**ใครที่ตามอ่านจากมังงะ ฉู่เสวียน ไม่ใช่ลูกชายของประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนนะครับ ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ถึงใช่ มันเป็นแค่ศิษย์หลักที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์**

“นี่คือโฉมหน้าแท้จริงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน(คำจีนใส่เสวียนที่แปลว่าดำ ลี้ลับ) หนึ่งในหกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของแดนบูรพา?ท่านรังแกคนอ่อนแอเพื่อเอาอกเอาใจผู้แข็งแกร่ง ไม่รู้สักละอายบ้างหรือไงที่ผลักลูกสาวตัวเองเข้ากองไฟ?!”

“ตั้งแต่ต้นจนจบ ท่านเคยถามความเห็นของท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนสักครั้งไหม?วันนี้ ข้าจะขอความเป็นธรรมแทนนางเอง!”

“ถ้าการอยู่เงียบๆต่อหน้าอำนาจคือความหมายของการเป็นศิษย์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน งั้นข้าก็ไม่ขอเป็นศิษย์ของที่นี่!”

“แต่โปรดจำเอาไว้ใส่กะลาหัว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ข้า เย่เฉินจะมาทวงคืนความอัปยศในวันนี้อย่างแน่นอน!”

หลายคนยืนอยู่ในโถงโอ่อ่าและฟังเสียงคำรามกราดเกรี้ยวของศิษย์หนุ่ม

เขาคือเย่เฉิน ศิษย์ในของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

“สามหาว!เป็นแค่ศิษย์ในแต่กลับกล้าต่อปากต่อคำต่อหน้าประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน?เบื่อชีวิตแล้วหรือไง?!”

ข้างผู้เยาว์คนนั้นมีผู้อาวุโสนิกายที่มีกลิ่นอายน่ากลัว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดและอยากตบปิดปากเด็กนี่

พวกเขาจะยอมปล่อยให้ศิษย์ในอาละวาดในโถงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้ไง?พวกเขาคือหนึ่งในหกนิกายใหญ่แห่งโลกตะวันออก

แย่ไปกว่านั้น!วันนี้คือวันแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน และพวกเขาก็เชิญขุมอำนาจน้อยใหญ่มาเป็นสักขีพยาน ทุกคนต่างยืนดูเรื่องตลกนี้อยู่

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพยายามรักษาหน้าให้นิกาย ผู้อาวุโสคนนี้คงตบเย่เฉินให้ตายไปแล้ว!

[ในโถงของประมุขศักดิ์สิทธิ์]

กลุ่มศิษย์ในกับแขกจากแดนไกลต่างมองมาทางเย่เฉินและกระซิบกระซาบกัน

ในแววตาพวกเขา พวกเขาดูเหมือนกำลังดูละครลิง

“เย่เฉินคนนี้เสียสติไปแล้วหรือไง?เขาไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงกล้าพูดต่อหน้าประมุขศักดิ์สิทธิ์?”

“โง่นัก!เขาถือได้ว่าแข็งแกร่งสุดในหมู่ศิษย์ใน และข้าก็ได้ยินว่าผู้อาวุโสอยากรับเขาเป็นศิษย์หลักด้วย แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว”

บ้างอดแค่นเสียงหัวเราะไม่ได้

“ข้าคิดว่าเขาคงอยากตายจริงๆ เมื่อคุณชายโกรธขึ้นมา ข้ากังวลว่าทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอาจได้รับผลกระทบไปด้วย”

ศิษย์หลักที่พูดเรื่องนี้ต่างโกรธและวิตก

ถ้าเย่เฉินคนนี้ไปทำให้คุณชายผู้ลึกลับโกรธ เขาก็เดาได้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์คงไม่ได้แบกรับความพิโรธของเขาลำพัง..ทั้งแดนบูรพาอาจโดนลากเข้าพายุไปด้วย

มันเพราะความคิดเหล่านี้ความปรารถนาของเหล่าศิษย์จึงเป็นการกระทืบเย่เฉิน

ผู้อาวุโสของสำนักใหญ่ที่มาร่วมพิธีต่างกำลังตั้งตารอให้สถานการณ์บานปลาย แน่นอน แทบทุกคนมองว่าศิษย์ในที่ชื่อเย่เฉินเป็นแค่ตัวตลก

แค่ศิษย์ในจะไปเป็นอะไรได้ ถ้าไม่ใช่ลิงแล้วจะเป็นอะไรถึงกล้าประชันหน้ากับประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

“เจ้าคือเย่เฉินสินะ?ข้าจำเจ้าได้ เจ้ามาจากแคว้นเล็กอย่างเทียนชิง หลังข้ามผ่านหลายร้อยราชวงศ์ สุดท้ายเจ้าก็ได้กลายเป็นศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของข้า”

“แต่ตอนนี้เจ้ากำลังบอกข้าว่าเจ้าอยากสละตัวตนเจ้าในฐานะศิษย์ของนิกายข้า?”

ครั้งนี้ ชายวัยกลางคนที่นั่งเงียบบนบัลลังก์พูดขึ้น

ดวงตาสุขุมลึกราวกับสมุทรของเขาลืมขึ้นและก็สามารถเห็นรังสีแสงสีทองส่องผ่าน แสงสีทองเปลี่ยนเป็นคลื่นพลังและไหลรอบตัวเขา๘ณะที่แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวกดทับทุกคนที่ยืนในโถง แสดงให้เห็นถึงความโกรธและความยิ่งใหญ่ของเขา

เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้คือยอดฝีมือขั้นสูงสุด!

เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน และทันทีที่เขาพูด ทั้งโถงก็ตกอยู่ในความเงียบ แขกที่มาสังเกตการณ์ต่างเงียบ

[อึก!]

เย่เฉินรู้สึกถึงรัศมีอันทรงพลังที่กดทับเขา และเหงื่อเย็นก็ไหลหยดหน้าผาก แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่ยอมโดนข่ม!ความมั่นใจของเขาในเวลานี้ไม่อาจสั่นคลอนได้

“ท่านประมุข ข้าแค่อยากขอความยุติธรรมให้ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่สามารถดูนางตกลงไปในกองไฟเยี่ยงนี้ได้..”

คำพูดของเย่เฉินเต็มไปด้วยความมั่นใจและชอบธรรม ซึ่งได้รับการสนุนโดยวิญญาณที่กล้าหาญของเขา ขณะพูด สายตาของเย่เฉินก็มองไปยังผู้หญิงด้านหน้าเขาโดยไม่รู้ตัว

ผู้หญิงคนนั้นทั้งสูงส่งและงดงาม ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง และคิ้วที่เหมือนต้นหลิว นางสวมชุดเขียวที่ทำด้วยผ้าไหมชั้นดี ใบหน้าสวย สดใสและน่ารักของนางดูเป็นประกายภายใต้แสง

ไม่มีฝุ่นสักนิดบนชุดที่พลิ้วไหวของนาง อารมณ์ที่สงบและไร้ตัวตนของนางยากจะพูดออกมาได้ นางเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์

ตั้งแต่ต้น สีหน้าของนางไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในโถง

“กองไฟ?ช่างเป็นคำพูดที่อาจหาญยิ่งนัก..”

พอได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็ดำมืด มันเป็นครั้งนี้ที่หลายคนรู้ตัวและสีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

มันกลายเป็นว่าเรื่องไร้สาระที่เย่เฉินพ่นออกมาทั้งหมดคือความรู้สึกไม่พอใจและความขุ่นเคืองชายคนอื่นที่ขโมยท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ที่เขาชื่นชอบมาเป็นเวลานานไป

แม้ศิษย์คนอื่นหลายคนจะอิจฉาและไม่เต็มใจที่เห็นท่านหญิงของตัวเองต้องตกไปอยู่ในมือคนนอก พวกเขาก็ไม่กล้าพูดออกมาแบบเย่เฉิน

พวกเขาไม่ได้ปัญญาอ่อนเหมือนเขา!

เหนือสิ่งอื่นใด ตัวตนของนายน้อยคนนั้นได้รับการยกย่องอย่างมากจนแม้แต่ประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็ไม่กล้าละเลย และไม่กล้าหักหน้า

ตอนนี้ ผู้ชมหันไปมองผู้เยาว์ที่นั่งข้างประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเงียบๆ จิบชาโดยไม่สนใจอะไรตรงหน้า

เขาคือ…กู่ฉางเกอ!