เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1090 ท่องรอบทิศ

แปลโดย iPAT

ภารกิจสำรวจไท่ชิวจบลงด้วยความสำเร็จ ฟางหยวนสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามอบรางวัลหกร้อยแต้มผลงานให้กับฟางหยวน

ด้วยแต้มผลงานเหล่านี้ ฟางหยวนสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆมากมาย สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขามากที่สุดคือเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ในคลังสมบัติของนิกายหลางหยา

นิกายหลางหยามีสุดยอดมรดกที่แท้จริงสามอย่าง พวกมันล้วนมาจากตัวตนในตำนานไม่ว่าจะเป็นเทพอมตะตะวันเดือด เทพปีศาจปล้นสวรรค์ และบรรพชนผมยาว ท่ามกลางมรดกเหล่านี้ไม่มีมรดกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่นิกายหลางหยามีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะจำนวนมากรวมถึงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

แต่ฟางหยวนไม่รีบร้อนใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนกับพวกมัน

ตอนนี้เขาไม่มีเวลาแลกเปลี่ยนเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงหรือหลอมรวมวิญญาณอมตะใดๆ

ในการเดินทางไปไท่ชิว ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองอย่างลึกซึ้ง

แม้เขาจะประสบความสำเร็จในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่และสามารถเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเดินทางไกล แต่หากเขาต้องกลับไปอีกครั้ง เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

‘พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดลดลง มันสามารถใช้ได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เจตจำนงสวรรค์สามารถคิด ก่อนหน้าข้าประเมินมันต่ำเกินไป ในช่วงเวลาที่ข้าจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ ข้าไม่สามารถปกปิดตัวตน เจตจำนงสวรรค์รู้เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นมันจึงพยายามส่งอิทธิพลต่อความคิดของสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆ’

ตั้งแต่เจตจำนงสวรรค์พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อกำจัดฟางหยวน มันย่อมต้องวางกับดักทุกชนิดรวมถึงความตายของช้างแรกกำเนิดตัวนั้น

มันจะดีที่สุดที่ฟางหยวนจะไม่กลับไป

แต่กระทั่งเขาจะไม่ต้องการไป นิกายหลางหยาก็ต้องส่งเขาไปที่นั่น

‘จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้รับคำแนะนำจากข้า เขาจะส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไปฝึกฝนอยู่ที่นั่น’

‘การบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องพึ่งพาวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง และในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ พวกเขาต้องมีทรัพยากรอมตะ’

‘นิกายหลางหยามีคลังสมบัติที่เต็มไปด้วยทรัพยากรอมตะ แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนควบคุมแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามาอย่างยาวนานและมุ่งมั่นกับการหลอมรวมวิญญาณ ดังนั้นสมบัติส่วนใหญ่ย่อมเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดหรือกึ่งระดับเก้า สำหรับทรัพยากรอมตะระดับหกหรือเจ็ด พวกมันอาจมีไม่มาก’

‘ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะสร้างภารกิจรวบรวมทรัพยากรอมตะและส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไปที่ไท่ชิวเพื่อสังหารสัตว์อสูรเดียวดาย ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะขณะเดียวกันผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็สามารถฝึกฝนและยกระดับพลังการต่อสู้ไปพร้อมกัน จุดนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล’

‘เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์สามารถคิด ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้จะกลายเป็นเหยื่อเพื่อล่อลวงให้ข้าออกไป’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ

นิกายหลางหยาแข็งแกร่งกว่าเขาและในเวลานี้เขากลายเป็นตัวหมากเบี้ยของนิกาย

กระทั่งฟางหยวนจะวางแผนต่อต้านนิกายหลางหยา เขาก็ยังต้องคิดถึงอนาคตของนิกายและไม่สามารถฝ่าฝืนข้อตกลงพันธมิตร

‘นี่คือข้อได้เปรียบของการมีข้อมูลที่มากกว่าอีกฝ่าย’ ฟางหยวนถอนหายใจและตระหนักถึงคุณค่าของข้อมูลอีกครั้ง

ผู้ใช้วิญญาณแต่ละเส้นทางมีความชำนาญเฉพาะด้านของตนเอง

เส้นทางแห่งข้อมูลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

หากใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นทางแห่งข้อมูลจะทำให้ผู้ใช้วิญญาณมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่เหนือเส้นทางสายอื่น

แน่นอนว่าข้อได้เปรียบด้านข้อมูลของฟางหยวนได้รับมาจากการทำธุรกรรมกับนิกายเงา

ขณะที่นิกายเงาต้องจ่ายราคามหาศาลเพื่อให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์และนิกายหลางหยา

‘ข้ายังขาดวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล จากนี้ข้าต้องพยายามแก้ไขมัน!’ ฟางหยวนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลมีทักษะในการรวบรวมข่าวกรองและสร้างข้อตกลงพันธมิตร พวกเขามักเป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูลแก่ผู้คน สิ่งนี้อาจเหมือนไม่สำคัญสำหรับการบ่มเพาะ แต่คนผู้หนึ่งอาจได้รับประโยชน์มหาศาลจากมัน

ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ

เกิดเสียงดังขึ้นที่นี่

“พบแล้ว!”

“พวกเราค้นหามามากกว่าสิบครั้ง พวกเขาซ่อนตัวดีเกินไป”

ผู้อมตะจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลตอบสนองด้วยการทะยานร่างออกไป

อิงอู๋เซี่ยพ่นเลือดออกมาจากปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งร่างกายยังขาดหายไปครึ่งหนึ่ง

“เพียงผีดิบอมตะผู้หนึ่ง…” ผู้อมตะนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลลอยอยู่กลางอากาศและเย้ยหยันอิงอู๋เซี่ย

“จับพวกเขาอย่างมีชีวิต!”

“แม้จะเป็นผีดิบอมตะ เขาก็ยังมีวิธีซ่อนตัวที่น่าอัศจรรย์ พวกเราต้องสอบปากคำเขา!”

ผู้อมตะอีกสองคนตะโกนและเพิ่มความเร็วขึ้น

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “พวกเจ้าต้องการวิธีซ่อนตัวงั้นหรือ? แน่นอนว่าข้าสามารถบอกพวกเจ้าเดี๋ยวนี้!”

‘โอ้ ไม่!’

การแสดงออกของผู้อมตะนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลทั้งสามเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาตระหนักถึงแผนการของศัตรู

อิงอู๋เซี่ยเปิดเผยจุดอ่อนเพื่อล่อลวงศัตรู

ผู้อมตะนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลไม่ได้ตอบสนองช้าแต่อิงอู๋เซี่ยเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอ แล้วพวกเขาจะหลบหนีได้อย่างไร?

ในไม่ช้าค่ายกลวิญญาณก็ถูกกระตุ้นใช้งาน

ผู้อมตะนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลทั้งสามตกลงสู่ความสิ้นหวัง พวกเขารู้สึกถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง

ในครั้งเดียวพวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อน

พริบตาต่อมาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของผู้อมตะทั้งสามก็ถูกระเบิดทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยพลังอำนาจของสุดยอดค่ายกลวิญญาณ

แม้พวกเขาจะต้องการหลบหนี แต่พวกเขาก็ต้องมีเวลาอย่างน้อยสามลมหายใจ

“ฮืม…ข้าจะเก็บบางสิ่งที่น่าสนใจจากพวกเจ้าเป็นอันดับแรก” อิงอู๋เซี่ยเย้ยหยัน

เพียงเมื่อเขากล่าวจบคำ ถ้ำนรกใต้พิภพก็เกิดการสั่นสะเทือนพร้อมกับแสงสว่างที่ส่องประกายขึ้น

“เร็วมาก! วังสวรรค์พบจำแหน่งของข้าแล้วและกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่!” อิงอู๋เซี่ยตะลึง

แต่หลังจากนั้นเขายังสามารถสงบจิตใจ

เขาบินเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านการอนุมานจากวังสวรรค์และผู้อมตะจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล ค่ายกลวิญญาณทำงานหนักเกินไป ตอนนี้มันจึงได้รับความเสียหายรุนแรงและกำลังจะพังทลายลง

แต่อิงอู๋เซี่ยไม่สนใจ

เขาวางแผนละทิ้งสถานที่นี้มาตั้งแต่แรก

หากค่ายกลวิญญาณจะล่มสลาย มันก็ไม่ใช่ปัญหา

“นายท่าน” ซื่อหนิวปรากฎตัวต่อหน้าอิงอู๋เซี่ยขณะที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันติดตามอยู่ด้านหลัง

ทั้งสองสูญเสียวิญญาณอมตะทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาลดลงจนถึงจุดต่ำสุด ซื่อหนิวแข็งแกร่งที่สุดโดยเฉพาะเมื่ออิงอู๋เซี่ยคืนวิญญาณอมตะให้เขาแล้ว

ไท่เป่ยหยุนเฉิงกังวล “ฟางหยวน อาการบาดเจ็บของเจ้า…”

อิงอู๋เซี่ยยิ้มและโบกมือ “ไม่จำเป็นต้องกังวล”

หลังจากทำธุรกรรมกับฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยสูญเสียร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไป แต่เขายังสามารถควบคุมคนทั้งสามได้อย่างสมบูรณ์แบบ

มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหลอกลวงไท่เป่ยหยุนเฉิงว่าร่างผีดิบอมตะของเขาถูกทำลายขณะหลอมรวมวิญญาณอมตะ นี่เป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดที่จะไม่ดึงดูดความสงสัย

“ศัตรูอยู่ตรงหน้า หยุดพูดและจากไป” ด้วยความต้องการของอิงอู๋เซี่ย ค่ายกลวิญญาณแตกออกขณะที่วิญญาณอมตะบินเข้ามาหาเขา

คนทั้งสี่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่ในสี่ทิศทาง

ก่อนจากไป อิงอู๋เซี่ยมองแสงลึกลับที่อยู่ด้านบนและหัวเราะ “ภาคกลาง…พวกเราจะกลับมาพร้อมกับการแก้แค้น!”

หลังจากทำธุรกรรมกับฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยได้รับทางออกสายหนึ่งเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์

“ไป!”

แสงสว่างส่องประกายขึ้นบนร่างของคนทั้งสี่

พวกเขาฝึกซ้อมกันมาหลายครั้ง ด้วยวิญญาณอมตะที่หลอมรวมสำเร็จเมื่อเร็วๆนี้ พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าพิศวง

“บึม!”

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหายตัวไปในที่สุด

ผู้อมตะจากวังสวรรค์มาช้าไปก้าวหนึ่ง

“พวกเขาจากไปเร็วมาก!” ผู้อมตะหญิงจากวังสวรรค์อุทาน

นางก็คือเทพธิดาจื่อเว่ย!

ผู้อมตะหญิงที่มีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาไม่ด้อยกว่าเจ้าวังสวรรค์คนก่อน

เมื่อนางลงมือ อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆถูกผลักเข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง หากไม่ใช่เพราะฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยจะต้องตายอย่างแน่นอน

นางมองเศษหินบนพื้นและสรุปด้วยคิ้วที่เริ่มขมวดเข้าหากัน “ผู้อมตะสี่คน..แปลก…เดิมทีข้าอนุมานว่าฟางหยวนอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากนิกายเงาหรือไม่ พวกเขาก็ต้องถูกกำจัด!”

นางกล่าวเบาๆแต่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

ผู้อมตะวังสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังกล่าว “ครั้งนี้พวกเขาจะไม่สามารถหลบหนี ข้าจะตามจับพวกเขา!”

เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มบางแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น “เราไม่สามารถตามจับพวกเขาได้อีก คนทั้งสี่ไปถึงกำแพงภูมิภาคแล้ว ตอนนี้พวกเขาควรจะอยู่ในกำแพงพลังงาน”

ผู้อมตะจากวังสวรรค์ประหลาดใจมาก

บางคนถาม “เหตุใดจึงรวดเร็วนัก?”

“นี่คือค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณที่มีชื่อว่าท่องรอบทิศ ก่อนหน้านี้เมื่อโป้ชิงตื่นขึ้น เขาพร้อมกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหยูมู่ฉาน ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา และมังกรโลหิตซ่งซื่อซิงก็ใช้วิธีนี้เดินทางจากน้ำตกสวรรค์ไปยังนิกายบัวสวรรค์”

“แม้เราจะมีวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณนี้ใช้ผู้คนเป็นแกนกลาง มันมีข้อจำกัดที่ต่ำกว่า ตอนนี้พวกเราไม่สามารถหยุดพวกเขาได้อีกต่อไป”

เทพธิดาจื่อเว่ยสรุปและกล่าวอย่างช้าๆ

เพียงชั่วครู่นางก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างถ่องแท้ นางรู้กระทั่งวิธีที่อิงอู๋เซี่ยในการหลบหนีเพื่อรักษาชีวิตรอด