ตอนที่ 877 เรื่องราวมีจุดพลิกผัน

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

ลูกศิษย์ของชีอวี่เซวียนมีไม่มาก แต่ถ้าเลือกออกมาหนึ่งคนไม่ว่าจะเป็นใครล้วนถือเป็นหัวกะทิของวงการ ต้าอีเพิ่งจบปริญญาตรีได้ใบอนุญาตนักจิตวิทยาบำบัดขั้นสาม แต่ชีอวี่เซวียนให้คะแนนประเมินสูงมาก 

 

 

แต่ทว่าประธานเชี่ยนกลับไม่ขอรับน้ำใจ นี่เป็นลูกศิษย์ที่เธอปั้นมาด้วยความยากลำบาก ไม่จำเป็นต้องการคำชมจากตาคนชอบทำตัวเพี้ยนนี่ 

 

 

“ในเมื่อคุณไม่อยากให้ผมออกหน้า งั้นผมก็จะไม่ออกหน้า ยังไงซะการแข่งภายในประเทศแบบนี้ก็ไม่ได้น่าสนใจเท่าไร เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวผมติดต่อการแข่งขันระดับนานาชาติให้คุณ อีกสามเดือนคุณไปเข้าร่วม” 

 

 

“ไม่สนใจค่ะ” 

 

 

เธอยังต้องวุ่นอยู่กับการมีลูกนะ มีอารมณ์ไปสนเรื่องบ้าบอแบบนั้นที่ไหนกัน 

 

 

ศาสตราจารย์ชีฟังเสี่ยวเชี่ยน เขาไม่ยื่นมือไปยุ่งเรื่องนี้แล้ว อีกทั้งคิดว่าจะใช้โอกาสนี้สั่งสอนเสี่ยวเชี่ยนว่าอย่ายุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไป 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเองเคยเตรียมใจไว้แล้วว่าตัวเองน่าจะเข้าถึงรอบสุดท้าย พอนึกถึงว่าอาจโดนชีอวี่เซวียนหัวเราะเยาะเรื่องเธอใจอ่อนทำตัวเป็นแม่พระก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ แต่นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเกิดการพลิกผัน 

 

 

เหมือนกับที่เสี่ยวเชี่ยนและชีอวี่เซวียนคิด เหล่าคณะกรรมการกำลังถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด 

 

 

ต้าอีตอบคำถามได้ดีมาก เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัย 

 

 

แต่คณะกรรมการส่วนหนึ่งคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน ส่งผู้ช่วยมาเข้าแข่งแทน เรื่องนี้ดูขัดแย้งกับจุดประสงค์ของการแข่งขัน 

 

 

ศาสตราจารย์หลิวเองก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการครั้งนี้ แต่ว่าตัดสินกลุ่มอื่น จึงยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องกลุ่มที่เสี่ยวเชี่ยนอยู่ไม่ได้ 

 

 

พอได้ยินว่าทางนี้มีปัญหาศาสตราจารย์หลิวก็ร้อนใจแต่พูดอะไรไม่ได้ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไปไหนมา? ทำไมถึงขาดการแข่งที่สำคัญแบบนี้ได้? 

 

 

ถึงต้าอีกับเสี่ยวเชี่ยนจะเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กัน แต่ก็ไม่ใช่ในนามอย่างเป็นทางการ เสี่ยวเชี่ยนยังเป็นนักศึกษาอยู่ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนอายุเจ็ดสิบแปดสิบแล้วตัวเองไม่ลงสนามส่งลูกศิษย์ที่เป็นทางการลงแทน แบบนั้นยังพอคุยได้ 

 

 

แต่เสี่ยวเชี่ยนยังเป็นนักศึกษาอายุน้อย บอกว่าต้าอีเป็นลูกศิษย์ใครจะเชื่อ 

 

 

ก็มีคณะกรรมการบางคนคิดว่ากฎกติกาการแข่งขันครั้งนี้เดิมก็มีช่องโหว่อยู่แล้ว 

 

 

กติการะบุไว้ว่าให้มีผู้ช่วยได้หนึ่งคน ก็แสดงว่าผู้ช่วยสามารถอยู่ช่วยในสนามขณะที่ผู้เข้าแข่งขันเตรียมตัวได้ ไม่ได้มีข้อห้ามเป็นลายลักษณ์อักษรว่าห้ามผู้ช่วยตอบคำถามแทน แบบนี้เดิมทีก็เท่ากับเล่นเป็นทีมสองคนแล้ว 

 

 

แต่คณะกรรมการที่คิดแบบนี้มีเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ต่างคิดว่าการที่ไม่ได้ลงแข่งด้วยตัวเองก็เท่ากับเป็นการสละสิทธิ์ ต่อให้ต้าอีทำคะแนนได้มาเป็นอันดับหนึ่งก็ไม่ควรให้คะแนนเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนควรตกรอบ 

 

 

ขณะที่คณะกรรมการกำลังจะขึ้นกระดานในช่องของเสี่ยวเชี่ยนว่าสละสิทธิ์นั้นก็มีคนๆหนึ่งวิ่งมาพร้อมของในมือแล้วพูดกับเหล่าคณะกรรมการ 

 

 

ในที่สุดก็ถึงเวลาประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 

 

 

ต้าอีมองกระดานคะแนนอย่างตื่นเต้น ตอนที่พิธีกรประกาศรายชื่อคนเข้ารอบพร้อมคะแนน ต้าอีก็ผิดหวัง 

 

 

ไม่เห็นประกาศคะแนนของประธานเชี่ยน นี่คำตอบของเธอมีปัญหาเหรอ? 

 

 

รู้สึกผิดต่อประธานเชี่ยนจัง…ต้าอีหันไปหาประธานเชี่ยนด้วยสีหน้ารู้สึกผิด 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยกนิ้วโป้งให้เธอแล้วชี้ไปที่หัวใจ ความหมายคือวันนี้เธอทำได้เยี่ยมมาก ต้าอีที่ยืนอยู่บนเวทีถึงกับน้ำตาคลอ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนลุกขึ้นเตรียมเดินไปรับต้าอีที่หลังเวทีพร้อมแม่อวี๋ 

 

 

ตกรอบก็ไม่เป็นไร วันนี้ต้าอีทำให้เสี่ยวเชี่ยนพอใจมาก บรรลุวัตถุประสงค์ของการฝึกแล้ว 

 

 

แม่อวี๋เตรียมใจเรื่องผลการแข่งขันไว้แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจเล็กๆ เธอบ่นพึมพำ 

 

 

“ถ้าพวกเราไม่ไปยุ่งเรื่องนั่นนะ ตอนนี้คงได้ที่หนึ่งไปแล้ว” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนฝึกต้าอีเองกับมือ ซึ่งต้าอีก็ทำได้ดีมาก ยิ่งถ้าเสี่ยวเชี่ยนแข่งเองรับรองชนะแบบขาดลอย 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนคล้องแขนแม่อวี๋พลางพูดแซว 

 

 

“แม่คะ คิดแบบนี้ไม่ถูกนะคะ ถ้าพ่อรู้เข้าแม่ได้โดนเรียกไปปรับทัศนคติแน่เลยค่ะ” 

 

 

พอได้ฟังเสี่ยวเชี่ยนแซวแม่อวี๋ก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย 

 

 

“ใช่ว่าแม่จะไม่ให้หนูช่วยคน บ้านเราถ้าเจอเรื่องแบบนั้นก็ต้องช่วย มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แม่ไม่ได้บอกว่าหนูทำไม่ดีนะ ก็แค่เสียดายนิดหน่อย” 

 

 

ทั้งสองคนเดินไปคุยไป แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินพิธีกรพูดขึ้นอีก 

 

 

“วันนี้มีผู้เข้าแข่งขันท่านหนึ่งไม่ได้มาแข่ง นั่นก็คือเฉินเสี่ยวเชี่ยนค่ะ” 

 

 

เอ๋…? 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนหยุดเดิน เรื่องอะไรกัน ทำไมเรียกชื่อเธอ? 

 

 

“ผู้ช่วยของเธอได้ทำผลงานแทนในการแข่งรอบนี้ไว้ดีมาก แต่ก็ทำให้เหล่าคณะกรรมการลำบากใจค่ะ เพราะเจ้าตัวนั้นไม่ได้ลงแข่งเอง การที่ผู้ช่วยลงแข่งแทนนั้นจะนับเป็นผลคะแนนให้ได้หรือไม่ ทางเรากำลังถกเถียงกันเรื่องนี้ค่ะ” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเองก็ยังไม่เข้าใจ นี่จะมาไม้ไหน? 

 

 

เธอหันไปมองศาสตราจารย์ชี ฝีมือคุณเหรอ? 

 

 

ศาสตราจารย์ชีงงยิ่งกว่าเสี่ยวเชี่ยน เขาผายมือออก ครั้งนี้ไม่ใช่เขาจริงๆ เขายังคิดใช้โอกาสนี้สั่งสอนเสี่ยวเชี่ยนอยู่เลย 

 

 

ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร? 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนดึงแม่อวี๋กลับไปนั่งที่เดิม ถูกเรียกชื่อแล้วก็ต้องลองฟังหน่อยว่าเรื่องอะไร 

 

 

“เดิมทีคณะกรรมการตัดสินว่าคะแนนของผู้ช่วยไม่ถือเป็นคะแนนของผู้เข้าแข่งขันค่ะ แต่เมื่อครู่พวกเราได้รับจดหมายขอบคุณจากทีมตำรวจอาชญากรรม จึงทำให้เหล่าคณะกรรมการเปลี่ยนใจค่ะ” 

 

 

บนหน้าจอแสดงภาพจดหมายขอบคุณจากทีมตำรวจอาชญากรรม 

 

 

พิธีกรพูดเสริมต่อ 

 

 

“จดหมายขอบคุณจากทีมตำรวจอาชญากรรมเขียนไว้ว่า ผู้เข้าแข่งขันเฉินเสี่ยวเชี่ยนได้พลาดโอกาสเข้าแข่งขันเนื่องจากเธอได้ช่วยทางตำรวจจัดการคนร้ายที่มีอาการทางประสาทที่จับคนเป็นตัวประกันไว้ เธอยอมขาดแข่ง แต่ไม่ยอมละทิ้งหน้าที่ของนักจิตวิทยาค่ะ” 

 

 

ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนไปเป็นภาพถ่ายตอนที่เสี่ยวเชี่ยนถือโทรโข่งคุยกับคนร้าย 

 

 

แม่อวี๋ตื่นเต้นทันที นี่เปิดเผยหน้าตาด้วยเหรอ 

 

 

เพื่อนเธอหลายคนดูการถ่ายทอดสด มีที่ไหนกันที่มาแนะนำผู้เข้าแข่งขันเฉพาะบุคคลแบบนี้ 

 

 

ขณะที่แม่อวี๋กำลังคิดจะแสดงความยินดีกับเสี่ยวเชี่ยนอยู่นั้น พอหันไปก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนเอานิ้วปิดตาทำเหมือนทนดูไม่ได้ 

 

 

“เป็นอะไรเหรอ?” 

 

 

“เสื้อยืดสีแดงทำให้ดูเชยยังไม่พอ วันนี้หนูดันใส่รองเท้าส้นเตี้ยด้วย” 

 

 

ประธานเชี่ยนที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มากพอเห็นตัวเองถูกเปิดเผยหน้าตาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรแต่กลับโมโห กลับไปจะไปกระทืบเสี่ยวเฉียง 

 

 

อยู่ว่างๆเอาเสื้อแดงที่มีโลโก้เครื่องหมายถูกให้เธอใส่ทำบ้าอะไร พอใส่เสื้อแบบนี้ก็ต้องใส่รองเท้าผ้าใบ แล้วตอนนี้ขาสั้นๆของเธอก็กำลังปรากฏอยู่บนหน้าจอ 

 

 

“ผมว่าคุณก็สวยออกนะ ดูงามสง่ามาก” ศาสตราจารย์ชียิ้มตาตี่ 

 

 

“สง่าอะไรเล่า ไม่เห็นเหรอว่าฉันเตี้ยจะตาย?” 

 

 

ในเวลาแบบนี้ยังมานั่งคิดเล็กคิดน้อยเรื่องส่วนสูงของตัวเอง นอกจากเสี่ยวเชี่ยนแล้วคงไม่มีใครอีก 

 

 

ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมหรือคณะกรรมการล้วนอยู่ในอาการตกตะลึง 

 

 

นี่เป็นแค่การแข่งขันทั่วไป คนที่มาชมส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายของผู้เข้าแข่งขัน อย่างไรเสียเรื่องจิตวิทยาก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นจุดสนใจเท่าไร คนส่วนใหญ่ดูแล้วก็ไม่เข้าใจ ก็แค่อยากมาให้กำลังใจผู้เข้าแข่งขันกันเท่านั้น 

 

 

ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เลยกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที 

 

 

ก่อนหน้านี้พิธีกรคนนี้ทำรายการประเภทพูดคุยเรื่องรักๆใคร่ๆของทางสถานี พอถูกให้มาทำหน้าที่พิธีกรการแข่งขันจิตวิทยาก็เกิดอาการติดๆขัดๆบ้างเวลาอ่านศัพท์เฉพาะ แต่พอเจอข่าวนี้จิตวิญญาณนักข่าวก็มาเต็มเปี่ยม คุยข่าวได้อย่างออกอรรถรส ชื่อเฉพาะทางด้านจิตวิทยาเธอไม่คุ้น แต่ถ้าให้รายงานข่าวล่ะก็งานถนัด