ตอนที่ 84 นายจะแต่งงานไหม / ตอนที่ 85 ลองชอบผมดู

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

“ไปไหน” ชุยหังถามออกไปตรงๆ 

 

 

ในเมื่อปัญหาระหว่างเขากับหลูจื้อไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องแก้ไขมันในที่สุด 

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “อาคาร3 หอพักเจ้าหน้าที่ 101” 

 

 

ที่แท้พวกครูฝึกทั้งหมดต่างก็พักอยู่ที่นั่นนี่เอง แต่ว่าตึกนั้นกับตึก6เก่าแก่ก็ไม่ได้ไกลกันมาก มิน่าทุกครั้งที่ชุยหังออกไปทำเรื่องไม่ดีทีไรถึงได้บังเอิญเจอหลูจื้อทุกที 

 

 

“โอเค ผมรู้แล้ว” ชุยหังพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ไป 

 

 

จากนั้นเขาก็ไปหยิบเสื้อขึ้นมาใส่ ส่วนผ้าห่มก็จับแผ่ออกไว้ตรงนั้นแบบลวกๆ แล้วพูดกับจ้าวหลินว่า: “พี่ใหญ่ ต้องรบกวนนายหน่อยนะ ฉันออกไปข้างนอกแปปนึง…” 

 

 

“พอเลย ถ้ารู้เร็วกว่านี้คงจะไม่รับปากเป็นหัวหน้าห้องพักตั้งแต่แรกหรอก” จ้าวหลินกล่าว 

 

 

แต่ว่าเขาก็แค่จนใจจนปัญญา แต่ไม่ได้รู้สึกรำคาญหรือหมดความอดทนอะไร 

 

 

ครั้งนี้ทุกคนไม่ได้ถามเขาว่าจะออกไปทำอะไร ในเมื่อชุยหังก็ออกไปข้างนอกบ่อยจนพวกเขาชินกันทุกคนแล้ว 

 

 

ถ้าไม่ใช่ครูฝึกก็คงจะเป็นชย่าอวี่ชิว ครั้งนี้บางทีอาจจะเปลี่ยนคนแล้วก็ได้ 

 

 

ชุยหังเดินถือร่มลงมาถึงใต้ตึก มองดูท้องฟ้าที่ยังคงมืดครึ้มก็รู้ทันทีว่าฝนตกครั้งนี้คงจะตกนานไปอีกพักใหญ่ๆ 

 

 

ตกๆ ไปเถอะ แบบนี้พวกเขาทุกคนจะได้พักผ่อนสบายๆ กันอีกสักพัก 

 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาจะต้องผ่านด่านที่รออยู่เบื้องหน้านี้ไปให้ได้ก่อน 

 

 

ระหว่างทางเดินไปอาคาร3 ภายในใจของเขายังคงรู้สึกกระวนกระวายใจนิดหน่อย 

 

 

หลูจื้อเรียกหาเขา คือต้องการจะคุยอะไรกับเขากันแน่?  

 

 

ชย่าอวี่ชิวเป็นชายแท้ หลูจื้อก็ชายแท้ ตนไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมื่อตนเข้ามาอยู่ในแวดวงนี้แล้วต้องเบี่ยงเบนอะไรชายแท้ พวกเขาเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตสองชนิดที่อาศัยอยู่ในโลกเดียวกัน 

 

 

บางทีสำหรับเรื่องบางเรื่องอาจจะมีส่วนที่ต้องสื่อสารติดต่อกันบ้าง แต่สำหรับทัศนคติด้านคุณค่าไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางตรงกันแน่นอน 

 

 

ถ้าหากมีคนดูถูกเขาเพียงเพราะรสนิยมทางเพศของเขา อย่างมากตนก็แค่อยู่ห่างจากคนพวกนั้นให้มากหน่อยก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่ว่าตนจะต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองยังไงนั้นก็ไม่ได้ต้องการความห่วงใยจากพวกเขาอยู่แล้ว 

 

 

หนทางที่ตัวเองเป็นคนเลือก ต่อให้จะต้องคุกเข่าคลานยังไงก็ต้องเดินต่อไป 

 

 

ไม่นานก็เดินมาถึงอาคาร3แล้ว ชุยหังเก็บร่มในมือลง จากนั้นเดินหาห้อง101จนเจอก่อนจะเคาะประตูห้องพักเบาๆ 

 

 

หลูจื้อเปิดประตูออก ชุยหังมองดูการตกแต่งภายในที่ดูเรียบง่าย แต่กลับดูสะอาดหูสะอาดตาและเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก 

 

 

ดูเหมือนที่พักของพวกทหารนี้จะช่างแตกต่างกับเขามากจริงๆ 

 

 

หลูจื้อสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วดูท่าทางสดใสมีชีวิตชีวา ส่วนชุยหังที่แม้แต่หน้ายังไม่ทันได้ล้าง บวกกับปัญหาหัวใจที่หนักหน่วงทำให้ดูโทรมแบบสุดๆ 

 

 

“ครูฝึกเรียกผมหรอครับ” ชุยหังถาม 

 

 

“อืม นั่งสิ” หลูจื้อพูด 

 

 

จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเตียงนอนของตัวเองและส่งสัญญาณบอกให้ชุยหังนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กๆ ตรงข้ามเขา 

 

 

ชุยหังเดินเข้าไปหา มองหลูจื้อที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังคงนั่งอยู่ในท่ามาตรฐานของทหาร มือทั้งสองข้างวางไว้บนหัวเข่าทั้งสอง ก็เลยไม่สามารถทำตัวตามสบายจนเกินไป ได้แต่นั่งลงตามระเบียบ 

 

 

“ในอนาคตนายคิดจะแต่งงานไหม” จู่ๆ หลูจื้อก็เอ่ยปากถามขึ้นอย่างกะทันหัน 

 

 

ชุยหังครุ่นคิดแล้วส่ายหัวไปมา 

 

 

“ไม่อยาก หรือว่าไม่เคยคิดมาก่อน?” หลูจื้อถาม 

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “ไม่อยากแต่งงาน ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงซะหน่อย” 

 

 

ในเมื่อเขาเคยสารภาพกับหลูจื้อไปตรงๆ แล้ว ตอนนี้ยิ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสแสร้งอีกแล้ว 

 

 

“แล้วพ่อแม่ของนายจะทำยังไง” หลูจื้อถาม 

 

 

“พ่อแม่ผมควรทำยังไงก็ทำอย่างนั้นแหละ ผมก็ไม่สามารถจะไปทำลายคนอื่นแค่เพื่อพ่อแม่ผมหรอกนะ” ชุยหังกล่าว 

 

 

“ทำลายใคร?” หลูจื้อไม่ค่อยเข้าใจที่เขาพูด 

 

 

“ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง ต่อให้ผมทำเพื่อยืนยันกับพ่อแม่ด้วยกันฝืนใจคบหาและแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นก็ไม่สามารถจะรักเธอได้ แบบนั้นมันก็ไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงเขา พ่อแม่ผมคลอดผมออกมา ผู้หญิงเขาก็มีพ่อแม่คอยเลี้ยงดูมาเหมือนกัน อยู่บ้านก็เป็นลูกของพ่อแม่ แล้วผมมีสิทธิ์อะไรที่จะไปทำร้ายลูกของพ่อแม่คนอื่นเพื่อเอาใจพ่อแม่ของตัวเองด้วยล่ะ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 85 ลองชอบผมดู 

 

 

ถึงแม้ว่าคำพูดของชุยหังจะฟังดูอ้อมค้อมมาก แต่หลูจื้อก็ฟังมันเข้าใจ 

 

 

“นายนี่มันฝีปากเก่งจริงๆ เลยนะ ถ้าถึงตอนนั้นนายจะอธิบายกับพ่อแม่นายว่ายังไง” หลูจื้อถาม 

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “อธิบายอะไร บอกว่าผมไม่แต่งงานหรือบอกเรื่องที่ผมจะไม่เอาลูก?” 

 

 

“ทั้งหมด นายจะบอกยังไง” 

 

 

“จะให้บอกอธิบายอะไรล่ะ พ่อแม่ผมคลอดผม เลี้ยงผมมาไม่ได้เพื่อให้ผมคลอดลูกหลานให้ซะหน่อย ผมไม่ใช่หุ่นยนต์ผลิตลูกนะ” ชุยหังพูดอย่างตรงไปตรงมา 

 

 

“ถ้านายอายุมากขึ้นล่ะ ไม่ว่ายังไงครอบครัวก็คงจะเร่งให้นายแต่งงานใช่ไหมล่ะ” หลูจื้อถาม 

 

 

ชุยหังตอบกลับ: “พวกเขาเร่งก็เร่งไป ผมควรถ่วงผมก็ถ่วงไป มันจะส่งผลกระทบอะไร” 

 

 

“มันจะไม่มีผลกระทบได้ยังไง นายไม่แต่งงานแล้วคนอื่นจะมองพ่อแม่นายยังไง” ความคิดของหลูจื้อ เป็นความคิดของมาตรฐานชายแท้คนหนึ่งเลยจริงๆ 

 

 

แต่เสียดายที่คนที่เขามาเจอคือชุยหัง ที่ถึงแม้เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากันจะขี้อายบ้างนิดหน่อย แต่เป็นชุยหังที่รู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร 

 

 

“ถ้าผมแต่งงาน แล้วคนอื่นเขาจะเคารพพ่อกับแม่ผมหรอ คนเราก็มักจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอ ขอแค่คุณมีชีวิตที่ไม่ดี ยากลำบากก็มักจะเอาแต่ดูถูกคุณ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าคุณจะแต่งงานหรือไม่แต่งงาน หรือต่อให้คุณมีชีวิตที่ดีมากแค่ไหน คนที่ไม่ชอบคุณก็จะสามารถหาเหตุผลบางอย่างมาเล่นงานคุณได้เสมอ คนแบบนั้นมันเกี่ยวอะไรกับผม ผมไม่ได้ไปใช้ชีวิตให้พวกเขาดูสักหน่อย ชีวิตนี้ผมจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนตัวผมยังไม่รู้เลย วันๆ ยังต้องมานั่งกังวลพวกที่ไม่ชอบผม เกลียดผม คิดว่าจะประจบสอพลอพวกเขายังไง ทำยังไงไม่ให้พวกเขาเกลียด ผมไม่ได้ต่ำต้อยขนาดนั้นนะ” 

 

 

คำพูดยาวเหยียดพ่นออกจากปากชุยหัง ทำเอาหลูจื้อตกตะลึงนิ่งไป 

 

 

คำพูดที่เขาเตรียมเอาไว้อย่างดีก่อนหน้านี้ แถมยังมีมุมมองอีกตั้งมากมายต่างก็ถูกชุยหังดักเอาไว้จนหมด 

 

 

ไม่ว่าตัวเขาจะพูดอะไร ชุยหังก็หาคำมาพูดได้เสมอ 

 

 

อีกอย่าง ยังรับรองได้อีกว่ามันดักเขาได้อย่างหนาแน่น แน่นแบบแม้แต่ลมก็ไม่สามารถทะลุผ่านได้ 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นถ้านายคบกับผู้ชายคนหนึ่งจริงๆ แล้วพ่อแม่นายรู้เข้าทำให้โกรธจนล้มป่วยขึ้นมาจะทำยังไง” หลูจื้อเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า: “ค่อยๆ คุยกันสิ พวกเขาเป็นพ่อแม่ของผม ไม่ว่าจะเรื่องที่พวกเขาอยากให้ผมแต่งาน หรือเรื่องที่อยากให้มีลูกเอาไว้เลี้ยงดูยามแก่เฒ่าต่างก็เป็นเพราะหวังดีกับผมทั้งนั้น หวังว่าในอนาคตผมจะมีความสุข แค่ผมมีความสุขมันก็หมดเรื่องแล้วไม่ใช่หรอ ถ้าการที่ผมคบกับผู้ชายแล้วพวกเขาไม่โกรธนี่สิถึงเรียกว่าแปลกของจริง โกรธก็โกรธสิ ก็ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงผมหรอกหรอ ค่อยๆ ดูผมใช้ชีวิตไป เมื่อเห็นว่ามันดี แค่นี้ก็เข้าใจได้แล้วไม่ใช่หรอ” 

 

 

“นายรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาจะเข้าใจนายได้แน่นอน” หลูจื้อเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังพูดตอบ: “นี่มันมีอะไรที่ว่ารู้หรือว่าไม่รู้ล่ะ ตามความคิดของพวกคุณ ผมจะต้องเสแสร้งว่าตัวเองชอบผู้หญิง ทำตามแผนที่พวกเขาจัดวางเอาไว้ให้ จากนั้นก็ฝืนทนแสร้งแต่งงานไป ตัวเองต้องทนทรมานไปตลอดชีวิตก็เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าผมเป็นเด็กดีเชื่อฟัง พวกเขาพูดอะไรก็ถูกหมด มันมีประโยชน์อะไร การมีชีวิตอยู่จำเป็นต้องเหนื่อยขนาดนั้นไหม” 

 

 

ทฤษฎีของชุยหังทำให้หลูจื้อจำเป็นต้องทำความเข้าใจดีๆ หน่อย เขารู้สึกว่าชุยหังมีทักษะในการพูดมากเกินไปแล้ว แต่ก็เป็นเหตุผลทฤษฎีที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมเอาซะเลย 

 

 

ไม่ว่าจะพูดยังไงก็คือผู้ชายคบกับนายถึงจะเป็นเรื่องที่สมควรสินะ 

 

 

“ถกเรื่องนี้กับนาย ฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ นายมั่นใจได้ยังไงว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง?” 

 

 

ชุยหังตะลึงงัน เรื่องนี้จะให้ตนพิสูจน์ยังไง ตัวเองชอบอะไร แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้อย่างนั้นหรอ 

 

 

“นายลองดูได้นะ ชอบผู้หญิงสักคน เผื่อว่ามันได้ขึ้นมาไง” หลูจื้อแนะนำเขา 

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าความคิดนี้ของหลูจื้อมันช่างดูค่อนข้างดื้อรั้นมากจริงๆ 

 

 

เขาพูดตอบ: “ไม่จำเป็นต้องลอง ไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว” 

 

 

“นายไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ได้?” หลูจื้อยังคงยืนยัน 

 

 

ชุยหังมองเขา จากนั้นพูดขึ้นว่า: “ครูฝึก ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่ลองชอบผมดูล่ะ เผื่อว่ามันจะได้ขึ้นมาไง”