ตอนที่ 165 ห้ามประพฤติผิดในกาม (2)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

หยวนเจ๋อเห็นนางไม่คาดคั้นแล้วจึงคลายใจลงบ้าง เงยหน้าขึ้นมองชิวเยี่ยไป๋ ส่ายศีรษะกล่าวว่า “อมิตาภพุทธ ประสกบังคับอาตมาเช่นนี้ไม่บังควรเลย เป็นการลบหลู่ต่อสาวกขององค์พระศาสดา…”

 

 

เขายังไม่ทันจบคำสอนก็ถูกชิวเยี่ยไป๋ขัดขึ้นอย่างรำคาญ นางกล่าวเนือยๆ ว่า “ถ้าเจ้าไม่รีบเช็ดผมให้แห้ง ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า ซี้ซั้วพูดอีกก็อย่ามาโทษที่ข้าจะจับเจ้าสึกให้เจ้าได้ลิ้มรสความหฤหรรษ์ของทางโลกฆราวาส!”

 

 

หยวนเจ๋อตกใจแต่ไม่ขยับ สีหน้าเจ็บปวดเหมือนกำลังดิ้นรน

 

 

“หือ?” ชิวเยี่ยไป๋เลิกคิ้วมองหลวงจีนผู้กล้าขัดขืนตน กล้าดีนักหรือ

 

 

กลับเห็นหยวนเจ๋อก้มหน้าลงกล่าวเสียงกระซิบว่า “ประสก อาตมาขยับตัวมิได้”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋จึงนึกได้ว่าตนเองจี้สกัดจุดเขาไว้ จึงยื่นมือตบที่บ่าคราหนึ่ง

 

 

หยวนเจ๋อลุกขึ้นยืน พรึ่บ ทันที…

 

 

คราวนี้เปลี่ยนเป็นชิวเยี่ยไป๋ที่ตัวแข็ง รู้สึกตาลายวูบหนึ่ง มองเห็นแต่ผิวพรรณที่ผุดผ่องเปียกโชกด้วยหยดน้ำ

 

 

กว่านางจะตั้งสติได้ คนก็หายไปจากถังแล้ว นางจึงมองไปที่เตียงตามสัญชาตญาณ เห็นแผ่นหลังงดงามและเอวคอดกิ่ว ยังมี…

 

 

“เอาล่ะประสก อาตมาสวมใส่เรียบร้อยแล้ว ขออภัยที่ปล่อยให้รอ” ครู่เดียวเสียงสดใสก็ดังขึ้นข้างหลังนาง

 

 

นางหันกลับมาเขม้นใส่ กล่าวเสียงเย็นชาอย่างอดมิได้ว่า “ทำไมเมื่อครู่เจ้าลุกขึ้นมาดื้อๆ แบบนั้น หน้าไม่อาย!”

 

 

หยวนเจ๋องุนงง ประนมมือกล่าวอย่างจริงจังว่า “ประสก อาตมาทำตามที่ท่านสั่งนะ หน้าไม่อายตรงไหน”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ “…”

 

 

นั่นนะสิ นางเลอะเทอะเอง!

 

 

ดวงตานางฉายแววเอียงอายวูบหนึ่ง แล้วเอามือไพล่หลังหันกายเดินออกจากประตู

 

 

หยวนเจ๋องุนงง ส่ายหน้าแล้วตามไปเงียบๆ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ไม่ยอมประจันกับใบหน้าที่คุ้นเคยนั่นอีก แลดูนอกหน้าต่าง จันทราคล้อยไปตะวันตกแล้ว มิทราบเพราะเหตุใดจู่ๆ นางก็นึกถึงไป๋หลี่ชูและคนของเขา ดูเหมือนไม่ได้ปรากฏตัวนานแล้ว

 

 

แต่กลับพบคนหน้าเหมือนในที่นี้ จิตใจของนางรู้สึกพิกล

 

 

ทางด้านนี้นางเพิ่งเดินออกจากลานบ้าน ผีน้ำสองคนที่คอยนำทางก็โผล่เข้ามา คารวะต่อนางแล้วกล่าวว่า “ไม่ทราบทุกท่านพร้อมหรือยัง”

 

 

ยามที่สายตาของพวกเขามองไปยังร่างที่อยู่หลังชิวเยี่ยไป๋ก็ตะลึงในความงาม

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นผีน้ำสองตัวยืนเซ่อเอาแต่จ้องหยวนเจ๋อ แววตาพลันหม่นลงวูบหนึ่ง แล้วเดินไปเบื้องหน้าหยวนเจ๋อเสียเลย

 

 

แม้เมื่อครู่หยวนเจ๋อจะถูกนางบังคับ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนความจำสั้น หรือไม่คงเป็นคนโง่งม จึงได้แต่มองดูนางเงียบๆ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นหยวนเจ๋อรวบผมสีเงินเปียกโชกไว้ข้างหลังอย่างง่ายๆ ยังมีน้ำหยดใส่เสื้อคลุมด้วย แต่ผมเผ้าที่เรียบร้อยและส่วนที่ปรกหน้าผากกลับมิอาจบดบังใบหน้าที่งดงามจนน่าพิสดารได้ นางเลิกคิ้วแล้วเอื้อมมือขยี้ผมของเขา ทำให้ผมปอยใหญ่หล่นมาปรกหน้าบดบังดวงตาสีเทาเงินของเขา

 

 

“ประสก?” หยวนเจ๋อไม่เข้าใจการกระทำของนาง แต่มิได้ขัดขืน ปล่อยให้ชิวเยี่ยไป๋ขยี้ผมให้ยุ่งแต่โดยดี

 

 

เห็นผมเผ้าปรกหน้าเขาไปกว่าครึ่ง ชิวเยี่ยไป๋จึงพยักหน้าอย่างพอใจ “ไปเถอะ เดี๋ยวตามหลังข้านะ อย่าเพ่นพ่านล่ะ!”

 

 

ไอ้โง่นี่นางยังต้องใช้สอย มิพักพูดถึงเกิดถูกคนฉุดไปจะเป็นอย่างไร แค่ใบหน้าใบนี้ก็ยุ่งยากพอแล้ว

 

 

อะไรที่งดงามและปกป้องตัวเองไม่ได้มักมีชีวิตได้ไม่นาน

 

 

ผีน้ำสองตัวก็ไหวพริบดี เห็นท่าทางคุณชายสี่แล้วก็รีบก้มหน้าลงไม่กล้ามองอีก แต่ยังคงแอบเหลือบมองเงาร่างสูงโปร่งสองร่างที่ยืนอยู่ใกล้มาก ในใจคิดว่า สองคนนี้เป็น…คู่กันหรือไม่หนอ

 

 

จิ๊ หลวงจีนทุศีลชัดๆ!

 

 

หยวนเจ๋อจะรู้ได้อย่างไรว่านอกจากฉายา ‘หลวงจีนเนื้อสุรา’ แล้ว ยังได้ฉายา ‘หลวงจีนทุศีล’ เพิ่มอีก ได้แต่เดินตามชิวเยี่ยไป๋ออกไปอย่างสงบ

 

 

ไม่ใช่เพราะอะไร เพียงเพราะเขาจำได้ว่าชิวเยี่ยไป๋เคยบอกว่า…ตามข้าไปจะได้กินเนื้อ

 

 

ภายใต้การนำของผีน้ำ คนทั้งขบวนมาถึงโถงใหญ่ ป้ายขนาดมหึมาสลักอักษรสีทองราวหงส์ร่อนมังกรรำ…จวี้อี้ถาง

 

 

ยังไม่ทันถึงปากประตู ก็ได้ยินเสียงจานชามกระทบกันเป็นระยะ และเสียงชายหญิงคุยกัน

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นฟ้าสางแล้วก็อดทึ่งคนพวกนี้มิได้ ดื่มกินเล่นกันตลอดคืนเลยหรือนี่

 

 

ผีน้ำรีบเข้าไปขานชื่อเสียงดัง “คุณชายสี่แห่งสำนักหอซ่อนกระบี่มาถึงแล้ว!”

 

 

หลินชงลั่งที่นั่งพิงเก้าอี้ตัวใหญ่บุหนังเสืออย่างเกียจคร้าน พอได้ยินว่าชิวเยี่ยไป๋มาแล้วก็ตื่นตัวทันที รีบลุกขึ้นต้อนรับเอง

 

 

บรรดาชาวยุทธจักรในจวี้อี้ถางพากันมองมาทางนี้

 

 

ถึงอย่างไรชื่อเสียงของสำนักหอซ่อนกระบี่ก็โด่งดังมาก นับแต่เซียนเฒ่าเทียนจีกลับสู่สวรรค์เมื่อปีก่อน และให้ศิษย์ปิดสำนักเพียงหนึ่งเดียวรับตำแหน่งแทน คนทั่วไปขนานนามว่าคุณชายสี่เย่ ว่ากันว่าพลังฝีมือสูงล้ำ แต่ยามปกติไม่เคยมีใครเคยประมือกับคุณชายสี่คนนี้เลย

 

 

ดังนั้นจึงมีคนบางคนกระเ**้ยนกระหือรือ คิดจะช่วงชิงอาวุธวิเศษของสำนักหอซ่อนกระบี่

 

 

แต่ผลลัพธ์คือคนที่บุกหอซ่อนกระบี่ล้วนสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย และจะพบซากกระดูกถูกทิ้งห่างออกไปเป็นพันลี้

 

 

จนทำให้พวกที่เคยคิดอยากบุกไปหาเรื่องสำนักหอซ่อนกระบี่ก็ไม่มีข้ออ้าง และคนที่บุกรุกหอซ่อนกระบี่แล้วหายตัวไปก็มีมากยิ่งขึ้น ทว่า..ยามคุณชายสี่เย่พบปะกับผู้คนกลับมีท่าทางยิ้มแย้มเยือกเย็น แต่รอยยิ้มนั่นเหมือนบ่งบอกว่า ‘บางทีคนที่จะหายตัวคนต่อไปอาจเป็นเจ้า’ ก็ได้ จึงทำให้คนที่เห็นรอยยิ้มเช่นนี้มักขนลุกขนพอง และเลิกล้มความคิดที่จะไประราน

 

 

ทุกคนรู้สึกว่าคุณชายสี่คนนี้ฝีมือโหดเ**้ยมพิสดาร

 

 

ทว่าขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าคุณชายสี่เก็บเนื้อเก็บตัวไม่เผยโฉมง่ายๆ สองปีมานี้ยิ่งลึกลับ แทบจะไม่เคยเป็นข่าวในยุทธจักรเลย แต่วันนี้กลับมากินเลี้ยงฉลองวันเกิดของหัวหน้าใหญ่สามสิบหกลุ่มน้ำ ทำเอาทุกคนในที่นี้ยิ่งอยากรู้อยากเห็น

 

 

ส่วนหลินชงลั่งก็รับรู้ถึงสายตาของคนที่อยู่ด้านหลัง รู้สึกได้ใจจึงยิ้มให้ชิวเยี่ยไป๋อย่างสนิทสนม

 

 

“คุณชายสี่มาจนได้ รีบเข้ามาเร็ว!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ยิ้มให้พลางประสานมือคารวะ “ขอบคุณท่านอา ผู้เยาว์มาอย่างรีบร้อน จึงมิได้เตรียมของขวัญมาด้วย ได้แต่เตรียมกับข้าวสองรายการมาเสริมงานเลี้ยงของหัวหน้าใหญ่มู่หรง ยังหวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ”

 

 

โจวอวี่ที่แบกถุงอาหารอยู่ข้างๆ ชักกระสับกระส่าย

 

 

ลอบพึมพำในใจว่าทำแบบนี้จะเหมาะหรือ