ตอนที่254 ฉันจะเอาชนะพวกเงินทุนต่างประเทศ

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่254 ฉันจะเอาชนะพวกเงินทุนต่างประเทศ

จ้าวเฉียนเดินปิดประตูรถออกไป เอ่ยถามน้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้นว่า

“พ่อ นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่?”

จ้าวฝู่ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว จึงกล่าวตอบไปตามตรงว่า

“แกเดาถูกแล้ว ครั้งนี้น่าจะเป็นจางต้าเฉินที่ว่าจ้างนักฆ่าจากเซียงเจียงมาจัดการแก แต่ก่อนหน้านี้ฉันทักคนจากทางนั้นไปแล้ว อีกไม่นานคงรู้ว่านักฆ่าคนนั้นคือใคร ถ้าได้ความยังไงแล้วเดี๋ยวฉันโทรอีกที”

จ้าวเฉียนที่ได้ฟังแบบนั้นก็โกรธจัด เตะก้อนกรวดข้างถนนอย่างแรง เดาไว้ไม่ผิดคาดจริงๆ จางต้าเฉินมันต้องการเล่นเขาถึงตาย

จ้าวเฉียนกล่าวถามพ่อต่อทันทีว่า

“พ่อ ถ้าอย่างนั้นผมวานหน่อย ช่วยส่งมือดีไปตรวจสอบประวัติของจางต้าเฉินมาให้หน่อย ทั้งธุรกิจและพันธมิตรที่มันมี”

จ้าวฝู่ยิ้มตอบไปว่า

“ฉันรู้ว่าแกต้องพูดแบบนี้ ก็เลยส่งคนไปตรวจสอบให้แล้ว อย่างที่บอก ถ้าได้ความยังไงแล้วจะบอกอีกที แต่ยังไงก็เถอะ เมืองตงไห่ในตอนนี้มันอันตรายเกินไป แกไม่ควรอยู่ที่นั่นแล้ว รีบกลับมาที่หยางจิ้งเดี๋ยวนี้ ห้ามขัดพ่อด้วย!”

จ้าวเฉียนทราบดีถึงบุคลิกนิสัยของพ่อคนนี้ ถึงแม้จะดูเป็นคนเฮฮาบ้าๆ แต่ถ้าจริงจังเมื่อไหร่ แม้แต่ตัวจ้าวเฉียนยังไม่กล้าขัดขืนใดๆ พอได้ยินดังนั้นเขาจึงรีบตอบกลับทันทีอย่างเชื่อฟัง

“เข้าใจแล้วครับ พรุ่งนี้ผมจะเดินทางกลับทันที พ่อกับแม่อย่าลืมมารับผมด้วยนะ”

จ้าวฝู่ที่ได้ฟังดังนั้นก็ระเบิดหัวเราะอย่างมีความสุขทันที นานมากแล้วจริงๆที่เขาไม่ได้เห็นลูกชาย แต่อย่างไร จ้าวฝู่ยังกล่าวย้ำหนักแน่นอีกว่า ลูกชายกลับมาคนเดียวไม่พอ แต่ต้องพาแม่สาวน้อยฮวาหยินกรุ๊ปกลับมาด้วย

จ้าวเฉียนรีบเอ่ยปากสัญญากับพ่อทันทีว่าจะพาหวานเจียงกลับไปกับเขาแน่นอน แต่เขาก็ยังเน้นย้ำอีกว่า อย่าทำอะไรให้มันดูเป็นทางการเกินไป เพราะไม่อยากให้หวานเจียงตกใจ

จ้าวฝู่หัวเราะเสียงดังลั่นเอ่ยตอบไปว่า

“เออน่า ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง ตกลงใครเป็นพ่อเป็นลูกกันแน่ห่ะ?”

“ผมรู้ ผมรู้ แค่อยากเตือนเฉยๆ แค่นี้นะพ่อ ผมจะไปหาอะไรทานแล้ว พ่อก็อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลาล่ะ เงินหาตอนไหนก็ได้ แต่สุภาพพังแล้วพังเลยนะพ่อ”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบด้วยความเป็นห่วง

“เออ ฉันรู้แล้วน่า แค่นี้แหละ เออใช่…ช่วงนี้ก็ไม่ต้องออกไปไหนกลางค่ำกลางคืน ฉันโทรย่ำกับหยางหู่ไว้แล้ว สั่งให้ส่งคนไปเพิ่มเพื่อเฝ้าระวังแก แต่ยังไงก็เถอะ ตัวแกก็อย่าออกไปเตร่ที่ไหน ระวังตัวให้ดี ฉันมีลูกแค่คนเดียวนะโว้ย”

จ้าวเฉียนหัวเราะคำโตก่อนกดวางสายไป

เพื่อไม่อยากให้หวานเจียงต้องวิตกกังวล จ้าวเฉียนจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย่มและเดินกลับไปที่รถ

หวานเจียงรีบเอ่ยปากถามทันที

“เกิดอะไรขึ้น?”

จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า

“เปล่าๆ ทุกอย่างปกติดี พ่อก็แค่โทรมาย้ำเรื่องพรุ่งนี้ แถมยังโดนขู่อีกว่า ถ้าไม่พาเธอกลับมา ฉันจะโดนเฆี่ยนอีกด้วย”

หวานเจียงยกมือป้องปากหัวเราะไม่หยุด ถ้าพ่อของจ้าวเฉียนพูดออกมาขนาดนี้ นั้นหมายความว่าถ้าเธอไม่ไปหยางจิ้งในวันพรุ่งนี้ จ้าวเฉียนจะต้องซวยแน่นอน?

เจ้าบ้านี่กวนใจเธอตลอดทุกเวล่ำเวลา และเธอก็หาโอหาสเอาคืนอีกฝ่ายมาโดยตลอด แต่เธอก็ยังไม่พบสบโอกาสสักที ซึ่งตอนนี้โอกาสนั้นก็มาถึงแล้ว

แต่เธอต้องวางแผนให้รอบคอบว่า จะทำยังไงถึงจะหลอกจ้าวเฉียนได้สำเร็จ

หวานเจียงแสร้งปั้นหน้าเศร้า จู่ๆก็ขอโทษเสียงอ่อนกล่าวว่า

“โอ้…ฉันขอโทษ! ฉันลืมไปเลยว่าแม่ของฉันนัดบอดดูตัวให้ฉันพรุ่งนี้พอดี เรื่องสำคัญขนาดนี้ฉันคงเลื่อนไม่ได้ เรื่องไปหยางจิ้งกับนายคงไม่ได้แล้วแหละ ฉันขอโทษจริงๆ ไว้เป็นครั้งหน้านะ”

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ได้ ตามสบายเลย แค่ว่าถ้าไม่กลับหยางจิ้งไปพร้อมกับฉัน นั่นเท่ากับว่าเธอละเมิดข้อตกลงของเรา หลังจากนี้เธอจะไม่มีสิทธิ์การบริหารฮวาหยินกรุ๊ปอีกต่อไป ฉันคงต้องมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับคนอื่นซะแล้ว น่าเสียดาย น่าเสียดาย…”

หวานเจียงหันควับจ้องจ้าวเฉียนตาเขม็งใส่ทันใด ไม่ว่ายังไง สิทธิ์การบริหารฮวาหยินกรุ๊ปจะต้องไม่หายไปไหน เธอสบถขึ้นบ่นว่า

“นายนี่มันเย็นชาจริงๆ! แค่ล้อเล่นนิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้! นี่คนหรือเหล็กเส้น แข็งกระด้างเกินไปแล้ว!”

จ้าวเฉียนเพียงยิ้มตอบและขับรถต่อไป

ไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึงโรงแรมตงไห่

จ้าวเฉียนหยิบการ์ดVIPของเขาออกมา เพื่อเปิดห้องอาหารส่วนตัวสุดหรูที่ชั้นเจ็ด ก่อนจะพาหวานเจียงขึ้นไป

หวานเจียงขมวดคิ้วเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจว่า

“แค่หาอะไรทานเฉยๆ ทำไมต้องเสียเงินเปิดห้องตั้งชั้นเจ็ด? เปลืองเงินเปล่าๆ”

จ้าวเฉียนล็อคประตูห้องอาหาร ตรงเข้ามาสวมกอดหวานเจียงจากด้านหลังและตอบว่า

“จะไปเปลืองได้ยังไง? สำหรับเธอต่อให้ต้องจ่ายมาแค่ไหนมันก็คุ้ม”

“จริงเหรอ? ทำไมฉันถึงอยากจะเชื่อเท่าไหร่”

หวานเจียงตอบพลางปั้นหน้ารังเกียจ

แม้บนผิวเผินเธอจะบอกไม่เชื่อแถมทำท่าทำท่ารังเกียจ แต่ภายในใจของเธอกลับมีความสุขอย่างมาก ไม่ว่าสิ่งที่จ้าวเฉียนพูดไปจะเป็นความจริงหรือไม่ ทว่านั้นก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างปฏิเสธไม่ได้

ทั้งสองนั่งรับประทานดินเนอร์อย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะรูดบัตรเช็คบิค เดินทางกลับ

แต่ก็บังเอิญเหลือเกิน ทันทีที่ทั้งคู่ลงมาจากลิฟต์ ก็ดันไปชนเข้ากับหยางหมิงที่เดินมากับหวานฮันซู พร้อมด้วยชาวต่างชาติอีกคนหนึ่ง

หยางหมิงไม่พร้อมใจที่จะพูดคุยกับทั้งคู่เท่าไหร่ จึงพยายามเดินหลบหน้า แต่ไม่สำหรับหวานฮันซู เขาตรงเข้าไปเยาะเย้ยจ้าวเฉียนทันทีว่า

“จ้าวเฉียน นี่บังเอิญจังแหะ ช่วงหลังมานี้ฉันไม่เห็นแกไปที่บริษัทฟางนี่เลย หรือจะตัดใจยอมแพ้ไปแล้ว?”

ถึงนี่จะฟังดูเหมือนคำทักทายทั่วไป แต่ทั้งท่าทางและน้ำเสียงของเขากำลังเยาะเย้ยจ้าวเฉียนอย่างชัดแจ้ง

จ้าวเฉียนยิ้มให้เล็กน้อย มองข้ามอีกฝ่ายราวกับธาตุอากาศ

หันไปเห็นว่าหยางหมิงก้มหน้าก้มตาเอาแต่เงียบ จ้าวเฉียนก็อดหัวเราะไม่ได้พลางกล่าวขึ้นว่า

“โอ๊ะ? ไร้ที่พึ่งขนาดนี้แล้วเหรอครับ? ถายใต้การบริหารของคุณ เฟยอวี่กรุ๊ปในอนาคตคงจะต้องล้มละลายในไม่ช้าก็เร็วแน่นอน ฮ่าฮ่า…”

หยางหมิงคำรามตอบด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า

“จ้าวเฉียน! แกอย่าทำเป็นได้ใจนักนะ! คิดว่าอาศัยบารมีของเธอ แล้วจะพูดอะไรกับฉันก็ได้รึไง!?”

ท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนยังดูสงบนิ่งอย่างมาก เขาเอ่ยตอบไปอย่างใจเย็นว่า

“พอเห็นคุณเอาแต่ใช้อารมณ์แบบนี้ไง ผมเลยเป็นห่วงว่าในอนาคตจะไปดูแลเฟยอวี่กรุ๊ปได้ยังไงกัน? ด้วยความใจร้อน เอาอารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้งแบบนี้ ในไม่ช้าก็เร็วเฟยอวี่กรุ๊ปเตรียมล้มละลายได้เลย อย่าคิดว่า การที่คุณคลานเข่าขอความช่วยเหลือจากพวกต่างประเทศ แล้วจะทำให้ตัวเองรอดไปได้ ชักศึกเข้าบ้านมาแบบนี้ มันยิ่งจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนมากขึ้น!”

หยางหมิงและหวานฮันซูดูโกรธเกรี้ยวอย่างมาก พวกเขาอยากจะตอบโต้กลับไปทันที แต่กลับถูกชาวต่างชาติที่มาด้วยพูดแทรกขึ้นก่อนว่า

“สวัสดีครับ! คุณชื่ออะไร? ผมชื่อเจสัน สทิธ”

จ้าวเฉียนหัวเราะคำหนึ่งกล่าวตอบไปว่า

“ผมชื่อจ้าวเฉียน”

“โอเค มิสเตอร์จ้าวเฉียน ฟังนะ ผมไม่สนนะว่า ทำไมคุณถึงมีอคติต่อพวกเราขนาดนี้ แต่ตราบใดที่เราลงทุนในเฟยอวี่กรุ๊ป ทางผมจะสามารถช่วยแก้วิกฤตการณ์ของบริษัทดังกล่าวได้นแน่นอน ดังนั้นรบกวนพูดจาให้เกียรติกันด้วย ไม่อย่างนั้น ไอจะขยี้อยู่ให้แหลกคึส์ คอยดู”

เจสันสมิธกล่าวขู่โดยไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเย้ยเยาะเสียงดังลั่น โอบเอวหวานเจียงและเดินจากไปโดยไม่แม้แต่แยแสใดๆ

หวานเจียงกระซิบกับจ้าวเฉียนขึ้นว่า

“ดูเหมือนว่าพวกตระกูลหยางจะเข้าตาจนจริงๆแล้ว ถึงขนาดที่ว่าต้องขอความร่วมมือกับพวกต่างชาติ แต่ฉันมั่นใจนะว่าหยางเฉิงมีหัวคิดเดียวกับพ่อของฉัน ไม่ว่ายังไง คนอย่างเขาไม่ยอมให้พวกต่งาชาติเข้ามาแทรกแซงบริษัทได้ง่ายๆแน่นอน หรือเป็นไปได้ไหมว่า จะเป็นตัวหยางหมิงเองที่แอบมาเจรจากับพวกต่างชาติอย่างลับๆ?”

จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เธอพูดตะกี้เลย ขณะนี้เขากำลังคิดวางแผนบางอย่างอยู่ในใจ เพื่อจะหาทางให้ทุกสิ่งที่หยางหมิงพยายามมาทั้งหมดเสียเปล่า

หวานเจียงที่เห็นจ้าวเฉียนเอาแต่เหม่อลอยเจือท่าทีงุนงง และไม่ตอบกลับมาสักที เธอก็ตีจ้าวเฉียนไปทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด

จ้าวเฉียนได้สติสะดุ้งตื่นขึ้นมาโดยไว คลี่ยิ้มแห้งกล่าวถามขึ้นว่า

“เอ่ออ…ตะกี้เธอพูดอะไรนะ?”

หวานเจียงเหลือบหางตามองจ้าวเฉียนอย่างหน่ายใจ ก่อนจะสูดหายใจเย็นเข้าลึกๆและเดินจากไปพร้อมความโกรธ

พรุ่งนี้จ้าวเฉียนต้องพอเธอกลับหยางจิ้งแล้ว ดังนั้นจะมาทะเลาะกันเวลานี้ไม่ได้เป็นอันขาด จ้าวเฉียนรีบวิ่งไปง้อหวานเจียงทันทีเพื่อให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้น

“โถ่คนสวย ถ้าเอาแต่โกรธแบบนี้เดี๋ยวหน้าเหี่ยวเร็วนะ”

หวานเจียงะงักฝีเท้าปลายตามองเล็กน่อย ก่อนจะถอนหายใจใส่และเดินหน้าต่อไป

จ้าวเฉียนยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมเธอต่อไปพร้อมโดยการพูดจาหวานๆหว่านล้อมอีกฝ่าย จนทั้งคู่ออกมาถึงหน้าประตูโรงแมรโดยไม่ทันรู้ตัว

ขณะที่จ้าวเฉียนยังคงเกลี้ยกล่อมต่อไปนั้น แต่จู่ๆหวานเจียงก็หยุดชะงักฉับพลัน ยืนนิ่งไม่ก้าวออกไปจากประตูแม้สักย่างเท้าหนึ่ง

“เกิดอะไรขึ้น?”

จ้าวเฉียนพลันชะงักตาม ขมวดคิ้วแน่นด้วยความสงสัย

หวานเจียงไม่พูดไม่จา ทว่าเธอกลับส่งสายตาอ่อนให้จ้าวเฉียน ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นทันใด

จ้าวเฉียนที่เห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีถึงสิ่งที่เธออยากจะสื่อ เขาคลี่ยิ้มขึ้นดูเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก