บทที่ 242 หลัวซิวผู้เกินมนุษย์
เหล็กเสวียนหยินเป็นวัสดุที่ใช้ในการหลอมกระบี่ยุทธ์ดิน แต่สำหรับหลงหมิงที่เปรียบเสมือนผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ในสมัยโบราณแล้ว ก็เป็นเพียงเศษเหล็กระดับขยะเท่านั้น
หลัวซิวคร้านที่จะไปสนใจเขา ปัจจุบันนั้นแตกต่างกับสมัยโบราณไปนานแล้ว ซึ่งขาดแคลนทรัพยากรเป็นอย่างมาก
ผ่านไปสักพัก หลัวซิวก็ได้ค้นพบเหล็กเสวียนหยินอีกหลายก้อน เพียงพอที่จะหลอมกระบี่ยุทธ์ดินระดับชั้นล่าง
กระบี่ยุทธ์ที่หลอมขึ้นโดยวัสดุAttrหยิน เมื่อรวมเข้ากับเพลิงมรณะที่หลัวซิวใช้อย่างชำนาญ สามารถเพิ่มอานุภาพได้
หลัวซิวไม่ได้ค้นหาเหล็กเสวียนหยินอีก ของชนิดนี้ไม่นับว่าเป็นสิ่งของขั้นสูงอะไร สำหรับเขารวบรวมวัสดุให้พอที่จะหลอมกระบี่เล่มหนึ่งก็เพียงพอแล้ว
“ยิ่งเข้าใกล้จุดกึ่งกลางของแดนหยินสุดขั้ว ปราณหยินก็ยิ่งหนาแน่น ถ้าหากสามารถฝึกตนในจุดกึ่งกลางได้ บวกกับผังค่ายผนึกปราณขั้น5 จะต้องเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนให้กับข้าถึงขั้นที่ไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอน”
คิดมาถึงตรงนี้ หลัวซิวก็เดินมุ่งหน้าเข้าไปในส่วนลึกของแดนปริศนา
ในตอนที่ผู้คนทั้งร้อยสามสิบกว่าคนถูกส่งตัวเข้ามานั้น ต่างถูกส่งไปในสถานที่ที่แตกต่างกัน เพื่อตามหาโอกาสและสมบัติ ทุกคนต่างจะต้องมุ่งหน้าไปยังใจกลางโดยไม่ได้นัดหมาย โอกาสในการพบกันนั้นมีมาก
หลัวซิวได้ปล่อยกระแสสัมผัสตัวสำนึกของตนออกไปอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการซุ่มโจมตีจากผู้อื่น
ทันใดนั้น ตัวสำนึกของหลัวก็ได้สัมผัสถึงกระแสพลังอันเย็นยะเยือกโจมตีเข้ามา แต่ทว่าเขาสัมผัสไม่ได้ถึงการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตเลยสักนิด
หลัวซิวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เห็นเงาดำมัว ๆ กระโจนผ่านร่างไปอย่างเลือนราง
ยื่นมือออกไปจับ กระบี่ยุทธ์ที่อยู่ด้านหลังได้ถูกหลัวซิวจับเอาไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อย กระจายตัวสำนึกออกไป ก็พบว่าเงาดำนั้นคือวิญญาณตนหนึ่ง
วิญญาณ สามารถเรียกอีกอย่างว่าภูตผี แดนหยินสุดขั้วที่นักยุทธ์โบราณสร้างขึ้นด้วยการชักนำพลังฟ้าดินนั้น เป็นสถานที่เลี้ยงภูตผีที่ดีที่สุด
ภูตผีวิญญาณไม่มีร่างแท้ ชำนาญการโจมตีทางดวงจิต กลืนกินเลือดลมดวงจิตของมนุษย์ เมื่อมีระดับที่บรรลุถึงที่แน่นอนแล้ว สามารถก่อเกิดเลือดเนื้อรูปร่างได้ กลายเป็นเหมือนดั่งมนุษย์ไม่มีผิด
วิญญาณที่ตัวสำนึกของหลัวซิวจับจ้องตนนี้นั้น กระแสดวงจิตที่กระจายออกมานั้นเทียบได้กับฝึกจิตขั้น3 ภายใต้ฟ้าดินที่มืดมัวแห่งนี้ เดี๋ยวหายเดี๋ยวปรากฏ รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับปราณหยินที่ครอบคลุมอยู่ เสมือนปลาได้น้ำ
“บรู้ววว!”
คลื่นเสียงเสมือนเสียงหมาป่าดังลอยมา ดังก้องอยู่ในตัวหยั่งรู้ ถ้าหากเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตขั้นปฐมภูมิ จะต้องตัวหยั่งรู้สั่นสะเทือน
ทว่าตัวสำนึกของหลัวซิวนั้นทัดเทียมกับฝึกจิตขั้น8 บวกกับที่ฝึกฝนพลังก่อรวมวิญญาณ ตัวสำนึกกระชับเป็นอย่างมาก การโจมตีทางดวงจิตระดับเช่นนี้ ไม่สามารถสะเทือนตัวหยั่งรู้ของเขาได้เลยสักนิด
เขายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ทว่าวิญญาณตนนั้นกลับคิดว่ามนุษย์ผู้นี้ได้รับการกระทบกระเทือน และรีบกระโจนเข้ามาโดยไม่ลังเล
“รนหาที่ตาย!”
หลัวซิวเย้ยหยัน เขายื่นมือจับออกไปทางวิญญาณที่กำลังกระโจนเข้ามาทันที เพลิงมรณะลุกโชนขึ้นมากลางฝ่ามือของเขาทันที
ในระดับพลังAttr พลังหยินเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพลังแห่งความตายเท่านั้น เป็นเหมือนกับราชาและผู้ใต้บังคับบัญชา
สำหรับเพลิงมรณะของหลัวซิวแล้วปราณหยินเป็นยาบำรุง แต่เพลิงมรณะสำหรับภูตผีวิญญาณที่ควบคุมปราณหยินแล้ว กลับแสดงถึงการทำลาย น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!
วิญญาณตนนั้นถูกเพลิงมรณะครอบงำ ปราณหยินที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างกายนั้นพึ่งสัมผัสเข้ากับเพลิงมรณะก็ถูกกลืนกินในพริบตา ทำให้มันกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวทันที
เสียงพึ่บดังขึ้น ร่างมายาของวิญญาณถูกเผาไหม้จนหมดสิ้นทันที และหลังจากที่เพลิงมรณะกลืนกินปราณหยินบริสุทธิ์ที่อยู่ในร่างของวิญญาณ รู้สึกว่าพลังจิตแท้ของตนเพิ่มขึ้นมา
“หึ ๆ เป็นยาบำรุงชั้นดีจริง ๆ !” หลัวซิวมีท่าทางดีอกดีใจ จากผลการฝึกตนของเขาในตอนนี้ แม้ว่าจะได้ใช้ยากลั่นจิต ผลการฝึกตนก็ยากที่จะเลื่อนขั้น
เพราะยังไงเขาก็ได้ทานยากลั่นจิตไปไม่น้อยแล้ว ฤทธิ์ของยานั้นนับวันยิ่งอ่อนลง
สำหรับนักยุทธ์ธรรมดาทั่วไปแดนปริศนาเป็นสถานที่อันตราย สำหรับหลัวซิวแล้ว กลับเป็นแดนสวรรค์!
“คลื่นนน!”
ในตอนนี้เอง เสียงคำรามได้ดังลอยมา เนินดินที่อยู่ห่างออกไปจากหลัวซิวไม่ไกลนักได้ระเบิดออก ผีในร่างมนุษย์ตนหนึ่ง ที่มีกลิ่นเหม็นสาบไปทั้งตัวได้กระโจนเข้ามาหาตนเองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
“ศพเดินได้!”
หลัวซิวมองที่มาของผีตนนั้นออกทันที ไม่เหมือนกับวิญญาณที่ชำนาญด้านการโจมตีดวงจิต ร่างเนื้อของศพเดินได้สามารถดูดกลืนปราณหยินเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆเสมือนกับนักยุทธ์กลั่นร่าง
กระแสพลังของศพเดินได้ตนนี้เพียงพอที่จะทัดเทียมกับฝึกจิตขั้น 5 ใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวมีเขี้ยวสีเลือดอยู่สองเล่ม เสียงที่คำรามออกมาทั้งแสบหูทั้งไม่น่าฟัง
สำหรับวิญญาณ สามารถใช้เพลิงมรณะกลืนกินและกลั่นแปรได้ แต่จัดการกับศพเดินได้ คิดจะใช้เพลิงมรณะทำอันตรายอีกไฟได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ความคิดขยับ พลังจิตแท้สองระดับความเป็นตายในร่างกายกลายรูปเป็นพลังแห่งชีวิต
หลัวซิวยกมือดาบเล่มหนึ่งฟันออกมา ไฟสีขาวลุกโชน ใช้อัคคีขาวเสวียนหยางแสดงทักษะยุทธ์ระดับ 7 ออกมา กระบี่เพลิง
กระแสพลังชีวิตที่แผ่ซ่านออกมาจากอัคคีขาวเสวียนหยาง ทำให้ศพเดินได้รู้สึกขยะแขยงโดยสัญชาตญาณ ยกกรงเล็บสีดำขึ้น พุ่งตรงเข้าไปยังกระบี่ยุทธ์ของหลัวซิวที่ฟันเข้ามา
ฉับ!
กระบี่ของหลัวซิวฟันลงไปบนกรงเล็บของศพเดินได้ อัคคีขาวเสวียนหยางเผาผลาญปราณหยินเพียงชั่วพริบตาก็ได้ทำลายการป้องกันร่างเนื้อของศพเดินได้ กลิ่นคาวเลือดสีดำพุ่งกระฉูดออกมา
ทว่าพลังของศพเดินได้นั้นกลับแข็งแกร่งยิ่งนัก ไม่ด้อยไปกว่าร่างยุทธ์สูงสุดช่วงหลังของหลัวซิว ช่องว่างระหว่างนิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือถูกสะเทือนจนรู้สึกชา
อัคคีขาวเสวียนหยางเป็นเหมือนดั่งหนอนเซาะกระดูก การเผชิญหน้าระหว่างความเป็นตาย แม้ว่าศพเดินได้จะสัมผัสประกายไฟเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็เผาไหม้อยู่ไม่ขาด ทำให้ศพเดินได้ร้อยโหยหวนด้วยความทรมานอยู่ไม่ขาดสาย ไม่นานกรงเล็บข้างหนึ่งก็จะถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
หลัวซิวฟันกระบี่ออกไปอีกหลายครั้งในฉับพลันทันที อาศัยความขัดแย้งและยับยั้งซึ่งกันและกันของ Attr ศพเดินได้ไม่อาจต้านทานเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะฝึกฝนสองระดับความเป็นตายพร้อมกันเลยเช่นนั้นหรือ?” หลงหมิงเบิกตาโพลง น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตะลึง นี่กก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหลัวซิวแสดงอัคคีขาวเสวียนหยางออกมา
ต่อให้เป็นในสมัยโบราณ เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีคนสามารถฝึกฝนสองพลังสุดยอดเช่นนี้พร้อมกันได้
เป็น ตาย ภายใต้ Attr มากมาย นับเป็นสองพลังที่สุดยอดที่สุด นอกเหนือจากเวลาและปริภูมิ พลัง Attr ที่เหลือทั้งหมด เกือบทั้งหมดล้วนเป็นสาขาที่แตกแยกออกมาจาก Attr สูงสุดสองชนิดอย่างความเป็นและความตาย
ไม่ต้องพูดถึงการฝึกฝนทั้งสองอย่างพร้อมกัน แม้แต่ฝึกฝนเพียงอย่างเดียว ในสมัยโบราณก็จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่ดำรงอยู่เหนือโลกยุทธ์ขั้นสูง
เป็นธรรมดาที่หลงหมิงจะคิดไม่ถึงว่าที่หลัวซิวสามารถฝึกฝนสองระดับความเป็นตายพร้อมกันได้นั้นเป็นเพราะได้ผสานลูกแก้วความเป็นตาย และสามารถทำให้ และสามารถปรับสมดุลสองระดับความเป็นตาย แล้วรับเอาเข้าสู่ร่างกาย
ของล้ำค่าที่วิวัฒนาการโดยกฎดั้งเดิม จากความสามารถของหลงหมิงในสมัยโบราณ ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้สัมผัสพบเห็น
“เจ้าคนนี้เกินมนุษย์จริง ๆ!” หลงหมิงพึมพำเสียงเบา
ในสมัยโบราณเคยมีคนลองพยายามฝึกฝนสองระดับความเป็นตายพร้อมกัน แต่ก็ต้องจบลงด้วยความล้มเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น
เพราะที่สุดของชีวิตก็คือความตาย ที่สุดของความตายก็คือการมีชีวิต จะสามารถรักษาสมดุลสองระดับความเป็นตายได้อย่างไรนั้น เป็นคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้
เพราะสองระดับความเป็นตาย เป็นเหมือนกับน้ำกับไฟที่อยู่ร่วมกันไม่ได้ นักยุทธ์ที่ลองฝึกฝนสองระดับพร้อมกัน ต่อให้คุณมีความสามารถที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีพรสวรรค์ที่เหนือชั้นเพียงใด สุดท้ายแล้วล้วนมีจุดจบที่น่าเวทนา
ทว่าหลัวซิวกลับสามารถรักษาสมดุลระหว่างสองระดับความเป็นตายได้ เมื่อพลังแห่งความตายเพิ่มมากขึ้น ก็จะแปลงส่วนที่เกินออกมานั้นเป็นพลังชีวิต ถ้าหากพลังชีวิตมากเกินไป ก็จะแปลงส่วนที่เกินออกมาเป็นพลังแห่งความตายเช่นกัน