ตอนที่ 698

Elixir Supplier

698 ยอมรับความพ่ายแพ้

 

ความจริงแล้ว คนหนุ่มทั้งสองอย่างเฉาเหอและเฉาฮุยเป็นคนที่มีความสามารถอยู่พอตัว พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากมาตั้งแต่ตอนอายุยังน้อย พวกเขาเข้าใจว่าชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นการบ่มเพาะความพยายามอุตสาหะของพวกเขาไปในตัว แต่น่าเสียดายที่พวกเขาติดตามคนผิด

 

การเลือกหัวหน้าผิด ก็เหมือนกับกับการแต่งงานกับคนที่ไม่ใช่และทำงานในสายงานที่ไม่ตรงกับความสามารถ มันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก

 

ภายในห้องคนไข้ เฉาเหมิงถอนหายใจออกมา เขารู้แล้วว่า คนในแก็งค์ของเขาได้ถูกจับเรียบร้อยแล้ว และคนพวกนั้นก็ยังสารภาพในเรื่องที่เขาพยายามจะปกปิดเอาไว้ด้วย การมีเพื่อนร่วมทีมที่โง่เง่า มันเลวร้ายยิ่งกว่าการมีศัตรูที่เก่งกาจเสียด้วยซ้ำ

 

ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกเหลืออยู่แล้ว เขาแพ้แล้ว และเป็นสิ่งที่เขาต้องยอมรับ

 

อาชญากรสารภาพความผิด แล้วเรื่องทั้งหมดก็เป็นอันจบ เรื่องที่น่าเสียดายก็คือ การที่ไม่สามารถคนที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของเฉาเหมิงได้

 

อีกสามคนที่เหลือก็ได้รับโทษตามความผิดของแต่ละคน แต่โทษไม่ถึงชีวิต พวกเขาต่างได้รับโทษที่พวกเขาสมควรได้รับ หลังจากมีการตัดสินความผิดคนทั้งหมดแล้ว หวังเย้าก็ยังคงต้องทอดถอนใจในเรื่องของเฉาเหอและเฉาฮุยไม่หาย

 

เรื่องนี้ได้จบลงแล้ว และที่หมู่บ้านก็ได้มีการเริ่มต้นสิ่งใหม่ขึ้นมาก

 

หลังจัดเตรียมของที่ต้องใช้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว หวังเจ๋อเชิงก็เริ่มลงมือปลูกสมุนไพร เขาเลือกปลูกสมุนไพรธรรมดาอย่างซิลเวิร์ธและหลงตาน เขายังปลูกฟางเฟิงกับกานเฉาเอาไว้ที่ไหล่เขาอีกด้วย

 

ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ทำ แต่ยังมีคนอื่นในหมู่บ้านที่เริ่มปลูกสมุนไพรด้วยเช่นเดียวกัน

 

หวังเฟิงหมิงเป็นคนซื่อ ซึ่งต่างจากหวังเจ๋อเชิง ที่มักจะไปหาหวังเย้าอยู่บ่อยครั้ง ก่อนหน้านี้หวังเฟิงหมิงเคยมีความคิดที่จะปลูกสมุนไพรเช่นเดียวกัน แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการแข่งขันกับหวังเย้า เขาจึงไม่เคยได้ลงมือทำสักครั้ง

 

เมื่อเขาขึ้นไปบนเขา เขาก็เห็นหวังเจ๋อเชิงที่กำลังแผ่วถางที่ดินอยู่ หลังจากที่ได้คุบจนรู้เรื่องราวแล้ว เขาก็ได้รู้ว่า หวังเจ๋อเชิงกำลังจะปลูกสมุนไพร และหวังเย้าก็คือคนที่แนะนำให้เขาเริ่มปลูก หวังเฟิงหมิงจึงไปหาหวังเย้าเพื่อสอบถามเรื่องนี้

 

“นี่ไม่ใช่เรื่องแย่เลยนะครับ ลุงก็แค่ต้องจัดการเรื่องการปลูกสมุนไพรเท่านั้น” หวังเย้าพูด “ถ้าไมรู้ตรงไหน ลุงก็ถามผมได้เลย แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่จะขายสมุนไพรเลยด้วย”

 

หวังเฟิงหมิงได้รับความชื่นชมจากคนในหมู่บ้านว่าเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ ดังนั้น หวังเย้าจึงสนับสนุนให้เขาทำอย่างเต็มที่

 

“ดีเลย” หวังเฟิงหมิงยิ้ม

 

เขากลับไปที่บ้านและเริ่มเตรียมการทั้งหมด เขาไม่สามารถปลูกสมุนไพรที่เนินเขาซีชานได้ ซึ่งหวังเย้าก็ได้แนะนำเรื่องนี้กับเขาเอาไว้ก่อนแล้ว และถึงหวังเย้าจะไม่บอก เขาก็ไม่คิดที่จะขึ้นไปบนเนินเขาซีชานอยู่แล้ว เพราะในตอนนี้ มันได้กลายเป็นสถานที่ต้องห้ามของหมู่บ้านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย และไม่มีชาวบ้านขึ้นไปบนนั้นเลยสักคน

 

มันเป็นช่วงปลายเดินมิถุนายน อากาศจึงร้อนขึ้นไปด้วย ในหลายวันที่ผ่านมา อุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 30 องศา อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 36 องศา ดีที่หมู่บ้านล้อมรอบไปด้วยต้นไม้นานาชนิด อากาศจึงยังถือว่าดี และเย็นกว่าในเมือง

 

แต่ถึงสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านจะดียังไง แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะซื้อบ้านในเมืองและย้ายออกไปอยู่ที่นั่น ซึ่งก็หมายความได้ว่า คนในหมู่บ้านหายไปเกินกว่าครึ่งของที่มีอยู่แต่เดิม

 

“ทำไมพวกเขาถึงคิดว่า ไปอยู่ในเมืองแล้วมันจะดีกว่าที่นี่ได้กันนะ?” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด

 

ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านนั่งพิงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่และพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย

 

“ก็พวกตึกสูงในเมืองมันติดตั้งเครื่องทำความอุ่นไว้ แล้วยังมีที่ให้ซื้อของได้ง่ายน่ะสิ” ชาวบ้านอีกคนพูด “ตอนนี้ มีคนหนุ่มไม่มากหรอก ที่คิดอยากจะมาอยู่ในหมู่บ้านน่ะ”

 

“ใช่ๆ ถ้าไม่มีอพาร์ทเมนต์หรือว่ารถละก็ พวกเขาก็คงจะหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้หรอก” ชาวบ้านคนที่สามพูด

 

“โอ้ ไม่สิ ยังมีคนหนุ่มในหมู่บ้านเราอยู่อีนคนหนึ่งนี่นา” ชาวบ้านคนที่สองพูด “ก็เสี่ยวเย้าของบ้านเฟิงฮวายังอยู่ไม่ใช่เหรอ? ในสายตาของฉันน่ะนะ เขาก็เป็นหนุ่มอนาคตไกลของหมู่บ้านเราเลยล่ะ”

 

“แต่เขาก็รักษาจนทำให้คนตายเลยนะ” ชาวบ้านคนที่สามพูด

 

ในหมู่บ้าน มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบหวังเย้าปะปนกันไป

 

“ฉันได้ยินมาว่า มันเป็นแผนที่จะเบลคเมลล์เอาเงินจากเขาต่างหากล่ะ” ชาวบ้านอีกคนพูด “ศาลเขาได้พิจารณาลงโทษคนพวกนั้นไปแล้ว พวกมันไม่ใช่คนในพื้นที่ แล้วยังไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกมันทำกับคนอื่นแบบนี้ด้วย”

 

“ในตอนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีคนขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน

 

“มีคนมาหาหมอล่ะ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด

 

“ใช่ป้ายทะเบียนต่างเมืองรึเปล่าน่ะ?” ชาวบ้านอีกคนถาม

 

รถขับไปจอดอยู่ที่ด้านหน้าคลินิก เจิ้งเหว่ยจวินลงมาจากรถคันนั้นและเดินเข้าไปในคลินิก

 

สำหรับเรื่องการก่อตั้งบริษัทยานั้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ขั้นตอนการดำเนินงานทางบริษัทและเรื่องโรงงานมีการเดินหน้าอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นผลมาจากอำนาจในมือของตระกูลเจิ้งด้วยที่ช่วยให้เรื่องทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะใจประเทศจีน พวกเขาถือเป็นหนึ่งในบริษัทระดับท๊อปของประเทศ

 

“หมอ ขั้นต่อไปก็จะเป็นการเริ่มก่อสร้างโรงงานแล้วนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

ในเรื่องของทำเลการก่อสร้างโรงงานนั้น ทางเขตเหลียนชานได้เสนอทำเลให้พวกเขาได้พิจารณาอยู่หลายจุดด้วยกัน แล้วสุดท้าย พวกเขาก็ได้เลือกมาสองที่ หนึ่งอยู่ใกล้กับเขต และอีกหนึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน ทั้งสองล้วนอยู่ในตัวเมือง แต่สุดท้ายจะเลือกที่ไหนก็ยังไม่ได้รับการตัดสินใจ

 

“หมอหวังว่างไปดูที่ทั้งสองด้วยกันไหมครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม

 

“ว่างสิครับ” หวังเย้าพูด

 

“หมอว่างตอนไหนครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม

 

“ผมพอจะว่างช่วงบ่ายน่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้ครับ งั้นเราไปดูที่กันตอนบ่ายนะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

หลังจากนัดหมายเวลากันเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าก็แจ้งเอาไว้ในหน้าเวยป๋อของตัวเอง ว่าคลินิกจะปิดในตอนบ่าย

 

ตอนเที่ยง หวังเย้าได้เลี้ยงข้าวเจิ้งเหว่ยจวิน ในครั้งนี้ เจิ้งเหว่ยจวินพาแค่คนขับและบอดี้การ์ดอีกสองคนมาด้วยเท่านั้น ส่วนเจิ้งชื่อฉงไม่ได้มากับเขา ในระหว่างมื้ออาหาร หวังเย้าต้องการจะเชิญพวกเขามาทานอาหารด้วยกัน แต่ทั้งหมดกลับปฏิเสธเขา

 

“หมอหวัง ผมว่าอยากจะเชิญอาจารย์ดูฮวงจุ้ยมาดูที่ให้เราด้วยน่ะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

“ดูฮวงจุ้ยเหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“ครับ หมออาจจะไม่รู้ แต่เราค่อนข้างเชื่อเรื่องนี้อยู่มากเลยทีเดียวล่ะครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “ทำเลสำหรับก่อสร้างโรงงานใหม่จะต้องให้อาจารย์ฮวงจุ้ยมาดูก่อน นี่ถือเป็นธรรมเนียมที่ทำกันมานาน แล้วมันก็ค่อนข้างมีประโยนช์ด้วยล่ะครับ”

 

อย่างน้อย ตัวหวังเย้าเองก็พอจะรู้ว่า คนมากมายและบริษัทใหญ่จำนวนมากมักจะมีปัญหาเพราะเรื่องของฮวงจุ้ยอยู่บ่อยๆ และมันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยคนนอกเข้ามาจัดการให้

 

หวังเย้ายิ้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เขาจะมาวันนี้เหรอครับ?”

 

“เขามีเรื่องต้องไปจัดการก่อนครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด “ตอนนี้เขากำลังเดินทางมาอยู่ น่าจะมาถึงสักประมาณบ่ายสามโมง แล้วค่อยให้เขามาดูที่กับเราได้ครับ”

 

“อ่อ” หวังเย้าพูด

 

เขาก็อยากจะเจอกับ “อาจารย์” ดูฮวงจุ้ยอยู่เหมือนกัน เขาเคยเจออาจารย์ดูฮวงจุ้ยมาหลายคน ในความคิดของเขานั้น เมี่ยวซานถือเป็นของแท้แค่คนเดียวในทั้งหมด

 

หลังจากทานอาหารและพักผ่อนกันแล้ว เขาและเจิ้งเหว่ยจวินก็นั่งไปในรถคันเดียวกัน และเดินทางไปที่สถานที่หนึ่งในสองที่เลือกเอาไว้ มันอยู่ใกล้กับถนนที่ขยายออกมาใหม่ของตัวจังหวัด ดังนั้น การเดินทางจึงสะดวกสบายและถนนมีความกว้าง มันจึงถือเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การสร้างโรงงาน

 

“เราลงไปดูรอบกันดีไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ก็ดีครับ” เจิ้งเหว่ยจวินพูด

 

รถขับเข้าไปจดที่ข้างถนน ทั้งสองลงมาจากรถด้วยกัน

 

ในบริเวณนี้มีข้าวถูกปลูกเอาไว้ หากมีการตกลงที่จะสร้างโรงงานขึ้นที่นี่ ทางเขตก็จะเข้ามาดูแลในเรื่องของที่ดินผืนนี้ ทางทิศตะวันออกและทิศใต้มีถนนให้รถขับผ่าน ทางทิศตะวันตกเป็นเนินเขาเล็กๆที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ส่วนทางทิศเหนือมีป่าผืนหนึ่งตั้งอยู่

 

หวังเย้ามองไปรอบๆ “อืม ที่นี่ไม่เลวเลย”

 

“เราไปดูอีกที่กันไหมครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม

 

“ครับ” หวังเย้าพูด

 

พวกเขาขับรถไปอีกที่หนึ่ง ที่ดินอีกผืนตั้งอยู่ติดกับสวนสาธารณะเฉิงเป่ย มันเป็นพื้นที่ราบ มีกระต๊อบตั้งอยู่สองสามหลัง หากได้รับการดูแลก็สามารถใช้การได้ ทางทิศเหนือ, ตะวันตกและออกมีถนนตั้งอยู่ ซึ่งสะดวกต่อการเดินทาง

 

“หมอคิดว่า ที่นี่เป็นยังไงบ้างครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม

 

เขาค่อนข้างพอใจกับที่ตรงนี้ เพราะมันง่ายสำหรับการขนส่ง และยังอยู่ใกล้กับเขต ซึ่งก็หมายถึงแรงงานที่หายได้ง่ายไปด้วย ปัญหาคือที่นี่เป็นเขตอุตสาหกรรม ไม่ใช่ที่ดินทำไร่ ดังนั้น อาจจะเกิดปัญหาการโต้แย้งอยู่บ้าง

 

“ลองเข้าไปดูกันเถอะครับ” หวังเย้าพูด

 

มันเป็นที่ดินรกร้างที่ไม่มีอะไรมาปิดการเข้าออก หวังเย้ามองไปรอบๆและเดินออกมา

 

“ผมไม่ค่อยชอบที่นี่สักเท่าไหร่เลย” หวังเย้าพูด

 

“ทำไมล่ะครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม

 

“มันมีโรงงานผลิตแบตเตอร์รี่อยู่ด้วย” หวังเย้าชี้ไปที่โรงงานหนึ่งที่อยู่ทางทิศเหนือ “โรงงานนั้นผลิตมลพิษออกมาเป็นจำนวนมาก แล้วน้ำก็ถูกปนเปื้อนจากมลพิษด้วย”

 

โรงงานแห่งนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่ในเขตเหลียนชาน ในตอนที่เริ่มมีการก่อตั้งโรงงานนี้ขึ้นมา ก็ได้มีการออกข่าวอยู่หลายวัน ในสองปีแรก มันได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม แต่แล้วปัญหาหลายๆอย่างก็ค่อยๆตามมา การผลิตแบตเตอร์รี่ได้สร้างมลพิษในระดับสูง และด้วยเหตุนี้ โรงงานถึงถูกปฏิเสธไม่ให้ก่อสร้างขึ้นในหลายพื้นที่ แต่ในเขตเหลียนชาน โรงงานกลับยังอยู่ภายใต้การพัฒนา ในเวลานั้น ทางเจ้าหน้าที่ของเขตได้อนุญาตเพื่อความก้าวหน้าทางการเมือง แต่ในเวลานี้ เมื่อมีกฎหมายเรื่องการคุ้มครองสภาพแวดล้อมออกมา ปัญหาทั้งหมดก็ถูกนำออกมาเปิดเผยให้กับผู้คนได้รับทราบ

 

มันไม่ใช่เรื่องดีเลย กับการที่ต้องเสียสละทรัพยากรธรรมชาติให้กับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ

 

“ตรงนั้นก็เป็นโรงงานผลิตยางรถยนต์” หวังเย้าชี้ไปที่โรงงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

 

“มลพิษสูงเหรอครับ?” เจิ้งเหว่ยจวินถาม

 

“มลพิษเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น” หวังเย้าพูด “บริษัทนั้น ตอนที่สร้างขึ้นมาใหม่ๆ ได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่ว ทางบริษัทได้เคลมว่า พวกเขาลงทุนไปกว่าหนึ่งพันล้านหยวน และเท่าที่ผมรู้ตอนนี้ บริษัทมีหนี้อยู่จำนวนมากและไม่สามารถทำต่อได้แล้ว”