ตอนที่ 375 ฝังความคิดเข้าไปในหัว

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 375 ฝังความคิดเข้าไปในหัว!

“จะฝังความคิดอีกแล้วเหรอ?”

น้ำเสียงซูมู่ชิงเรียบเฉย หล่อนไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวหรือต่อต้านการที่คุณหมอกัวจะฝังความคิดและสะกดจิตตนเอง

กลับกันหล่อนกลับมีสภาวะเรียบเฉย แถมยังรู้สึกรอคอยและตื่นเต้นเล็กน้อยอีกด้วย

นี่ไม่ใช่ใครต่อใครก็จะโดนฝังความติดอะไรเข้าไปในหัวคนอื่นได้ จำเป็นต้องเคยผ่านพ้นประสบการณ์ที่เลวร้ายอย่างสาหัส คนที่ชีวิตจริงไม่เป็นดังที่ฝันถึงจะทำได้สำเร็จ

เหตุผลมันแค่ง่ายๆ ชีวิตจริงตัวเองมีความสุข สามีภรรยารักกันสนิทสนม ทำไมฉันต้องมามีชีวิตในโลกจินตนาการแทนล่ะ?

แต่คนอย่างซูมู่ชิง ที่ในชีวิตจริงไม่ได้ความรักมาครอบครอง จึงหวังอย่างยิ่งว่าจะได้มีชีวิตอยู่ในโลกจินตนาการ เพราะว่าในโลกใบนั้น หล่อนได้ครอบครองเย่เฉินและมีความสุข

กัวเยว่หมิงพยักหน้ารับ “คราวนี้น่าจะนานหน่อยนะ คุณจะโทรศัพท์บอกคนที่บ้านหน่อยไหม”

“ค่ะ” ซูมู่ชิงกดโทรศัพท์ โทรหาซวงเอ๋อร์กำชับให้หล่อนดูแลซือซือให้ดีๆ

จากนั้นกัวเยว่หมิงก็ชงกาแฟให้หญิงสาว แก้วนี้ดูเหมือนเป็นกาแฟทั่วๆ ไปแต่จริงๆ แล้วในนั้นเติมยาเข้าไปด้วย ยาประเภทนี้ทำให้คนป่วยนอนหลับสนิท แต่ไม่มีกลิ่นและรสชาติใดๆ ทังสิ้น

จากนั้นเขาจึงจัดแจงให้ซูมู่ชิงเอนตัวลงบนโซฟา อยู่ในสภาวะที่สบายที่สุด แล้วหลับตาลง

ภายในห้องเงียบกริบไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ เงียบจนได้ยินกระทั่งเสียงเข็มตก เพราะว่าห้องทำงานบวกกับห้องรักษาของกัวเยว่หมิงด้วย และเก็บเสียงตามมาตรฐานของห้องอัดเสียง

ต่อให้คนด้านนอกเสียงดังโวยวายขนาดไหนในห้องก็ไม่ได้ยิน และเช่นเดียวกันกับที่คนด้านนอกจะไม่ได้ยินเสียงคนข้างใน

เครื่องปรับอากาศพ่นลมร้อนออกมา กัวเยว่หมิงถอดเสื้อนอกออกมาแล้วหยิบเครื่องจับเวลาสีดำ จากนั้นก็เริ่มกดนับเวลาย้อนหลังเพื่อเริ่มจับเวลา

กัวเยว่หมิงยื่นนิ้วชี้ข้างขวาออกมา แล้วหยิบสิ่งของสีดำหน้าตาคล้ายลูกตุ้ม แล้วเข็มสีดำนั้นก็เริ่มขยับด้วยความเร็ว 40BPM

และในเวลานี้เอง กัวเยว่หมิงก็ค่อยๆ เปิดปากเอ่ยช้าๆ “ตอนนี้คุณกำลังอยู่บนเรือ เรือลำนั้นกำลังลอยอยู่ในมหาสมุทรที่เวิ้งว้างไร้ฝั่ง คุณอารมณ์ไม่ดี กำลังดื่มเหล้าเยอะมาก เยอะมากๆ มีพนักงานคนหนึ่งกำลังประคองคุณกลับห้อง คุณเดินตัวโอนเอน เขาโอบเอวคุณ แล้ววางคุณลงบนเตียง ปิดประตูแล้วเริ่มโผไปหาคุณ…”

และในตอนนี้ซูมู่ชิงเองก็กำลังดำดิ่งลงในห้วงนิทรา อีกทั้งเพราะยังดื่มกาแฟที่ในนั้นมียาอยู่ จึงดำดิ่งลงในภาพเหตุการณ์มายาที่กัวเยว่หมิงสร้างขึ้น

“อย่านะ…”

สีหน้าซูมู่ชิงเผยท่าทางขัดขืน ร่างกายดีดดิ้น บ่งบอกถึงการขัดขืนเต็มที่

กัวเยว่หมิงกล่าวต่อ “ผู้ชายคนที่ทุ่มตัวเข้าหาคุณ เหมือนจะหล่อเหลานิดหน่อย แต่กลับเป็นไอ้บ้ากามอย่างเต็มที่ บางทีอาจจะพอดูได้ แต่กลับเป็นเดียรัจฉานในคราบมนุษย์”

“อย่า…อย่า…” ซูมู่ชิงยังคงปฏิเสธต่อไป

ทว่าประโยคต่อไปของกัวเยว่หมิงกลับกลายเป็น “ผู้ชายคนนั้นคุณก็รู้จักนะครับ อีกทั้งก่อนนี้เขายังเคยทำร้ายคุณมาก่อนด้วย เขาชื่อเย่เฉิน!”

และในเวลาเดียวกันในห้องข้างๆ

หลี่เฉิงเจี๋ยก็เปิดปากเอ่ย “ถูกต้อง เป็นไอ้เดียรัจฉานเย่เฉิน!”

หลี่เฉิงเจี๋ยกับเฉียนช่วนจื่อจ้องภาพในคลิปตรงหน้า พวกเขาทั้งได้ยินและมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของกัวเยว่หมิง

เฉียนช่วนจื่อเองหัวเราะหึหึ “คุณหมอกัวคนนี้สะกดจิตเก่งมากจริงๆ นี่เดี่ยวเดียวก็ทำให้คุณหนูซูหลับได้ อีกทั้งหลังจากนอนหลับไปแล้ว อย่างไรเสียก็เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง แยกแยะไม่ได้ วิธีนี้สุดยอด ถ้าใช้วิธีนี้ทำเรื่องเลวๆ ล่ะก็น่า คุณชายอยากได้ดาราคนไหนก็สบายแล้วนะครับ น่าจะสะใจกว่าเยอะไม่ใช่เหรอครับ”

หลี่เฉิงเจี๋ยสบถ “งี่เง่า ทำให้หลับแแบบนี้ไม่ได้มีผลกับทุกคน จะมีผลกับคนที่อยากจะหนีออกจากโลกของความเป็นจริงอย่างมากแบบซูมู่ชิงเท่านั้น”

“อ้อครับๆ” เฉียนช่วนจื่อหยักหน้า พลันมองวีดีโอในกล้องวงจรปิด มองซูมู่ชิงที่เอนตัวอยู่บนโซฟาเหมือนลูกแมวน้อย ก่อนที่กัวเยว่หมิงจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ ตัวหญิงสาว

เฉียนช่วนจื่อเอียงหน้า “คุณชายหลี่ ทันทีที่คุณหนูซูอยู่ในโลกความฝันแล้ว ในโลกความจริงเกิดอะไรขึ้นจะไม่รู้เลย คนแซ่กัวคนนี้จะฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งคุณหนูซูไหม? ตอนนี้เป็นหน้าหนาว เสื้อผ้าก็ใส่ตั้งหลายชั้นยังพอได้ แต่ถ้าเป็นหน้าร้อนใส่เสื้อแขนสั้้น กางเกงขาสั้น ขาสวยๆ ของคุณหนูซูนั่นคุณชายเองก็รู้ว่าจะมีผู้ชายคนไหนทนไหว ผมไม่เชื่อหรอกว่าหมอแซ่กัวคนนั้นจะนั่งนิ่งไม่เผลอไผล คิดเหลวไหลได้!”

หลี่เฉิงเจี๋ยฉุนเฉียว “แม่งเอ้ย ทำไมแกถึงชอบพูดถึงเรื่องนี้ให้ฉันหัวเสียด้วยเนี่ย? ซูมู่ชิงเป็นคู่หมั้นฉัน ก็เท่ากับว่าเป็นเจ้านายแกด้วย! ช่วยระวังคำพูดคำจาด้วย!”

“ครับๆ” เฉียนช่วนจื่อโดนสั่งสอนก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

แต่หลี่เฉิงเจี๋ยที่เพิ่งจะสั่งสอนเสร็จ ก็กล่าวต่อ “รอให้กัวเยว่หมิงจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ต่อไปนายก็หาเวลามาบีบเขา ถามว่าตอนที่รักษาซูมู่ชิงแล้ว เขาได้แอบล่วงเกินเอาเปรียบหล่อนหรือเปล่า”

ดูแล้วที่หลี่เฉิงเจี๋ยทำเหมือนเชื่อว่าไม่มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น แต่ที่จริงแล้วเขาหวาดระแวงอย่างมาก อย่างไรเสียอดีตภรรยาเก่าของเขาก็มีเรื่องแบบนี้เช่นกัน

เฉียนช่วนจื่อหัวเราะหึหึ “ครับ!”

และในเวลานี้เองพลันเห็นว่าซูมู่ชิงค่อยๆ เปิดปากเอ่ย ทั้งสองคนก็พูดไม่ออกแล้วตั้งอกตั้งใจฟังทันที

“เย่เฉิน…”

ซูมู่ชิงที่กำลังพยายามจะดิ้นรนให้รอดจากชายหนุ่มในฝันอยู่สุดแรงนั้น จู่ๆ ก็หยุดดิ้นรนแล้วหญิงสาวก็นิ่งสงบ!

“บ้าชิบ ทำไมหล่อนไม่ดิ้นรนแล้วล่ะ!”

หลี่เฉิงเจี๋ยตกตะลึง เมื่อครู่ซูมู่ชิงยังดิ้นรนอยากจะเอาตัวออกจากสถานการณ์นี้ แต่ทันทีที่รู้ว่าฝ่ายชายคือเย่เฉิน คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะมีท่าทีสงบนิ่งไป

กัวเยว่หมิงกล่าว “คุณพยายามจะดิ้นรนให้หลุดออกจากเงื้อมมือของเย่เฉิน แต่เขาแรงเยอะเกินไป แต่คุณทำอะไรไม่ได้เลย”

สีหน้าท่าทางของซูมู่ชิงนิ่งเฉย

กัวเยว่หมิงกล่าว “และในเวลานี้เอง ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งก็เตะประตูเข้ามา พลางกล่าวกับเย่เฉินว่า ‘เย่เฉิน ปล่อยผู้หญิงของฉันนะ!’”

“ใคร ใครกัน?” ซูมู่ชิงถามอย่างประหลาดใจ

กัวเยว่หมิงกล่าว “ผู้ชายคนนี้ สูง 190 ซม.กว่าๆ ร่างกายกำยำ กล้ามเนื้อเต็มตัว ดูหล่อเหลาอย่างมากเต็มไปด้วยกลิ่นอายของบุรุษเพศ เขาเองก็เป็นคนที่คุณรู้จักนะครับ เขาคือหลี่เฉิงเจี๋ย!”

“ฮ่าๆ คุณชาย นี่คุณชายกำลังรับบทฮีโร่ช่วยสาวงามอยู่นะครับ!”

เฉียนช่วนจื่อที่อยู่ห้องข้างๆ หัวเราะร่วน

หลี่เฉิงเจี๋ยยิ้มอย่างพอใจ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้พลางกล่าว “ศัพท์เวอร์ๆ ช่วยพูดให้มันน้อยๆ ลงหน่อยเถอะ”

กัวเยว่หมิงกล่าวต่อ “หลี่เฉิงเจี๋ยเห็นคุณโดนเย่เฉินรังแก ก็เสียใจอย่างมาก เขาพุ่งไปต่อยหน้าเย่เฉินแล้วต่อยเย่เเฉินจนเขาหนีไป หลี่เฉิงเจี๋ยเตะใส่เย่เฉินจนร่วง แล้วพูดกับเย่เฉิน ‘ไอ้สารเลว แกฟังฉันให้ดีๆ ซูมู่ชิงเป็นผู้หญิงของฉัน ฉันไม่มีทางยอมให้คนทำร้ายหล่อน! ไสหัวไป!’ ส่วนเย่เฉินก็วิ่งหนีหางจุกตูดไป”

ในห้องข้างๆ นั้นเฉียนช่วนจื่อเองก็ปรบมืออย่างดีใจ “คุณชายหลี่เก่งกาจเหลือเกิน! คุณชายสุดยอดเลย! คุณชายหลี่ซ้อมเย่เฉิน คราวนี้คุณหนูซูจะต้องเห็นว่าคุณชายยิ่งใหญ่แข็งแกร่ง ภาพลักษณ์คุณชายต้องห้าวหาญมากๆ!”

หลี่เฉิงเจี๋ยพยักหน้ารับอย่าพึงพอใจ

ที่จริงแล้วสถานการณ์เมื่อครู่เป็นสิ่งที่หลี่เฉิงเจี๋ยกำกับให้เพิ่มเข้าไปโดยเฉพาะ

เพราะหลี่เฉิงเจี๋ยเคยต่อยหน้าเย่เฉินจนบวมช้ำต่อหน้าซูมู่ชิง เขาเป็นผู้ชายที่รักหน้ารักตาตนเองมากแบบนี้ เขารู้สึกว่าต้องเป็นเพราะเรื่องนี้ทำให้ซูมู่ชิงคิดว่าตนเองแย่กว่าเย่เฉิน

แต่ในความเป็นจริง ใครที่เป็นนักเลงหัวไม้วิวาทเก่งกาจ ในความรู้สึกของสาวๆ ไม่ใช่มาตรฐานของคู่รักที่ดี ซูมู่ชิงไม่เคยสนใจมาก่อน

ทว่าได้ยินมาถึงตอนนี้ จู่ๆ ซูมู่ชิงก็กล่าวเสียงแผ่ว “เย่เฉิน…เย่เฉินได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”

หลี่เฉิงเจี๋ย “???”

เฉียนช่วนจื่อ “???”