ตอนที่ 122 หน้าเธอตอนร้องไห้นี่ขี้เหร่ชะมัด / ตอนที่ 123 ชนะทั้งโลกแต่กลับแพ้นาย

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 122 หน้าเธอตอนร้องไห้นี่ขี้เหร่ชะมัด 

 

 

ฉีเหยียนซีก็สังเกตเห็นเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดทำอะไรหลังจากลังเลอยู่แวบหนึ่ง  

 

 

เพียงแค่ชั่ววินาทีที่อยู่ในภวังค์นั้น เขาก็เห็นเซิ่งอี่เจ๋อรีบวิ่งไปหาอันซย่าซย่าด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ ดูราวกับเสือชีตาห์ที่กำลังวิ่งผ่านป่า 

 

 

คังเจี้ยนก็พุ่งตัวไปในทิศทางเดียวกันเช่นกัน เขาเกือบจะสะดุดกระแทกพื้นด้วยความตกใจ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อคว้ามือเธอเอาไว้และกระชากเธอเข้าสู่อ้อมแขน 

 

 

นักเรียนห้องซีต่างก็กรีดร้อง ด้วยความตกใจ ใบหน้าหญิงสาวซีดเผือด และก่อนที่เธอจะได้ทันขยับตัวในอ้อมแขนของเขา ชายหนุ่มก็เหวี่ยงเธอออกไป 

 

 

พลั่ก— 

 

 

มีเสียงวัตถุขนาดใหญ่กระแทกเข้ากับเนื้อ ตามมาด้วยเสียงโลหะล้มกระแทกพื้นดังเปรื่อง 

 

 

“ว้าย—” เสียงกรีดร้องของนักเรียนหญิงดังต่อกันไปเป็นทอดๆ จนแก้วหูของทุกคนแทบฉีก 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อกับนักเรียนชายอีกคนที่หลบไม่ทันเป็นสองคนที่ถูกกระแทก  

 

 

อันซย่าซย่าคิดอะไรไม่ออก รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะกระเด็นออกมาจากอก แต่สีหน้าเซิ่งอี่เจ๋อกลับสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  

 

 

เด็กผู้ชายอีกคนตอนนี้ร้องเสียงหลงแล้ว นักเรียนคนอื่นๆ และบรรดาครูก็เข้ามามุงรอบๆ ตัวพวกเขา  

 

 

“ยัยซื่อบื้อ! ไม่รู้หรือไงเวลาไหนควรจะหลบ!” เซิ่งอี่เจ๋อว่าเธอด้วยเสียงแผ่วต่ำ ซึ่งเรียกน้ำตาจากเธอได้ในทันที 

 

 

เธอคิดเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า ทำไมสำหรับเธอแล้วมันฟังดูเหมือนว่าเซิ่งอี่เจ๋อเป็นห่วงเธอนะ 

 

 

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก และเธอก็ดันไปยืนอยู่ผิดที่ผิดทาง คนก็วิ่งหนีกันพล่านไปหมด เธอไม่มีเวลาที่จะหลบให้พ้นทางนี่นา 

 

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเซิ่งอี่เจ๋อมาช่วยไว้ได้ทันเวลา เธอคงจะถูกฟาดล้มเหมือนเพื่อนผู้ชายคนนั้นแล้ว! 

 

 

“ซะ เซิ่งอี่เจ๋อ…นาย…ไม่เป็นไร…” อันซย่าซย่าพูดจาตะกุกตะกักเพราะจวนเจียนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว เธอกลัวมากว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บร้ายแรง 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อตอบอย่างไม่เดือดร้อน “แน่สิ ฉันไม่เป็นไร นี่ อย่าร้องไห้เลย รู้อะไรไหม อันซย่าซย่า เธอขี้เหร่ชะมัดตอนร้องไห้!” 

 

 

คังเจี้ยนยืนดูการโต้ตอบของทั้งสอง รู้สึกเหมือนถูกละเลยโดยสิ้นเชิง สีหน้าเขาดูอ้างว้าง 

 

 

“อือฮึ…” หญิงสาวกลั้นสะอื้น “นายจะไม่เป็นไรใช่ไหม โดนกระแทกเข้าที่หลังหรือหัวไหม นายจะกลายเป็นคนโง่หรือเปล่า…” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยืนอึ้งไปสองวินาที จากนั้นก็ดีดหน้าผากเธอก่อนจะพูดหยอก “ไม่ต้องห่วงน่ะ ฉันไม่มีทางบื้อเท่าเธอหรอก!” 

 

 

เขาหันหลังแล้วเดินจากไป อันซย่าซย่าก็ตะโกนไล่หลังเขาอย่างเป็นกังวล “จะไปไหนน่ะ” 

 

 

“กลับไปแข่งต่อน่ะสิ” เซิ่งอี่เจ๋อกลับเข้าลู่วิ่งหลังจากอธิบายสั้นๆ 

 

 

คังเจี้ยนมองเธอด้วยสายตาที่ไม่อาจหยั่งถึงแล้วออกวิ่งตามไป 

 

 

การแข่งขันวิ่งไม่ได้หยุดลงเพราะอุบัติเหตุ และฉีเหยียนซีก็กำลังนำเป็นที่หนึ่งในตอนนี้ 

 

 

ไม่นานก็มีเสียงนกหวีดดังขึ้น 

 

 

ฉีเหยียนซีชนะการแข่งขัน 

 

 

ไม่มีใครส่งเสียงเชียร์ ฉีเหยียนซียังมีสีหน้าเมินเฉยเมื่อกรรมการเข้ามาแสดงความยินดีที่เขาชนะ ชายหนุ่มหันไปอีกทางหนึ่งด้วยแววตารู้สึกผิด 

 

 

เขาเลือกที่จะวิ่งต่อไปเพื่อเอาชนะเซิ่งอี่เจ๋อ 

 

 

ตอนนี้เขาก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว เขาชนะ เขาชนะอย่างใสสะอาด 

 

 

ทว่า…ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด… 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อกำลังวิ่งอย่างมั่นคง แต่อย่างไรก็ตาม คังเจี้ยนสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเขวเล็กน้อยตอนเขาโค้ง 

 

 

เขาบาดเจ็บ 

 

 

ด้วยความที่ถูกทิ้งระยะห่างไปมาก ในที่สุดเซิ่งอี่เจ๋อก็เข้าเป็นอันดับเจ็ดและคังเจี้ยนเป็นอันดับแปด 

 

 

ถึงอย่างนั้น เสียงปรบมือก็ยังดังไปทั่วทั้งสนามขณะที่ทุกคนร่วมแสดงความยินดีกับเซิ่งอี่เจ๋อ 

 

 

ชายหนุ่มแสร้งทำสีหน้าปกติและกำลังจะเดินออกจากสนามเมื่อร่างเล็กๆ โผเข้ามาใกล้ๆ และตะโกนเสียงดัง “เซิ่งอี่เจ๋อ! เจ้าคนงี่เง่า! เลิกทำเป็นเท่แล้วไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย!” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 123 ชนะทั้งโลกแต่กลับแพ้นาย 

 

 

ยิ้มจางๆ วูบไหวออกมาทางดวงตาของเซิ่งอี่เจ๋อ แต่เขาก็ยังคงสีหน้าท่าทางหยิ่งผยองเอาไว้ “อันซย่าซย่า เสียงดังไปไหม” 

 

 

อันซย่าซย่ากระวนกระวายใจเสียจนเหงื่อเม็ดเล็กๆ เกาะพราวอยู่บนปลายจมูก นัยน์ตาก็รื้นไปด้วยน้ำตา เธอวิ่งเหยาะๆ ตามเขาไปพลางเซ้าซี้ถาม “เดินช้าๆ หน่อยสิ ดื่มน้ำหน่อยไหม เวียนหัวหรือเปล่า เจ็บแผลเดิมไหม โอ๊ย…ทำไมอยู่ๆ ก็หยุดเดินเล่า” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อมองดูเจ้าสิ่งเล็กๆ ที่มากระแทกเข้ากับแขนของเขาโดยไม่ตั้งใจด้วยความอยากรู้ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นลูบผมเธอ “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เป็นอะไร เลิกจู้จี้เสียที” 

 

 

“ไม่ได้สิ! ถ้าหากนายเกิดอาการสมองกระทบกระเทือนแล้วยังไม่แสดงอาการขึ้นมาล่ะ และ และมันอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนอะไรก็ได้นะ!” อันซย่าซย่าร่ายสมมติฐานต่างๆ ทั้งหมดด้วยน้ำเสียงจริงจัง อาจเพราะป่าป๊าอันเคยเป็นหมอมาก่อน เธอก็เลยอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้ 

 

 

นอกจากนี้ เธอยังเป็นห่วงเซิ่งอี่เจ๋อจริงๆ นะ! 

 

 

ห่างออกไปจากทั้งสองคนไม่ไกลนัก ฉีเหยียนซีเริ่มมีสีหน้ามืดทะมึนด้วยความโกรธ 

 

 

เขามองเห็นความอ่อนโยนและความสุขฉายอยู่บนใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อ 

 

 

หมอนั่นดูไม่สนใจเลยสักนิดที่แพ้การแข่งขัน 

 

 

ไม่หรอก เซิ่งอี่เจ๋อไม่ได้ลงแข่งวิ่งเพื่อเอาชนะเขาตั้งแต่แรก เจ้านั่นลงแข่งเพราะอันซย่าซย่าเท่านั้น ใช่ไหมล่ะ 

 

 

และแล้ว คำกล่าวหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของฉีเหยียนซี ฉันชนะทั้งโลก แต่กลับพ่ายแพ้นาย 

 

 

เขาชนะการแข่งขันก็จริง แต่ในท้ายที่สุดแล้วเขากลับไม่ได้อะไรเลย 

 

 

อันซย่าซย่า… เธอจะนึกโทษฉันเรื่องนั้นไหมนะ ฉีเหยียนซีรู้สึกราวกับว่าเขาได้จมลงใบในบึงน้ำที่เขาไม่สามารถตะกายขึ้นมาได้ 

 

 

ชายหนุ่มไม่รู้สึกตัวเลยว่าเดินออกมาจากสนามกีฬาได้อย่างไร เขาเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารหลังหนึ่งภายในโรงเรียนและนอนจ้องมองหมู่เมฆสีขาวที่อยู่เหนือศีรษะ 

 

 

ไม่นานนัก ร่างผอมบางร่างหนึ่งก็นั่งลงข้างๆ เขาพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเช่นเดียวกับที่เขาทำ เธอเงียบเชียบยิ่งกว่าฝุ่นผงในอากาศเสียอีก 

 

 

ฉีเหยียนซีเหลือบตามองเธอเงียบๆ พักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา “มู่หลี ทำไมโลกนี้ถึงได้มีเรื่องที่น่ารำคาญใจมากมายจัง” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อน่ารำคาญ ตาแก่ที่บ้านก็น่ารำคาญ บรรยากาศในบ้านฉีก็น่ารำคาญ และสิ่งที่เกิดขึ้นกับอันซย่าซย่าในวันนี้คือเรื่องที่น่ารำคาญใจที่สุดเลย! 

 

 

มู่หลีไตร่ตรองคำถามนั้นอย่างจริงจังก่อนจะตอบด้วยเสียงเล็กๆ “คงเป็นเพราะโลกใบนี้อาจไม่ใช่ที่ที่น่าอยู่มาตั้งแต่แรกก็ได้” 

 

 

ฉีเหยียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำตอบของเธอ เขามองผ่านๆ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ตรงรอยช้ำที่ต้นแขนเธอ แล้วม่านตาเขาก็กระตุก 

 

 

“เธอไปได้แผลนั่นมาจากไหน ใครรังแกเธอเหรอ” 

 

 

มู่หลีหน้าซีดพลางยิ้มกลบเกลื่อน “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่เป็นไร” 

 

 

บางแผลได้มาจากเจี่ยนซินเอ๋อร์กับหลีชั่นซิงที่มาแก้แค้นคืน ขณะที่บางแผลได้มาจากคราวก่อนที่… ฉีเหยียนซีไม่ยอมกลับบ้าน ป้าฉีจึงตีเธอด้วยไม้ขนไก่ 

 

 

เจ็บไหม ก็ควรจะเจ็บสิ 

 

 

แต่อย่างไรเสีย เธอดูเหมือนจะไม่สามารถรอดพ้นจากความเจ็บปวดไปได้เลย 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อปล่อยให้อันซย่าซย่าจู้จี้เขาอยู่กับเรื่องที่ดูเธอจะไม่ยอมปล่อยผ่านแน่ๆ ก่อนจะตอบอย่างไม่เร่งรีบ “อืม ฉันจะไปหาหมอประจำโรงเรียนแล้ว แต่รู้สึกเวียนหัวจัง ทำไมกันนะ ฉันคงไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงหรอกใช่ไหม” 

 

 

เสียงไซเรนเหมือนจะดังขึ้นในหัวเธอทันทีและเธอก็รู้สึกผิดยิ่งขึ้นไปอีก 

 

 

โธ่ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เซิ่งอี่เจ๋อก็ไม่ต้องบาดเจ็บหรอก! 

 

 

เธอรีบเดินเข้าไปประคองเขาทันที “เอนพิงฉันไว้สิเซิ่งอี่เจ๋อ ฉันจะไม่ปล่อยให้นายเป็นอะไรไปหรอก! อืม เดินช้าๆ นะ นายเวียนหัว…” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อพยักหน้าอย่างสุภาพมาดแมน “ใช่ มากเลย” 

 

 

เขารู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าแม่ตัวน้อยโอบเขาแน่นขึ้น สีหน้าตื่นตกใจของเธอแทบทำเอาเขาหลุดหัวเราะออกมา 

 

 

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย 

 

 

แต่ถึงอย่างนั้น…ที่เขากำลังแกล้งทำอยู่นี่มันไม่ผิดศีลธรรมไปหน่อยหรือ 

 

 

แหม แถวนี้ต้องการศีลธรรมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน