แดนนิรมิตเทพ บทที่ 338
“เหอะๆๆ ฉันเคยบอกแล้วว่า พวกแกฆ่าฉันไม่ตายหรอก อยู่ที่นี่ฉันคือเทพเจ้า!”

เสียงหัวเราะที่น่าสะพรึงกลัวดังมาจากบนพื้นดิน แล้วเจ้าสำนักน้อยก็คลานออกมาจากหลุมใหญ่รูปร่างมนุษย์โดยทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด บาดแผลบนร่างกายก็ค่อยๆสมานกันอย่างรวดเร็วโดยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“นักพรตเฒ่า หมัดนี้ของแกไม่เลว มีพลังบ้างที่ทำลายค่ายกลหยินร้ายต่อเนื่องของไอ้หนูนั่น เป็นเขาที่สอนแกสินะ?” เจ้าสำนักน้อยมองเฉินซงจื่อ แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และพูดขึ้น

“เพียงแต่น่าเสียดาย แม้ว่าพวกแกจะแข็งแกร่ง แต่เหมือนกับการโจมตีเมื่อครู่นี้ พวกแกจะทำได้สักกี่ครั้งกันล่ะ? ชี่แท้ของพวกนายท้ายที่สุดก็จะหมดสิ้นไป ส่วนฉันจะอยู่ที่นี่โดยไม่ตายไม่สลาย รอให้เวลาที่ชี่แท้ของพวกแกหมดสิ้น ก็จะเป็นเวลาที่ฉันจะบดขยี้พวกแกให้เป็นเถ้าถ่าน”

เฉินซงจื่อพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “นายน้อย เขาไม่โจมตีดูเหมือนว่าจงใจรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ แล้วรอให้พวกเราใช้ชี่แท้จนหมด งั้นก็จะเป็นอันตรายเสียแล้ว! ไม่งั้นพวกเราจากไปชั่วคราว รอให้คิดหาวิธีได้ค่อยมาฆ่าเขา!” เฉินโม่ไม่ได้พูดอะไร แต่มองไปที่เจ้าสำนักน้อยที่หยิ่งจองหองแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “แกคิดจริงๆว่าฉันจะฆ่าแกไม่ได้หรือ?”

“ตอนนี้ฉันจะให้แกได้รู้ว่า อะไรถึงจะเป็นผู้บำเพ็ญที่แท้จริง!”

เฉินโม่ยื่นมือออกไปด้วยหนึ่งกระบวนท่า หยกแขวนชิ้นหนึ่งก็ห้อยอยู่กลางอากาศ

เฉินโม่ใช้นิ้วหนึ่งชี้ พลังทิพย์ประกายหนึ่งได้พุ่งเข้าใส่ กระตุ้นไฟแท้สมาธิภายในที่จัดวางเอาไว้เรียบร้อยรากฐานเปลวเพลิงประกายหนึ่งบังเกิดขึ้น ชั่วขณะหนึ่งได้ก่อไฟทั่วทั้งร่างของเจ้าสำนักน้อยขึ้น

“ฮ่าฮ่า ร่างกายของฉันได้ถึงขั้นคงกระพันแล้ว เพียงแค่วิธีการเด็กๆแบบนี้ยังคิดที่จะฆ่าฉัน? ฝันไปเถอะ……”

เจ้าสำนักน้อยยังพูดไม่จบ จู่ๆก็ได้กรีดร้องขึ้นด้วยหน้าตาที่หวาดกลัว “เป็นไปได้ยังไง? ทำไมไฟนี้ถึงสามารถทำร้ายฉันได้!”

เจ้าสำนักน้อยกลิ้งไปบนพื้น พยายามที่จะดับไฟบนร่างกาย แต่ว่านั่นไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา แต่เป็นไฟแท้สมาธิเมื่อสัมผัสก็จะเหมือนกำลังที่เข้าสู่อวัยวะภายในและยากที่จะขจัดได้

“ไอ้หนู นี่มันเป็นไฟอะไรของแก? ทำไมฉันถึงดับมันไม่ได้!” เจ้าสำนักน้อยยังคงกลิ้งอยู่บนพื้นราวกับลูกไฟที่มีรูปร่างเป็นมนุษย์

“นี่คือไฟแท้สมาธิ! ตอนนั้นราชาวานรก็เกือบจะถูกไฟเผาตาย อย่าว่าแต่แกเลย” เฉินโม่พูดอย่างเรียบเฉย หน้าตาที่ไร้ความรู้สึก

“ไฟแท้สมาธิบ้าบออะไรกัน นั่นเป็นแค่เรื่องโกหก แกคิดว่าฉันโง่เหรอ?” เจ้าสำนักน้อยตะโกนพูดเสียงดัง

เฉินโม่ไม่พูดอะไรอีก ไฟแท้สมาธิได้เริ่มเผาผลาญร่างของเจ้าสำนักน้อยไปแล้ว

ไฟแท้สมาธิ ที่จริงก็เป็นจิตวิญญาณ พลังปราณ ที่แทรกซึมเข้าไปในไฟธรรมดาๆของผู้ฝึกวิชาบู๊ หากว่าไม่มีพลังบำเพ็ญที่แข็งแกร่งต่อสู้ ไม่นานนักเจ้าสำนักน้อยก็จะสลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

“อ๊า ช่างเจ็บปวดนัก! นี่มันไฟอะไรกันแน่!” เจ้าสำนักน้อยตะโกนร้องขึ้นมาเป็นพักๆ แล้วกลิ้งไปมาบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่มีทางดับไฟแท้สมาธิได้เลย

“ไว้ชีวิตด้วย ละเว้นฉันด้วย ฉันยอมจำนนแล้ว!” เจ้าสำนักน้อยคุกเข่าลงในกองไฟ และโขกหัวอ้อนวอนขอความเมตตาจากเฉินโม่

เฉินโม่ฮึ่มเสียงเย็นชาเสียงหนึ่ง “แม้แต่วิญญาณนักรบผู้กล้าพวกนั้นยังกล้าที่จะรบกวน แล้วจะละเว้นแกได้อย่างไร!”

“ฉันผิดไปแล้ว ไต้ซือไว้ชีวิตด้วย ฉันสำนึกผิดแล้ว! เจ้าสำนัก เจ้าสำนักช่วยฉันด้วย!” เสียงคร่ำครวญของเจ้าสำนักน้อยดังกึกก้องอยู่ภายในถ้ำ

ชั่วขณะหนึ่ง ร่างกายได้ไหม้เป็นเถ้าถ่าน ร่างโปร่งใสประกายหนึ่งดิ้นรนที่จะหลบหนี แต่ก็ถูกเปลวเพลิงสัมผัสเข้าอย่างรวดเร็วจนเผาผลาญกลายเป็นความว่างเปล่า

สลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ!

“นี่ก็คือสลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณที่กล่าวขานในตำนาน!”

ยิงอี้สงสามคนหวาดกลัวจนถึงขีดสุด นับถือต่อเฉินโม่ราวกับทวยเทพ!

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซงจื่อเห็นเฉินโม่ใช้วิธีการแบบนี้ ทำให้รู้สึกตกใจกลัวอย่างจนเงียบกริบ

เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนก็ยิ่งปิดปากเล็กๆเอาไว้ ฝืนบังคับตัวเองไม่ให้ร้องออกเสียงมา

วิธีการเผาคนทั้งเป็นแบบนี้ ช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริงๆ

ตามด้วยสลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณของเจ้าสำนักน้อย ไฟแท้สมาธิก็ได้ดับลงไปด้วย แต่ว่าตรงที่เจ้าสำนักน้อยถูกเผาเป็นเถ้าถ่านได้หลงเหลือไม้ดำสนิทต้นหนึ่งไว้

เฉินโม่ยื่นมือออกไปจับความว่างเปล่า ไม้ท่อนนั้นได้บินเข้ามาอยู่ในมือเขาโดยอัตโนมัติ

ใจของเฉินโม่เต้นแล้วพูดอย่างยินดีว่า “ที่แท้ก็เป็นไม้ทิพย์พรสวรรค์ท่อนหนึ่ง! ผู้ชายคนนั้นต้องกลืนไม้ทิพย์พรสวรรค์ไปเป็นแน่ ดังนั้นร่างกายถึงได้รับการเกิดใหม่ที่แกร่งกล้า”

“ไม้ทิพย์พรสวรรค์อยู่ในมือของเจ้าคนๆนี้ ก็เป็นเพียงแค่สิ่งของที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง แม้แต่ในโลกของการบำเพ็ญ ไม้ทิพย์พรสวรรค์ก็เห็นได้ยาก เป็นวัสดุสำหรับการกลั่นยาและเครื่องรางขั้นสูงสุด!”