ภาค 3 บทที่ 29 ปลอบขวัญ

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 29 ปลอบขวัญ โดย Ink Stone_Romance

พร้อมกับเสียงฝีเท้า กลิ่นสุรารุนแรงก็ลอยตามมา สำหรับผู้คนในเรือนด้านนี้คุ้นเคยยิ่งแล้ว

แต่ครั้งนี้มองเห็นคุณหนูจวินกับท่านหมอหลายคนเข้ามา ใบหน้าของทุกคนสีหน้าหวาดกลัว

ไม่มีความกระตือรือร้นไม่มีความคาดหวังถึงขั้นร้องไห้โศกเศร้าก็ไม่มีแล้ว

คุณหนูจวินยังดี ท่านหมอหลายคนในใจถอนหายใจ

คืนวานองครักษ์เสื้อแพรไม่บอกไม่กล่าววิ่งมาจับคนสิบกว่าคนหิ้วไป คนที่ถูกจับไม่ได้ถูกจับล้วนตกใจกลัวหมดแล้ว คนที่ถูกจับเหล่านี้ให้หลังก็ถูกส่งกลับมา เรื่องที่เกิดขึ้นด้านนั้นเมื่อคืนวานนั่นต้องปิดไม่อยู่แล้วแน่นอน

องครักษ์เสื้อแพรน่าจะไม่ได้กำชับพวกเขาว่าห้ามบอกสินะ?

มีอะไรให้น่ากำชับกันล่ะ สำหรับองครักษ์เสื้อแพรแล้วคนที่นี่ล้วนเป็นคนตาย คนตายจะกลัวความลับรั่วไหลอะไร

บรรดาท่านหมอไม่พูดจา ตามคุณหนูจวินเข้าห้องไปตามปกติ มองเห็นพวกเขาเดินเข้ามา ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างเตียงก็ลุกขึ้นมาทันที สีหน้าหวาดกลัวปกป้องเด็กน้อยบนเตียงโดยไม่ทันรู้ตัว

“พวกเจ้า พวกเจ้ากำลังจะทำอะไร?” นางเอ่ยถามเสียงสั่น

“พวกเราย่อมจะรักษาโรคให้ยาเขา” ท่านหมอคนหนึ่งเอ่ยเสียงอ่อนโยน

ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีท่าทางจะหลีกไป สีหน้าหวาดกลัวมองพวกเขา ในดวงตาเต็มไปด้วยความระแวง และยังมีความสิ้นหวัง

“นี่เป็นยารักษาโรค หรือว่ายาพิษสังหารคน?” นางเอ่ยเสียงสั่น

เรื่องเมื่อคืนวานแพร่ออกไปแล้วจริงๆ ด้วย นอกจากนี้แพร่ออกไปอย่างคาดไม่ถึง อย่างไรคนสิบกว่าคนนั้นก็ได้ยินแค่คำกระท่อนกระแท่นเท่านั้น แล้วยังเป็นช่วงเวลาที่หวาดกลัวขนาดนั้นด้วย

“บอกว่าจะให้พวกเราล้วนติดฝีดาษ”

ได้ยินคำถาม ผู้คนด้านในเรือนด้านนี้ก็ทำใจกล้าตะโกนเอ่ย

ล้วนเป็นเช่นนี้แล้ว อย่างไรก็ตาย ยังกลัวอะไร พร้อมกับเสียงตะโกนนี้ ความหวาดกลัวที่สั่งสมไว้ก็ระเบิดออกมา คนมากมายร้องไห้ออกมาแล้ว

“ไม่ใช่เช่นนั้น” ท่านหมอคนหนึ่งเอ่ยเสียงดัง สายตาค้นหาคนที่ถูกมัดไปเมื่อคืนท่ามกลางฝูงชน หยุดอยู่บนตัวพวกเขา “พวกเจ้าก็เห็นแล้ว ได้ยินแล้ว พวกเราไม่ได้ให้พวกเจ้ามาลองยา แต่พวกท่านหมอเฝิงมาลองด้วยตนเอง หากใจอยากทำร้ายพวกเจ้าจริงๆ จะทำเช่นนี้ไปทำไมอีก”

คำพูดนี้ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของทุกคนผ่อนคลายลง

“ก่อนอื่นเป็นพวกเจ้าท่านหมอเหล่านี้ หลังจากนั้นก็ถึงตาพวกเราแล้ว” มีคนร้องไห้เอ่ย

คำพูดนี้ทำให้เสียงร้องไห้เพิ่มมากขึ้นอีกคร้ง

“ไม่ใช่นะ ไม่มีทางเป็นเช่นนั้น” บรรดาท่านหมอรีบเสียงดังเอ่ยปลอบ “ที่พวกเราทดลองคือยาเพื่อช่วยเหลือทุกคน”

แต่อยู่ตรงหน้าคนหลายสิบคนนี้เสียงของพวกเขาเบาเกินไปแล้ว

“พวกเจ้าอย่ามาหลอกพวกเราเลย”

“ถ้าเพื่อช่วยพวกเรา ทำไมนานขนาดนี้รักษาไม่หาย คนตายยังมากขึ้นทุกทีๆ”

“พวกเจ้าที่แท้ใช้ยาอะไรกับพวกเรากันแน่?”

เสียงตะโกนเสียงร้องไห้ดังขึ้นรอบด้าน

ท่านหมอหลายคนรับมือไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว

คืนวานพวกเขาอดนอนมาทั้งคืน พวกท่านหมอเฒ่าเฝิงห้าคนก็ออกมาไม่ได้แล้ว พวกเขาที่เหลือแบ่งงานกัน บางคนไปพักผ่อน บางคนทนแจกจ่ายยารอบเช้าให้เสร็จ

ตอนนี้พวกเขาทั้งคนน้อย จิตใจก็เหนื่อยล้า ชั่วขณะหนึ่งไม่อาจห้ามปรามเกลี้ยกล่อมคนเหล่านี้ได้

“ทุกคนฟังข้าพูด” พวกเขาได้แต่เอ่ยซ้ำๆ เสียงดัง “ทุกคนฟังพวกเราอธิบาย”

ขณะที่เอะอะนี่เอง เสียงฝีเท้าก็ลอยมา

“ทำอะไรกัน?” พร้อมกับเสียงตวาดเย็นชา

เสียงนี้ทำให้ฝูงชนที่วุ่นวายสงบลงทันที สีหน้าหวาดกลัวมองพวกองครักษ์เสื้อแพรที่เดินเข้ามา

พวกองครักษ์เสื้อแพรอยู่ในเรือนกระจายออกล้อมคนเหล่านี้ไว้ แต่ไม่พูดจาอีก เพียงจ้องพวกเขาอย่างเย็นชา

ในเรือนตกอยู่ท่ามกลางความเงียบพิกล

พวกเขาจะทำอะไร?

ในใจบรรดาท่านหมอคำถามนี้ลอยมา

คุณหนูจวินมองฝูงชนที่สีหน้าหวาดกลัวกลับไม่กล้าร้องไห้ตะโกนต่อ ถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง

“ข้าอธิบายเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังสักหน่อย” นางเอ่ย

ในเรือนเงียบสงบ เสียงกังวานใสของสตรีดังขึ้น เล่าไม่รีบไม่ช้าฟังไม่เบื่อ นางพูดละเอียดมาก อธิบายความอันตรายและความยากในการรักษาฝีดาษโรคนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่นางอธิบายชัดว่าฝีดาษโรคนี้ ยาเพียงช่วยเสริม หายได้หรือไม่ยังคงดูโชคชะตาของแต่ละคน

แม้หลายวันนี้ในใจล้วนเข้าใจแล้ว แต่ได้ยินคำพูดนี้ทุกคนก็ยังคงยากปิดบังความสิ้นหวัง ไม่มีคนถามหรือตะโกน เพียงแต่ยั้งเสียงร้องไห้ไม่ให้ดังขึ้นอีกเท่านั้น

เพราะองครักษ์เสื้อแพรด้านข้างข่มขวัญ กระทั่งร้องไห้ก็ไม่มีใครกล้าร้องไห้เสียงดัง

“แม้ฝีดาษรักษายาก แต่มันป้องกันได้” เสียงของคุณหนูจวินเอ่ยต่อ “วิธีนี้พวกเราค้นพบแล้ว ตอนนี้กำลังพิสูจน์”

สายตาของนางมองไปทางฝูงชนแล้วก็จับอยู่บนร่างของคนเหล่านั้นที่ถูกจับไปเมื่อคืนวาน

“พวกเราจะไม่ใช้พวกเจ้ามาพิสูจน์ บรรดาท่านหมออาสาเอง ก็อย่างที่พวกเขาเห็นเมื่อคืนวานอย่างนั้น” นางเอ่ย “หากพิสูจน์สำเร็จ”

นางเอ่ยถึงตรงนี้ก็หยุดไป ผู้คนที่ถูกวาจาของนางดึงดูดไว้หยุดร้องไห้ไปแล้ว สีหน้าสงสัยมองข้ามมา

“หากพิสูจน์สำเร็จ ผู้คนบนโลกนี้จะไม่ต้องถูกพิษฝีดาษทำร้ายอีกต่อไป” นางเอ่ย

ผู้คนจะไม่ถูกฝีดาษทำร้ายอีกต่อไป? จริงหรือหลอก?

ผู้คนมองเด็กสาวคนนี้สีหน้าสงสัยไม่มั่นใจ

“จริงหรือหลอก ทุกคนล้วนอยู่ในวัด พวกท่านหมอเฒ่าเฝิงใช้ยาไปแล้ว ทุกคนไปดูได้ตลอดเวลา” คุณหนูจวินเอ่ย

ผู้คนถกเถียงกันเบาๆ ขึ้นมา

“พวกเรารู้ว่าตอนนี้ทุกคนเสียใจมากทุกข์ใจมาก แต่ไม่ถึงนาทีสุดท้ายยังคงต้องยืนหยัดต่อไป” ท่านหมอคนหนึ่งก้าวออกมาเอ่ย คิดถึงพวกท่านหมอเฒ่าเฝิงห้าคน ขอบตาอดไม่ได้แดงเรื่อ “ที่อดทนไม่ใช่แค่พวกเจ้า ยังมีพวกเราด้วย”

พวกผู้ชายไม่พูดแล้วก้มศีรษะไป ส่วนพวกผู้หญิงเช็ดน้ำตาอีกครั้ง แม้ยังคงเงียบ แต่บรรยากาศผ่อนคลายไปมากแล้ว

คุณหนูจวินมองไปทางพวกท่านหมอข้างกาย

“พวกท่านทำต่อเถอะ” นางเอ่ย

บรรดาท่านหมอพยักหน้าติดตามคุณหนูจวินเดินไปด้านในห้อง คนที่ยืนอยู่หน้าประตูลังเลนิดหนึ่งก็หลีกทาง

บรรดาท่านหมอปลื้มปิติ หากคนเหล่านี้ก่อนหลีกทางไม่มององครักษ์เสื้อแพรครั้งหนึ่งคงยิ่งยินดีแล้ว

ไม่รู้คำพูดของคุณหนูจวินปลอบขวัญพวกเขา หรือพวกองครักษ์เสื้อแพรที่ยืนอยู่ด้านนี้ข่มขวัญพวกเขา บางทีคงทั้งคู่กระมัง ตอนนี้ไม่ทันสนเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้แล้ว

ปฏิกิริยาของพวกท่านหมอเฒ่าเฝิงไม่ได้ให้ทุกคนรอถึงเจ็ดวัน

ตั้งแต่วันที่สามก็เริ่มแล้ว มีท่านหมอคนหนึ่งเริ่มตัวร้อน ไม่นานวันที่สองบนร่างก็ปรากฏจุดแดง

เป็นฝีดาษออกฤทธิ์แล้วจริงๆ

ในวัดกวงหวากลายเป็นตึงเครียดขึ้นมา

ท่านหมอบางคนมองท่านหมอที่นอนอยู่บนเตียงหายใจกระชั้นท่าทีเซี่ยงซึม ทนไม่ไหว

“ให้เขาใช้ยาเถอะ” เขาเอ่ยเสียงสั่น

ท่านหมอที่เหลือสีหน้ายุ่งยากใจมองไปทางคุณหนูจวิน

“ไม่ต้อง ไม่เป็นไร” คุณหนูจวินเอ่ย

ท่านหมอคนนี้ยังไม่ทันดีขึ้น ท่านหมอคนอื่นก็เริ่มตัวร้อนล้มหมอนนอนเสื่อด้วยแล้ว ท้ายที่สุดเหลือเพียงท่านหมอเฒ่าเฝิงที่ยังปลอดภัยไม่เป็นไร

“ของข้านี่ใช่ไม่ได้ผลหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถาม “ไม่สู้เพิ่มให้ข้าอีกสักอันเถอะ”

คำพูดนี้ทำให้บรรดาท่านหมอที่เคร่งเครียอยู่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

“เอาล่ะ ไม่ได้ผลก็คือปลูกไม่สำเร็จ หากพ้นเจ็ดวันแล้วยังไม่ตัวร้อนเกิดฝี ข้าจะให้ท่านเพิ่มอีกอัน” คุณหนูจวินกลับเอ่ยจริงจัง

……………………………………….