บทที่ 164 สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 164 สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ

ฟางหนิงไม่พูดอะไรอีก แต่ให้หนังสือเกมที่รักแสดงข้อมูลของอีกฝ่าย

“เสิ่นซิงเฉิน: เพศชาย งานอดิเรก: ฝึกร่างกายให้แข็งแรง อายุ 19 ปี สถานะ: ลูกของตระกูลเสิ่นแห่งเมืองจี้”

“แนวโน้มความดีและชั่ว: เป็นกลาง”

“การประเมินพลัง: ผู้เล่นระดับถ้วย ขนาดโดยละเอียด: ถ้วยน้ำชาหนึ่งถ้วย คุณสมบัติการฝึกฝนค่อนข้างสูง”

หลังจากที่ฟางหนิงอ่านรายละเอียดแล้วก็ส่ายหัว เดินผ่านเสิ่นซิงเฉินเข้าไปในฟาร์ม

สุนัขดำไป๋หลี่เท่อกระดิกหางเดินตามอัศวิน A เข้าไป โดยไม่แม้แต่จะมองเสิ่นซิงเฉิน

เสิ่นซิงเฉินผู้ซึ่งถูกคนกับสุนัขไม่แยแสพร้อมกันก็แอบกำหมัดแน่น รอจนพวกเขาเดินห่างออกไปก็คุกเข่าลงอีกครั้งและตะโกนเสียงดัง “โปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วย ไม่เช่นนั้น ซิงเฉินจะยอมคุกเข่าต่อไป!”

ฟางหนิงไม่แยแส เข้าไปในฟาร์มแล้วเดินไปทางวิลล่า

ไม่อยู่หนึ่งเดือน ภายในฟาร์มไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ดูเหมือนว่าหมู่นี้มีหิมะตก บางส่วนของทุ่งหญ้ายังปกคลุมด้วยหิมะบางๆ ที่ยังไม่ละลาย

เห็นพ่อบ้านเจิ้งกับสุนัขเหลืองเข้ามาต้อนรับ

เจิ้งต้าวสีหน้าขอโทษ “โปรดอภัยท่านเทพ พอดีผมหาเวลาว่างฝึกกับสหายเซวอยู่ พวกเราเลิกช้าไปหน่อยจึงมาต้อนรับช้า ได้โปรดให้อภัยด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สุนัขดำก็ดูค่อนข้างละอายใจและก้มหน้าลง

ฟางหนิงโบกมือ “พ่อบ้านไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น คนที่อยู่ข้างนอกนั่นช่วยคิดหาวิธีไล่เขาไปละกัน เกรงว่าต่อไปจะมีคนแห่มาขอเป็นลูกศิษย์อีก ที่นี่จะไม่เงียบสงบอีกต่อไป”

เจิ้งต้าวพยักหน้าเมื่อได้ยินคำสั่ง “ตอนที่ท่านเทพไม่อยู่และติดต่อไม่ได้ ผมได้เชิญเขาเข้ามานั่ง เขาก็ไม่เข้ามา จึงไม่ได้ไล่เขาไปโดยพละการ ถ้าอย่างนั้น ผมจะบอกให้เขากลับไป หากท่านเทพต้องการความสงบ ผมจะติดต่อสำนักงานสัจธรรมให้ ติงเซียงบอกว่าพวกเขามีค่ายกลป้องกันไม่น้อย”

ฟางหนิงพยักหน้า อย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องย้ายบ้านแล้ว เขาเองก็ยังรู้สึกรำคาญที่จะย้ายไปที่อื่น…

ฟางหนิงนั่งลงในห้องนั่งเล่นแล้วดื่มชา เขาถามสุนัขเหลืองเรื่องความก้าวหน้าของการฝึก ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ในเมื่อใช้สถานะของอัศวิน A แล้ว เรื่องที่ควรทำก็ต้องทำ

สีหน้าสุนัขเหลืองมั่นใจ ไม่ถ่อมตัวและไม่เย่อหยิ่ง มันอธิบายความก้าวหน้าของการฝึกฝนอย่างชัดเจน จึงไม่น่าแปลกใจที่มันได้รับการรับรองผ่านการแจ้งเตือนของระบบ ย่อมมีความมั่นใจ

ฟางหนิงเคยเห็นระบบแจ้งเตือนมาก่อน (สุนัขเหลืองเซวป้าฝึกฝน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ สำเร็จและเรียนรู้ทักษะ “เสริมร่างปราณแท้” ขั้นต้น)

สุนัขดำไป๋หลี่เท่อคงไม่ได้เรื่องจะต้องเรียนไม่ได้แน่ ไม่อย่างนั้นคงจะมีแจ้งเตือนของระบบแล้ว เจิ้งต้าวมีธุระยุ่งจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะเรียนรู้ช้า แต่ก็น่าจะใกล้แล้ว

หลังจากที่สุนัขเหลืองพูดถึงข้อคิดที่มันได้จากการเรียนรู้จบก็ถึงตาของสุนัขดำ มันคอตกมองพื้นอ้ำอึ้งอยู่นานโดยไม่พูดอะไร

“ไป๋หลี่เท่อ แบบนี้ไม่ได้นะ ฉันจะให้เวลาแกอีกสิบวัน ถ้าแกยังไม่เริ่มฝึก แกจะต้องทนทุกข์ทรมานมาก”

ฟางหนิงพูดอย่างจริงจังกับไป๋หลี่เท่อ โดยลืมความจริงไปอย่างสิ้นเชิงว่าเขาเองก็ไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน…

เขารู้แค่ว่าหลังจากผ่านไปสิบวันที่ระบบปิดตัวเองเพื่อฝึกฝน เขาต้องถามไป๋หลี่เท่อแน่ๆ ว่ามันทำอะไรมาบ้างในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา

ระบบไม่ใจอ่อนเหมือนเขา อย่าเห็นว่ามันถูกเขาหลอกไปหลอกมาและท่าทางรับมือได้ง่ายมาก นั่นเป็นเพราะทั้งสองคนรวมเป็นหนึ่งเดียว นอกเหนือจากขังเขาในห้องมืดแล้ว ระบบไม่มีวิธีจัดการอะไรกับเขามากนัก

แต่กับคนอื่นไม่เหมือนกัน อันที่จริงเนื้อแท้ของระบบคือฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา…

สุนัขดำตัวนั้นคอตกสลดใจ ใบหน้าสิ้นหวัง

สุนัขเหลืองเซวป้าไม่ได้ฉวยโอกาสนี้โจมตีสุนัขดำเหมือนเคย ในเวลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษ

มันเอ่ยปากช่วย “ท่านเทพ ไป๋หลี่เท่อทำงานหนักมาหลายครั้งแล้ว ทำยังไงได้ธรรมชาติของมันเป็นคนอ่านหนังสือไม่เข้าหัว พอฟังฉันสอนวรยุทธ์ก็ขี้เกียจและง่วงนอน นอกจากนี้ความสนใจค่อนข้างต่ำ เอาชนะไม่ได้เสียที ได้โปรดให้เวลามันมากกว่านี้หน่อยท่านเทพ”

สุนัขดำไป๋หลี่เท่อเอียงหัวมอง “ทำไมฉันถึงคิดว่าแกไม่ได้ช่วยเพื่อนพูดเลย แต่ฉวยโอกาสที่จะให้ร้ายฉัน แกให้ร้ายอย่างเปิดเผยขนาดนี้ ไม่กลัวว่าความก้าวหน้าในการฝึกฝนปราณแท้ของแกจะชะงักเหรอ”

สายตาสุนัขเหลืองเซวป้าสู้กลับ “ตอนนี้ฉันมีปราณแท้อยู่กับตัว เมื่อกี้ไม่ใช่แค่พูดความจริงเท่านั้น แต่เพราะหวังดีกับแกจริงๆ”

ความจริงเป็นสิ่งที่ทำร้ายคนที่สุด เพื่อให้อีกฝ่ายดูดีนั้น เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด..

สุนัขดำพูดไม่ออกในขณะนี้ และใบหน้าของมันก็หมองลง

ในขณะเดียวกันฟางหนิงเหมือนถูกตีที่หัว ‘อ๋อ ที่แท้ฉันเรียน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ไม่ได้ เหตุผลก็เหมือนกับสุนัขดำ ฉันก็เอาชนะความสนใจต่ำไม่ได้ ฉันเองก็รู้สึกง่วงตลอดเมื่อต้องอ่าน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เล่มหนาเตอะนั่น…

เขาโบกมือเพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อที่น่าอับอายนี้แล้วพูดว่า “เราจะพูดถึงเรื่องนี้ทีหลังละกัน ฉันเพิ่งเด็ดหัวปีศาจตัวใหญ่ได้อีกแล้ว เดี๋ยวสำนักงานสัจธรรมจะส่งรางวัลใหญ่มาให้ สุนัขเหลืองฝึกฝนจนสำเร็จ ฉลองพร้อมกันพอดี เราจะมีงานเลี้ยงอีกครั้งในคืนนี้”

สุนัขดำไป๋หลี่เท่อได้ยินก็น้ำลายไหล เมื่อมองดูสุนัขเหลืองอีกครั้งก็เห็นมันนั่งหลังตรง ทันใดนั้นมันก็รู้สึกว่าความแตกต่างระหว่างสุนัขด้วยกันเองนั้นมีมากขึ้น…

หลังจากนั้นไม่นานพ่อบ้านเจิ้งก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นและทำมือคำนับฟางหนิง “ท่านเทพ ชายหนุ่มคนนั้นกลับไปแล้ว”

ฟางหนิงสนใจทันที ผู้ชายคนนั้นไม่บรรลุเป้าหมายจะคุกเข่าไม่ยอมลุก ทำให้เขาปวดหัวไม่น้อย เหลือเชื่อเจิ้งต้าวทำได้ง่ายดาย เขาเชี่ยวชาญด้านวาทศิลป์จริงๆ

ในใจเจิ้งต้าวความคิดว่องไว เมื่อเห็นสีหน้าท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณก็ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยถาม เขาอธิบายก่อน “ผมแค่พูดกับชายหนุ่มคนนั้นแค่ประโยคเดียวว่าจื่อซานกวนทางเหนือกำลังเปิดประตูรับคัดเลือกที่ลูกศิษย์โดดเด่น ท่านหม่าเต้าฉางนั้นมีพลังมากกว่าท่านเทพ และยินดีต้อนรับอัจฉริยะจากทั่วทุกมุมโลก เขาฟังแล้วก็ลังเลนิดหน่อย จากนั้นก็ลุกขึ้นจากไป หากมีตรงไหนพูดเกินไป ผมหวังว่าท่านจะให้อภัย”

ฟางหนิงโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ดูเหมือนว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว พลังพิเศษจิตใจของคุณพัฒนาขึ้นมากจริงๆ พูดเพียงแค่หนึ่งประโยคก็ทำให้คนเชื่อถือได้”

เจิ้งต้าวกล่าวอย่างนอบน้อม “นายท่านชมเกินไปแล้ว นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณท่านที่สั่งสหายเซวให้สอนวิธีการฝึกฝนของ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ หลังจากฝึกฝนแล้ว มันเป็นประโยชน์ต่อพลังพิเศษจิตใจของผมอย่างมาก อีกทั้งมีปราณแท้กับตัว คำพูดย่อมทำให้คนอื่นเชื่อถือได้ง่าย”

ฟางหนิงพยักหน้า เขาจำได้ว่าแอนเดอร์สันเคยพูดว่าอำนาจในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายเป็นการสำแดงภายนอกของการฝึกฝนที่ทรงพลัง

พลังพิเศษจิตใจของเจิ้งต้าวหมายความว่าเขาและวิธีการฝึกฝนที่เกี่ยวข้องกับลักษณะนิสัย ความถนัดในการฝึกฝนนั้นสูงมาก ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ มีข้อกำหนดด้านจิตใจสูงมากพอดี

วันใดที่เจิ้งต้าวฝึกฝน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ สำเร็จ เขาจะสามารถเข้าถึงขอบเขตที่น่าเหลือเชื่อได้ในอนาคต

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฟางหนิงถามอีกครั้ง “ผู้อาวุโสหม่าเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนและวิชากังฟูของเขาก็ไม่เลว แต่เขาก็ยังอ่อนกว่าฉัน คุณใช้คำพูดแบบนี้เพื่อหลอกล่อเขา จะเป็นอุปสรรคต่อการฝึกฝน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ หรือไม่”

เจิ้งต้าวยิ้มบาง “ขอบคุณท่านเทพที่กังวลในเรื่องนี้ เนื่องจากท่านเทพได้ตัดสินใจแล้ว ชายหนุ่มอยู่ที่นี่รังแต่จะเสียเวลาของคนหนุ่มสาวอันมีค่าของตัวเองไปเปล่าๆ ผมใช้วาทศิลป์กล่อมให้เขาไปที่อื่นเป็นการกระทำที่ยึดถือความซื่อสัตย์จริงใจ มันจะเพิ่มการฝึกฝนปราณแท้ของผมเท่านั้น แต่จะไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ส่วนผู้อาวุโสหม่า เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดและมีปณิธานสูงส่ง เขารับเสิ่นซิงเฉินเป็นศิษย์จะต้องสอนเขาอย่างใจเย็นและอบรมเขาให้เป็นคนเก่งได้แน่”

ฟางหนิงพยักหน้าก่อนที่จะส่ายหัวพลางถอนหายใจ “เสิ่นซิงเฉินคนนี้มีคุณสมบัติและนิสัยในการฝึกฝนที่ดีเยี่ยมมาก แต่น่าเสียดายเขาทำเพื่อประโยชน์ชื่อเสียงเงินทอง ฉันมีงานสำคัญที่ต้องทำหลายอย่าง ไม่มีเวลาจะสอนลูกศิษย์ แบบนี้แหละดีแล้ว”

เจิ้งต้าวพยักหน้าเห็นด้วย แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าระบบอาจจะยุ่งกับเรื่องสำคัญๆ มากมาย ส่วนเรื่องใหญ่ที่สุดของฟางหนิงก็คือได้เล่นเกมและอ่านนิยายอย่างสบายใจ จะมีเวลาสอนลูกศิษย์ที่ไหนกัน…

ฟางหนิงพออกพอใจมาก วางมาดลูกพี่ใหญ่วิพากษ์คนรุ่นหลัง รู้สึกฟินสุดๆ เสียแต่ผู้ชมน้อยไปหน่อย มีแค่คนเดียวกับสุนัขสองตัว

ในเวลานี้เขาลืมไปหมดแล้วว่าเขามีคุณสมบัติหรือไม่ ยังดีที่หนังสือเกมที่รักยังอธิบายความแข็งแกร่งของเสิ่นซิงเฉินได้อย่างละเอียด ส่วนเขาถูกข้ามไป หนังสือเกมที่รักไว้หน้าเขาจึงประเมินตัวเขาเพียงแค่ “…”

เขาสามารถประเมินอีกฝ่ายได้ ทั้งหมดเป็นเพราะระบบที่อยู่เบื้องหลังเขา

สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้

ในเวลานี้เจิ้งต้าวพูดถึงอีกเรื่องหนึ่ง “ท่านเทพ เมื่อสองวันก่อน ประธานจ้าวเสียงเหวินแห่งฉีเฉิงซิ่งเฉิงกรุ๊ปโทรมาบอกว่าวัตถุดิบยาปราณกำเนิดในการทดลองปลูกชุดแรกโตเต็มที่แล้ว พวกเขาเตรียมจะจัดงานเก็บเกี่ยวใหญ่เพื่อประชาสัมพันธ์สักหน่อย

ประธานจ้าวบอกว่าถ้าท่านยินดีที่จะเข้าร่วม ขอให้ผมแจ้งเขาแล้วเขาจะมาที่นี่เชิญคุณ ถึงตอนนั้นเมืองฉียังมีบุคคลสำคัญหลายคนจากทั่วประเทศจะมาร่วมงาน เมื่อถึงตอนนั้นขอให้ท่านเทพรีวิวคุณภาพ ต่อไปจะต้องขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่”

ฟางหนิงฟังแล้วปวดหัวเพราะเขาไม่ชอบเข้าร่วมงานที่มีคนเยอะๆ ก่อนหน้านี้เขาถูกระบบบังคับให้เข้าร่วมทุกครั้ง ยิ่งกว่านั้น เมื่อประธานจ้าวพูดแบบนั้น เขารู้ว่างานจะต้องยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอนและบุคคลสำคัญทั่วประเทศจะมาร่วมงาน…

เขากำลังนึกถึงระบบ หมอนั่นก็พูดขึ้น

ระบบ “คุณต้องไปงานนี้นะ ฉันให้เวลาโฮสต์พักผ่อนสิบวัน ไม่ใช่แค่ให้เล่นสนุกอย่างเดียว แต่คุณต้องทำงานด้วย อีกอย่างถ้าไม่มียาราคาถูก ฉันจะทำยาราคาถูกให้โฮสต์ได้อย่างไร พวกนักโทษจะเล่นเกมหาเงินให้โฮสต์ได้ยังไงล่ะ ไม่มีเงินคุณจะเล่นอย่างสบายใจได้ยังไง…”

ฟางหนิงพูดอย่างอ่อนแรง “ไปก็ไป ไม่ต้องให้แกพูด ‘ไม่มี’ มากมายขนาดนั้น ฉันมีหุ้นในบริษัทปลูกสมุนไพรทั้งสองตัวตน รวมกันแล้วก็เกือบหนึ่งในสาม ฉันจะต้องใส่ใจอยู่แล้ว แม้ว่าฉันจะไม่ได้ใช้เงินที่หามาได้ก็เถอะ…”

ระบบ “คุณเข้าใจก็ดีแล้ว ถ้าจะรีวิวคุณภาพก็เรียกฉันละกัน ฉันจะต้องประเมินได้ดีแน่นอน”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ถ่อมตนบ้างก็ได้นะ ถึงตอนนั้นอย่าเสแสร้งเกินงาม…”

เมื่อฟางหนิงพูดถึงคำว่า ’เสแสร้ง’ เขาก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง จะกลัวคนเยอะไปทำไม เรื่องนี้ใครจะเก่งไปกว่าอัศวิน A อีก ถึงตอนนั้นได้เล่นใหญ่อีกแล้ว…

คนทั้งสองและสุนัขทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่งแล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันไป

ฟางหนิงไม่มีอารมณ์จะเล่นเกมในขณะนี้จึงเดินไปรอบๆ ฟาร์มเพื่อพักผ่อน

ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มตลอดปี เช่น ต้นสนสีเขียวและต้นไซเปรสถูกปลูกเรียงรายสองข้างทาง ฟาร์มก็ยังคงดูมีชีวิตชีวาในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ

ในเวลานี้เขาเห็นคนงานกำลังเล็มตัดแต่งต้นไม้อย่างตั้งใจอยู่ไม่ไกลจากถนน

เขาทอดถอนใจ ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็ต้องมีคนธรรมดามากมายที่ต้องทำงาน เหตุผลนี้ไม่ควรเปลี่ยนแปลง

เขาคิดไปคิดมาแล้วเดินไปหาคนงาน

อีกฝ่ายมีอายุประมาณสี่สิบปีหน้าตาธรรมดา เขาสวมถุงมือกำลังใช้กรรไกรตัดกิ่งต้นไม้ที่ตายแล้ว

“ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร”

เมื่อได้ยินคำพูด คนงานในฟาร์มก็หยุดมือและยิ้มอย่างตรงไปตรงมา “เจ้านาย ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้ครับ ผมชื่อหลัวซิ่งหรง คนงานสวนของซิ่งเฉิงกรุ๊ป”

ฟางหนิงทราบดีประธานจ้าวทำทุกอย่างอย่างเหมาะสม ตอนที่เขามอบฟาร์มวิลล่าให้อัศวิน A เขายังเลือกทีมจากในบริษัทเพื่อบริหารจัดการทรัพย์สิน ประปาและไฟฟ้า รวมทั้งพนักงานประเภทต่างๆ ของที่นี่

อัศวิน A ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสัพเพเหระทั้งหลายสักนิดเดียวเพราะมีทีมนี้ และไม่จำเป็นต้องให้พ่อบ้านเจิ้งกังวลกับเรื่องนี้ พวกเขาเพียงแค่ต้องใช้ฟาร์มวิลล่าแห่งนี้ด้วยความอุ่นใจ

เมื่ออัศวิน A ออกไปสร้างผลงานข้างนอก มีคนธรรมดาจำนวนมากที่ทำงานอยู่เบื้องหลังเขา หากไม่มีพวกเขา อัศวิน A คงต้องปวดหัวกับสารพัดงานเล็กๆ น้อยๆ…

ฟางหนิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “คุณหลัวทำงานที่นี่คุณคงเคยเจอสุนัขสองตัวที่พูดภาษาคนได้ใช่ไหม คุณเคยกลัวพวกมันไหม”

หลัวซิ่งหรงถูมือพลางเอ่ย “ก่อนที่ผมจะมาทำงานที่นี่ บริษัทฝึกอบรมรูปแบบต่างๆ ให้แล้ว เงินเดือนที่จ่ายให้สูงกว่าที่อื่นสองเท่า ผมเองก็ได้เตรียมใจมาแล้ว เราทุกคนต่างพูดว่าตอนนี้คือยุคใหม่ไม่ใช่เหรอครับ การขอฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อฝึกฝนและสัตว์มีสติปัญญาเป็นหัวข้อสนทนาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

“แมวของลูกสาวผมตัวหนึ่งก็พูดได้เหมือนกัน พูดภาษาคนได้ก็ดีนะครับ เลี้ยงไม่เสียข้าวสุก ช่วยเหลือได้หลายอย่าง น่าเสียดายที่แมวตัวนั้นอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปมากและไม่สามารถหลอกได้ด้วยการให้อาหารเหลือ”

ฟางหนิงพยักหน้า ผู้คนปรับตัวได้ดีมาก คนเสิ่นโจวยิ่งความโดดเด่นมากขึ้น ตราบใดที่มีอาหารกินและมีชีวิตที่สงบสุข ทุกคนสามารถปรับตัวได้ตลอดเวลา

อัศวิน A อยู่จุดที่สูงสุดเสมอ เขาอยู่ในพื้นที่ของระบบเสมอ คอยติดต่อกับสังคมผ่านอินเทอร์เน็ตและเว็บบอร์ดเท่านั้น เขาไม่ค่อยติดต่อกับคนทั่วไปมากนักจึงสัมผัสกับแต่ละระดับชั้นของสังคมค่อนข้างน้อย ตอนนี้ต้องค่อยๆ เรียนเสริมเรื่องนี้

มิเช่นนั้นหากเขาไม่เข้าใจสถานการณ์ทางสังคม เกรงว่าเขาอาจจะเป็นที่ปรึกษาทางทหารได้ไม่นานจนถูกระบบที่เปี่ยมประสบการณ์มากไล่ไปอยู่มุมหนึ่ง ตอนนี้ระบบเป็นระบบที่รู้จักเล่นคำพูดได้แล้ว…

………………………………………………………..