Ch.215 – หลอมกลั่นโดยรูบิควิเศษ

Provider : Muntra

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.215 – หลอมกลั่นโดยรูบิควิเศษ

 

ตั้งแต่ต้นจนจบการประมูลตั๋ว ฉินเฟิงไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย

 

“คุณดูเหมือนจะไม่สนใจสักเท่าไหร่เลยนะ นี่ไม่ตื่นเต้นเลยหรือ? ภายในเกาะ แค่ดูจากวิดีโอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีโชคก้อนใหญ่กำลังรออยู่!” ชิหลงมองไปยังเหล่าผู้คนที่ได้รับตั๋วด้วยความอิจฉา แต่เขาไม่ได้มีคนทรงอิทธิพลคอยหนุนหลัง ฉะนั้นไม่อาจปล้นชิงตั๋วจากคนใหญ่คนโตเหล่านี้ได้

 

ฉินเฟิงยิ้มอย่างเฉยเมย “อย่าเพิ่งรีบร้อนไป โชคก้อนใหญ่น่ะมีแน่ๆ แต่ช่วงเวลาที่จะได้เพลิดเพลินกับมันยังมาไม่ถึง”

 

ระหว่างกล่าว สายตาของเขาก็ตกลงบนกลุ่มคนจากองค์กรมืด

 

เขาพบว่าคนเหล่านี้กำลังมองหน้ากันและกัน ในแววตาสื่อความหมายบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้

 

อย่างไรก็ตามไม่ต้องสงสัยเลย ว่าคนพวกนี้กำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่แน่ๆ

 

ชิหลงเหมือนจะสังเกตเห็นเช่นกัน เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้และกล่าว “ด้วยอิทธิพลของกลุ่มหวันซ่ง ไม่ใช่สิ่งที่คนพวกนี้จะสร้างปัญหาได้”

 

แต่ฉินเฟิงกลับไม่คิดแบบนั้น 

 

เพราะถ้าองค์กรมืดหวาดกลัวอะไรแบบนี้จริงๆ พวกมันคงไม่ถูกเรียกว่าองค์กรมืดหรอกจริงไหม?

 

ไม่ต้องกล่าวถึงประสบการณ์ก่อนเกิดใหม่ที่ได้บอกกับฉินเฟิง ว่าอีกไม่นาน จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น

 

“ถ้าคุณไม่ติดธุระอะไร ขอแค่อยู่พักต่ออีกสักวันหนึ่ง แล้วค่อยออกเดินทาง”

 

ฉินเฟิงบอกชิหลงและฮั่นเจียน คนแรกตอบตกลงทันที ส่วนคนหลังลังเล

 

เพราะฮั่นเจียนเองก็สามารถประมูลสินค้าบางอย่างได้เหมือนกัน ทั้งยังพกเงินติดตัวเป็นจำนวนมหาศาล ตามปกติแล้วสมควรให้ความสำคัญกับมันมากกว่าสิ่งอื่น และเพื่อความปลอดภัยจะต้องรีบกลับไปยังเมืองของตัวเองทันที ถึงให้เร็วขึ้นสักเล็กน้อยก็ยังดี

 

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งเหล่านี้บางส่วนยังต้องนำไปให้คนอื่นๆในสถานชุมชนอีกทอดหนึ่ง

 

แต่เมื่อมองไปยังท่าทีที่สงบและมั่นคงของฉินเฟิง เขาก็เริ่มเกิดความเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่าย

 

‘ฉินเฟิงสามารถเติบโตมาได้ถึงขนาดนี้ในระยะเวลาอันสั้น แสดงว่าเขาต้องรู้หรือครอบครองบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษออกไป ไม่งั้นวัยรุ่นอย่างเขาจะกลายมาเป็นตัวตนทรงพลังดั่งเช่นปัจจุบันได้อย่างไร? อย่างน้อยที่สุดโชคของเขาสมควรไม่เลวร้าย! ’

 

เมื่อลองพิจารณาถึงพัฒนาการแบบก้าวกระโดดของฉินเฟิง ฮั่นเจียนก็ตัดสินใจค้างที่นี่ต่ออีกหนึ่งคืน 

 

ณ เวลานี้ งานประมูลได้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไป บางส่วนออกจากเมืองไห่ทันที แต่ก็ยังมีบางส่วนที่พักต่อเช่นกัน

 

ฉินเฟิงกลับห้องเพื่อพักผ่อน และบอกหลิงหวูยี่ให้ตื่นตัวตลอดเวลา เพราะจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน

 

ส่วนฮั่นเจียนกับชิหลง ฉินเฟิงไม่ได้บอกอะไรทั้งสองเป็นพิเศษ

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองคนนี้ หลังจากได้เข้าไปยัง ‘พื้นที่ลึกลับ’ อาจจะผันตัวมาเป็นศัตรูกับตนก็ได้

 

“แก่นพลังงานพวกนี้สำหรับเธอ” ฉินเฟิงมอบแก่นพลังงานที่ประมูลมาให้แก่ไป๋หลี “แต่ตอนนี้เธอขึ้นเป็นเลเวล E แล้ว ฉะนั้นการยกระดับมันจะยากกว่าก่อนๆ จำนวนเท่านี้อาจไม่เพียงพอ แต่ราชันย์สัตว์ร้ายน่ะทรงพลัง ยากต่อการสังหาร อีกทั้งยังยากจะหาตัวเจอ พอลองพิจารณาดูแล้ว ถือว่าจำนวนแก่นพลังที่พวกเราประมูลมาได้ ก็มากเกินกว่าที่คิดเยอะแล้ว”

 

ไป๋หลีพยักหน้าและกล่าว “ถ้าสามารถวิวัฒนาการได้อีกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงแค่เรื่องเลเวล D บางทีฉันอาจสามารถเลื่อนขั้นเป็นระดับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลยก็ได้!”

 

จักรพรรดิสัตว์ร้าย!

 

ได้ยินสี่คำนี้ ในหัวใจฉินเฟิงก็เต้นครึกโครม เขาไม่เคยคาดฝันเลย ว่าไป๋หลีจะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นได้ถึงระดับนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ยิ่งเธอแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่มันก็ยิ่งดี เพราะยังไงซะ ไป๋หลีก็ถือเป็นผู้ช่วยอันดับหนึ่งของฉินเฟิง

 

“นั่นฟังดูยอดไปเลยนี่นา! แล้วเธอคิดว่าตอนนี้ต้องการแก่นพลังงานสักกี่ก้อนกัน?”

 

ไป๋หลี “น่าจะอีกสักราวๆ 10 เท่าของที่มีอยู่ตอนนี้!”

 

สมองของฉินเฟิงกลายเป็นว่างเปล่าไปอย่างกระทันหัน ดูเหมือนว่าแม้ตนจะสามารถทำเงินได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่พอที่จะใช้เลี้ยงไป๋หลีแบบอุดมสมบูรณ์!

 

“เธอไปจัดการเรื่องแก่นพลังงานแล้วพักเถอะ ส่วนฉันขอตัวไปทดสอบสินค้าประมูลที่พวกเราได้รับมา”

 

ไป๋หลีพยักหน้าเห็นด้วย แก่นพลังงานที่ฉินเฟิงมอบให้ นับว่าเพียงพอให้เธอดื่มด่ำกับมันไปอีกสักพัก!

 

สนทนากับไป๋หลีจบ ฉินเฟิงก็หยิบวัตถุดิบจากงานประมูลช่วงเช้าออกมา รวมทั้งรูบิควิเศษ

 

“ตอนนี้มาดูกัน”

 

ในความเป็นจริงแล้วรูบิคยังมีจุดอ่อนอยู่อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือหากต้องการยกระดับอุปกรณ์ไปอีกขั้นหนึ่ง จะสามารถอัพเกรดได้ทีละขั้นเท่านั้น ไม่สามารถกระโดดข้ามขั้นได้ มิฉะนั้นอุปกรณ์รูนจะพังทลาย

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องแค่นี้หากเทียบกับฟังก์ชั่นอื่นๆของมันแล้ว ถือว่าส่งผลกระทบน้อยมาก ดังนั้นฉินเฟิงเลยให้หลิงหวูยี่ชิงพูดข้อเสียของมัน เพื่อให้ผู้ประมูลคนอื่นๆเกิดความรู้สึกลังเล

 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะฉินเฟิงมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูบิควิเศษอยู่ก่อนแล้ว มันเลยช่วยขจัดปัญหาต่างๆที่จำเป็นต้องทดลอง

 

ยังไงก็ตาม วัตถุชิ้นแรกที่ฉินเฟิงหยิบออกมา ไม่ใช่มีดกษัตริย์คราม

 

แต่เป็นกรงเล็บเพลิงสีชาดเลเวล F5!

 

นี่คืออุปกรณ์รูนอบิลิตี้ที่เติ้งเหนียนมอบมันให้แก่เขา

 

“ครั้งแรกขอลองด้วยเจ้านี่ก่อนแล้วกัน!”

 

ฉินเฟิงวางกรงเล็บเพลิงสีชาดลงบนโต๊ะ ให้รูบิควิเศษนำมันเข้าไป 

 

กรงเล็บรวมเข้ากับรูบิค สภาพภายในกรงเล็บกลายเป็นโปร่งใส ฉินเฟิงสามารถมองเห็นทุกวัสดุภายในมันได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเห็นถึงโหนดพลังงานจำนวนมาก รอบแก่นอบิลิตี้ –มันคือองค์ประกอบที่ช่วยเสริมให้เขาปลดปล่อยอบิลิตี้ได้รุนแรงขึ้น ยามใช้งานมันพร้อมกับกรงเล็บ

 

ในสายตาของคนอื่นๆ อาจเห็นว่ามันคืออุปกรณ์รูนอันยอดเยี่ยม แต่ในมุมมองของฉินเฟิง เห็นได้ชัดว่าวัสดุหลายชิ้นที่ใช้หลอมมันค่อนข้างไร้ประโยชน์!

 

ฉินเฟิงนำวัตถุดิบธาตุไฟระดับราชันย์สัตว์ร้ายออกมา นี่ไม่ใช่สินค้าจากการประมูล แต่มันคือวัตถุดิบจากอุปกรณ์รูนมิติของศาสตราจารย์หวางที่เขาชิงมาจากฐานทดลองแถวๆฟูเฉิง!

 

“ที่จริงแล้วเวลาป้องกันส่วนใหญ่ฉันแทบจะไม่ได้ยกอุปกรณ์รูนอบิลิตี้ชิ้นนี้ขึ้นมาปัดป้อง ดังนั้นมันไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่โตแบบนี้!”

 

“ต้องปรับแต่งให้มันดูมีความคล่องตัวมากขึ้น!”

 

“รูนที่ปลดปล่อยจากมันเองก็ต้องปรับแต่งให้ทรงพลังมากยิ่งขึ้น!”

 

ภายใต้การปรับแต่งโดยพลังสมาธิของฉินเฟิง เขานำวัสดุที่ดีกว่าเข้าไปทดแทน และแยกวัสดุที่ไม่จำเป็นออกไปจนหมดสิ้น กรงเล็บเพลิงสีชาดในรูบิค เริ่มหลอมละลายรวมกับวัสดุใหม่

 

เฝ้ารอไม่ถึงนาที กรงเล็บเพลิงสีชาดก็ทะยานขึ้นจากระดับ F5 กลายมาเป็นเลเวล E5 ! และแน่นอน ว่าไม่มีตราแสดงถึงตัวตนใดๆบนมัน เพราะท้ายที่สุดแล้วของแบบนั้นจะถูกสลักลงไปโดยปรมาจารย์ผลิตอุปกรณ์รูนที่เป็นคนสร้างมัน

 

จากนั้นฉินเฟิงก็ใส่วัตถุดิบธาตุไฟที่ซื้อจากงานประมูลลงไปอีกครั้ง –เป็นเขาสิงโตเพลิงระดับราชันย์ ทั้งยังแก่นอบิลิตี้ไฟ

 

เนื่องจากถูกปรับแต่งโดยรูบิควิเศษ ส่งผลให้อุปกรณ์รูนชิ้นนี้ ไม่สาดแสงสีม่วงอีกต่อไป ปัจจุบันมันได้สาดแสงสีเงิน กลายเป็นอุปกรณ์รูนระดับราชันย์ไปซะแล้ว!

 

เพียงถูกรูบิควิเศษกลืนเข้าไปและคายออกมา กรงเล็บเพลิงสีชาดรูปแบบใหม่ก็เสร็จสมบูรณ์ ยามใช้งานเจ้าสิ่งนี้ อานุภาพของอบิลิตี้ที่ปลดปล่อยออกมาจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก

 

ต่อมา ฉินเฟิงก็จัดการปรับแต่งชุดต่อสู้ของเขา นี่เองคือเหตุผลที่ว่าทำไมฉินเฟิงถึงประมูลวัตถุดิบระดับราชันย์สัตว์ร้ายมามากมายถึงขนาดนี้ 

 

ทั้งหมดก็เพื่อจับมันมายัดลงในรูบิควิเศษ แล้วทำการหลอมละลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นใหม่!

 

ทุกอย่างดำเนินไปจนเหลืออุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายของฉินเฟิง –มีดกษัตริย์คราม

 

มีดกษัตริย์ครามถูกนำเข้าไปในรูบิควิเศษ ภายใต้การควบคุมโดยพลังสมาธิของเขา วัสดุของมีดกษัตริย์ครามแยกกระจัดกระจาย ในบรรดาชิ้นที่แยกออก มีหนึ่งอันที่เจิดจรัสพรั่งพราว โดดเด่นสะดุดตาที่สุด–

 

–เป็นเหล็กดารา

 

มันคือวัสดุที่ไม่มีวันถูกทำลาย 

 

แน่นอน มีวัสดุบางชิ้นที่มืดมนจนน่าใจหายเช่นกัน ซึ่งพวกมันล้วนเป็นวัตถุดิบดั้งเดิมที่ใช้ทำมีดกษัตริย์ครามในตอนแรก ส่วนใหญ่แล้วเป็นของราชันย์หนูยักษ์

 

ฉินเฟิงกวาดพวกมันออกไปอย่างไม่ลังเล

 

จากนั้น ก็ยัดวัตถุดิบใหม่ที่เขาซื้อมา ผสมลงไปรวมกับมีดกษัตริย์ครามอย่างไม่หยุดยั้ง

 

พริบตาเดียว มีดกษัตริย์ครามก็กลายเป็นอุปกรณ์รูนระดับราชันย์เลเวล E ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีแสงสีเงินปรากฏออกมาแล้ว ทำให้ใบมีดดูลึกลับมากยิ่งขึ้น

 

“มาดูกันดีกว่า ว่ามีดกษัตริย์ครามจะไปได้ไกลยิ่งกว่านี้ไหม”

 

ว่าจบ ฉินเฟิงก็นำกระดูกและเกล็ดของสัตว์ทะเลยักษ์ที่พบในโพรงถ้ำเมื่อสิบวันก่อนออกมา

 

ต้องทราบนะว่านี่คือวัตถุดิบของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D

 

แม้รูบิควิเศษ จะคัดวัตถุดิบไร้ค่าออกไปหมดแล้ว แต่วัตถุดิบที่เหลือยังมีอีกเยอะมากอยู่ดี มีดกษัตริย์ครามจึงมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

รูปทรงของมันเกิดการขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

ตลอดทั้งมีดกษัตริย์คราม ปัจจุบันมีขนาดยาวเทียบเท่ากับความสูง ⅔ ของฉินเฟิงอย่างกระทันหัน มันยาวกว่า 165 ซม. โดยด้ามจับยาว 25 ซม. และใบมีดยาวถึง 140 ซม. ตรงส่วนใบมีด ตำแหน่งที่กว้างที่สุดมีขนาดกว้างถึง 22 ซม. และหนากว่า 1.5 ซม.

 

เพียงมอง ก็พอจะคาดคะเนถึงความหนักเบาของมีดเล่มนี้ได้

 

ตัวมีดกษัตริย์ครามยังคงเป็นสีน้ำเงินหมึก ในทางกลับกันตรงส่วนของใบมีดกลับดำสนิท และปรากฏลวดลายเกล็ดปลาตรงขอบขึ้นอย่างไม่คาดฝัน

 

ฉินเฟิงพึงใจกับผลลัพธ์นี้มากพอแล้ว!

 

ฉินเฟิงกระตุ้นพลังสมาธิ แสงสีเงินสาดออกมาจากรูบิควิเศษ และมีดกษัตริย์ครามรูปโฉมใหม่ก็เผยออกมา