ฉู่สวินหยางพูดยังไม่ทันได้พูดให้จบ คนกลุ่มนั้นก็กรูเข้ามาล้อมไว้ คมดาบขาวสว่างต่างฟาดฟันลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
แววตาของฉู่สวินหยางส่องประกาย ทว่าท่าทางของนางนั้นผิดปกติ นางไม่ได้คิดที่จะรับมือกับศัตรู แต่กลับเดินหันไปหลบซ่อนอยู่หลังกายขององค์รัชทายาทหนานฮวาอย่างว่องไว ใช้นิ้วมือดึงแขนเสื้อของเขาขึ้นมาแล้วแอบอยู่ตรงนั้น
ไม่ต้องสงสัยให้มากความ เป้าหมายของคมดาบต้องการจะฟาดฟันลงมา คือองค์รัชทายาทหนานฮวาที่ยืนเด่นตระหง่านอยู่ตรงหน้านี้นี่เอง
ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามของชายหนุ่มนั้นบิดเบี้ยวเหยเกขึ้นมาทันที พลางหันไปมองนางอย่างอารมณ์เสีย
ฉู่สวินหยางสบตามองเขาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ผู้หญิงคนนี้นี่มัน…
คิดจะหลอกใช้เขาเป็นโล่กำบังงั้นหรือ?
ภายในเสี้ยววินาทีนั้นอารมณ์ฉุนเฉียวของชายหนุ่มก็แทบจะระเบิดออกมาทันที
แต่ฉู่สวินหยางจับแขนเสื้อเขาไว้อยู่ เขาเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ ภายในช่วงวิกฤตอันตรายเยี่ยงนี้ เขาก็ทำได้เพียงตวัดแขนจับข้อมือของนางไว้แล้วหันหลังหนีออกไป
“องค์รัชทายาท!” ทหารองครักษ์ของเขาชักดาบขึ้นไปต่อสู้กับศัตรู
เมื่อพวกเขาหนีออกมาจากขอบเขตการต่อสู้นั้นได้ องค์รัชทายาทหนานฮวาก็ทำหน้าเย็นชา หันไปมองตัวเจ้าปัญหาฉู่สวินหยางที่แอบอยู่ข้างเขาตาขวาง กัดฟันกรอดพูดว่า “เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
“อะไรอย่างไรเหรอ? ข้าบอกแล้วไง จะทำอย่างไรก็แล้วแต่องค์รัชทายาทจะตัดสินใจเลยเจ้าค่ะ!” ฉู่สวินหยางสบตามองอีกฝ่าย ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันอย่างไม่ลดละ
“เจ้าคิดว่าตัวเองมีค่ามากจริงๆ งั้นรึ? คิดว่าข้าคงไม่ทำอะไรเจ้าจริงๆ งั้นหรือ?” องค์รัชทายาทกล่าว
ถึงแม้เขาจะได้รับการเลี้ยงดูสั่งสอนมาดีมากแค่ไหน แต่ ณ เวลานี้เขาเองก็อดใจไม่ไหวอยากเข้าไปบีบคอผู้หญิงตรงหน้าให้แหลกหักคามือ
ทั้งสงครามการต่อสู้ที่ทำให้แผนการเขาพังจนไม่เหลือซากกับจำนวนคนที่เสียหายไปอย่างนับไม่ถ้วนก่อนหน้านั้น บวกเข้ากับการที่นางใช้เขาเป็นโล่กำบังตอนนี้ มันก็ทำให้เขาอึดอัดใจกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากพอแล้ว
ทว่าฉู่สวินหยางกลับไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนเลยแม้แต่น้อย นางเพียงสบถเสียงเย็นชาออกมา เบือนหน้ามองไปด้านข้างอย่างสบายใจเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คนชุดดำพวกนั้นกับทหารองครักษ์ของเขาต่อสู้กัน ทันใดที่ได้ยินเสียงเรียกขานก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น
“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!” หัวหน้าคนชุดดำสั่งให้หยุดด้วยเสียงเย็นยะเยือก
พวกคนชุดดำหยุดการกระทำทุกสิ่งอย่างลง พวกทหารองครักษ์เองก็รีบกลับไปยืนข้างกายอารักขาองค์รัชทายาทหนานฮวา ป้องกันการโจมตีขึ้นอย่างระแวดระวัง
“ท่านคือผู้ใดงั้นหรือ?” คนชุดดำผู้นั้นเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
องค์รัชทายาทหนานฮวารู้สึกอึดอัดมานาน หายใจไม่คล่องมาครึ่งค่อนวัน เมื่อได้ยินดังนั้นก็หันขวับไปจ้องมอง
ฉู่สวินหยางเขม็ง จากนั้นถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กระตุกป้ายหยกที่แขวนอยู่บนเอวโยนออกไป พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “การแลกเปลี่ยนครั้งนี้นายท่านของพวกเจ้าย่อมเข้าใจมันดี ผู้หญิงคนนี้…ตอนนี้ข้ายังต้องขอยืมตัวนางไว้ก่อน”
คนชุดดำผู้นั้นรับป้ายหยกขึ้นมาดู แต่เกิดความสงสัยลังเลขึ้น…
คำสั่งที่พวกเขาได้รับมาคือสังหารฉู่สวินหยางให้สิ้นชีพเสีย หากเขาเลิกล้มไปแบบนี้ ก็ไม่รู้จะกลับไปบอกหัวหน้าของตนว่าอย่างไรดี
“ข้าเพียงทำตามคำสั่งที่ได้รับ ระหว่างท่านกับนางก็เพียงแค่เจอกันด้วยความบังเอิญ ท่านอย่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยขอรับ” คนชุดนั้นผู้นั้นกล่าว ลังเลอยู่สักพักจากนั้นก็โยนป้ายหยกคืนมา
เปลวไฟในดวงตาขององค์รัชทายาทหนานฮวาเริ่มร้อนระอุแผ่กระจายออกมา จนแทบจะเผาไหม้ให้กลายเป็นจุล
แววตาของฉู่สวินหยางส่องระยิบระยับ นางแอบอยู่ข้างหลังอีกฝ่ายกว่าครึ่งตัว ยิ้มเริงร่าแล้วพูดว่า “คนผู้นี้ก็คือองค์รัชทายาทหนานฮวาที่หัวหน้าของพวกเจ้าร่วมมืออยู่ด้วยไงเล่า แล้วเขาก็จะมอบตัวข้าให้เพื่อแสดงความจริงใจในการร่วมมือครั้งนี้ไง แต่ตอนนี้เขากลับกลับคำ ไม่ทำตามอย่างที่พูดไว้ พวกเจ้าจะยอมปล่อยเขาไปเหมือนมองไม่เห็นแบบนี้ได้จริงๆ งั้นหรือ?”
นางยังพูดไม่ทันจบ องค์รัชทายาทหนานฮวาก็รู้สึกโกรธจนแน่นหน้าอกขึ้นมาอีกครา จนแทบอยากอุดปากนางไว้ไม่ให้พูดต่อ
ทว่าคนชุดดำที่ได้ยินประโยคนั้นก็ตกใจชะงักไป จากนั้นก็ทำหน้าตาหวาดกลัวขึ้น สงสัยมึนงงอยู่ชั่วครู่ จากนั้นคนที่เป็นหัวหน้าก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง “องค์รัชทายาทขอรับ ตอนนี้สถานการณ์ตรงหน้าสำคัญกว่ามาก ขอให้ท่านช่วยส่งตัวท่านหญิงสวินหยางออกมาด้วยขอรับ!”
ฉู่สวินหยางรู้เรื่องที่หัวหน้าของคนพวกนั้นกับพวกคนหนานฮวาตกลงกันดี เพราะฉะนั้น…
นางยิ่งสมควรต้องตาย ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้คงต้องเจอกับเรื่องร้ายไม่หยุดหย่อนเป็นแน่
องค์รัชทายาทรู้ดีว่าฉู่สวินหยางกำลังบีบบังคับให้เขาสู้กับอีกฝ่าย เขาแอบบีบนิ้วแล้วทำเป็นพูดใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เรื่องของข้ายังไม่ถึงคราวจำเป็นให้พวกเจ้าเข้ามาแส่! ข้าบอกแล้วไงว่าข้าต้องใช้แม่นางคนนี้ก่อน ในเมื่อส่งนางมาให้ข้าจัดการแล้ว ก็ไม่ถึงคราวที่ต้องให้พวกเจ้ามายุ่มย่ามหรอก พวกเจ้ากลับไปบอกหัวหน้าของตัวเองเถอะว่าให้วางใจได้ ผู้หญิงคนนี้…”
ในระหว่างที่เขาพูดอยู่ก็หันไปจ้องฉู่สวินหยางเขม็ง “หลังใช้งานนางเสร็จ ข้าจะจัดการนางแทนเขาเอง”
ฉู่สวินหยางสบตามองกลับอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัว สีหน้าไม่เชื่อคำข่มขู่ของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
คนชุดดำคนนั้นเห็นสีหน้าแบบนั้นของนางเข้าก็ยิ่งไม่วางใจ ส่ายศีรษะอย่างแน่วแน่แล้วพูดว่า “พวกเราเองจำเป็นต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับ องค์รัชทายาทโปรดเข้าใจด้วยเถิด หากท่านดึงดันที่จะทำแบบนี้ต่อ งั้นพวกข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะขอรับ”
เขาพูดพลางโบกมือขึ้นอย่างเย็นชา
องค์รัชทายาทหนานฮวาเองรู้ดีว่าพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์
เดิมทีเขาตั้งใจแค่ว่าจะใช้ฉู่สวินหยางเป็นตัวประกันบีบบังคับฉู่ฉีเฟิงเท่านั้น แต่เมื่อถึงตอนนี้เขายิ่งถูกนางยั่วโมโหจนอารมณ์เสีย เขารู้สึกไม่สบอารมณ์มากหากต้องปล่อยนางทิ้งไปทั้งแบบนี้
คนชุดดำเห็นเขาสับสนจึงเข้าไปสู้รบกับพวกทหารองครักษ์ของอีกฝ่ายโดยไม่คิดลังเลอีกครา
ฉู่สวินหยางยิ้มอย่างพึงพอใจ พลางชำเลืองตาไปมองชายหนุ่มที่ยืนตัวแข็งด้วยความโมโหอยู่ด้านข้าง
“องค์รัชทายาทจะยืนดูการสู้รบอยู่เฉยๆ แบบนี้งั้นหรือเจ้าคะ? พวกเราหนีออกจากที่นี่ไปก่อนดีไหมเจ้าคะ?”
เมื่อองค์รัชทายาทเห็นหน้านางก็แทบจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ถามกลับอีกฝ่ายอย่างเย็นชา
“แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ฉู่สวินหยางยักไหล่ไม่ยี่หระ มองคนสองกลุ่มต่อสู้กันอย่างสนุกสนาน “แต่ข้าชอบดูพวกเขาสู้กันนะ!”
“เจ้าคิดจะนั่งดูพวกเขาสู้กันอยู่เฉยๆ รึ? ” องค์รัชทายาทหนานฮวาพูดอย่างคิดไม่ถึง
“ท่านจะไปก็ไปสิ!” ฉู่สวินหยางยิ้มยักคิ้วมองเขา จากนั้นก็เบนสายตาออกไปมองพื้นที่ตรงหน้าอีกครั้ง “ข้าไม่ได้ห้ามท่านสักหน่อย!”
องค์รัชทายาทหนานฮวาจ้องใบหน้าด้านข้างของนางเขม็ง ในวันนี้วันเดียวเขาเสียการควบคุมเพราะผู้หญิงคนนี้มาหลายครั้งมากแล้ว แววตาของเขาโหดเหี้ยม เส้นเลือดบนหน้าผากกระตุกขึ้นอยู่เนืองๆ
ฉู่สวินหยางใช้หางตาชำเลืองมองท่าทีการตอบสนองของเขา สุดท้ายก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
มือขององค์รัชทายาทหนานฮวาที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อค่อยๆ กำแน่นขึ้น เขาหลับตาลงอย่างดุดันจากนั้นคว้าข้อมือนางแล้วเดินออกไป
“เร็วเข้า รีบห้ามพวกเขาไว้!” เมื่อคนชุดดำเห็นเข้าก็รีบตะโกนขึ้นเสียงดัง “ฆ่าให้ตายเลย อย่าปล่อยให้พวกมันมีชีวิตรอดหนีออกไปได้เด็ดขาด!”
ก่อนหน้านี้องค์รัชทายาทหนานฮวาแบ่งทหารองครักษ์ของตนไปขัดขวางไม่ให้ฉู่สวินหยางกลับเข้าเมืองไปได้เยอะพอสมควร แล้วตอนนี้อีกฝ่ายก็มีจำนวนเยอะมาก จึงทำให้ป้องกันอารักขาได้ไม่ครบถ้วน ถึงแม้พวกเขาจะพยายามขัดขวางอีกฝ่ายอย่างสุดแรง ก็ยังปล่อยให้คนชุดดำห้าคนนั้นทะลวงฝ่าฟันตามไปได้
เป้าหมายของอีกฝ่ายคือนางชัดๆ แต่ฉู่สวินหยางก็ยังทำหน้าทำตาเหมือนไม่เกี่ยวกับตน ถึงแม้ว่าความตายจะอยู่ตรงหน้า นางก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่คิดที่จะออกแรงสู้กลับเลยสักนิดเดียว
องค์รัชทายาทหนานฮวาโกรธมากเท่าใดก็ไม่สามารถระบายอารมณ์นั้นออกไปได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะภายใต้สถานการณ์คับขันเยี่ยงนี้ เขาทำได้เพียงชักดาบขึ้นรับการโจมตีของศัตรูแล้วปล่อยนางไปก่อน
ฉู่สวินหยางยืนมองเขาสู้กับคนชุดดำพวกนั้น รอยยิ้มในแววตากลับเลือนหายไปในชั่วพริบตา หันหลังฮึดแรงแล้ววิ่งฝ่าออกไปยังนอกป่าทันที
ทิศทางที่นางออกไปไม่ใช่เมืองฉู่ แต่เป็นสมรภูมิรบที่กองทัพของทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้กันอยู่ต่างหาก…
————————————