้ำตาลอ่อนพร้อมดวงตาสีเทาจ้องมองถังหนิงที่ปรากฏตัวบนหน้าจอโทรทัศน์ก่อนเผยรอยยิ้มที่ฉายแววสงสัยใคร่รู้
เขาเฝ้ารออยู่ที่บ้านให้ถังหนิงติดต่อมาอย่างใจจดใจจ่อ หากแต่เธอก็ยังไม่ได้ทำ
เขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์ไซไฟที่หลินเหว่ยเซินพยายามแนะนำให้ถังหนิง ขณะเดียวกันยังเป็นนักวาดการ์ตูนอีกด้วย
“ถ้าร่างกายที่งดงามอย่างนี้ถูกวาดลงในการ์ตูนของฉันสักเรื่องมันคงจะเป็นที่ฮือฮามากแน่ๆ ทำไมฉันไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยนะ ผู้หญิงใสซื่ออย่างนี้น่าจะสนุกกับการถูกเย้าแหย่สิ”
เขาเป็นผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับความประทับใจแรกพบ มันไม่ได้แปลกที่เขาจะไม่เคยสังเกตถังหนิง ทว่าตอนนี้เขาได้พบกับผู้หญิงเข้มแข็งคนหนึ่ง และเขาพลันรู้สึกว่าเธอน่าดึงดูดไม่น้อย
น่าเสียดายที่ถังหนิงไม่ใช่คนที่จะอยู่ใต้การควบคุมของคนธรรมดาได้ โม่ถิงนับเป็นว่าข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว!