หนึ่งเดือนต่อมา

ในที่สุดเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนก็ได้เข้าใกล้เขตพื้นที่ของเหมืองหินวิญญาณ ตามที่หลิวหยูหลานพูดออกมานั้น  อีกเพียงแค่หนึ่งวันก็จะสามารถเดินทางไปถึงเหมืองหินวิญญาณได้

ทว่าในตอนนี้พวกเขาได้มองหาถ้ำเพื่อทำการพักผ่อนชั่วคราวเป็นระยะเวลาหนึ่งคืน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมกับการที่พวกเขาอาจจะเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ดุเดือดภายในเหมืองหินวิญญาณ ในตอนนั้นหากไม่มีพลังอำนาจในการต่อสู้ล่ะก็ อาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้

ในช่วงเวลานี้เซี่ยปิงก็อยู่ภายในถ้ำ เขากำลังนั่งขัดสมาธิและดูดซับหินวิญญาณที่ได้รับมา

“หินวิญญาณเหล่านี้ช่างมีพลังงานวิญญาณที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก”

หินวิญญาณได้เปลี่ยนกลายเป็นผง เซี่ยปิงได้ลืมตาขึ้นมา ม่านตาของเขาเหมือนกับว่ามีหลุมวนอยู่ มีพลังงานที่ไม่สามารถคาดฝันแอบแฝงอยู่ ทำให้ผู้คนที่เข้ามาเห็นรู้สึกหวาดกลัวได้

จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธ์ได้กระจายออกไปโดยที่มีร่างกายของเป็นจุดศูนย์กลาง มันได้บิดเบือนอากาศ เหมือนกับว่าได้ก่อตัวกลายเป็นสนามพลังวิญญาณ พื้นที่ในระยะหลายกิโลเมตรได้ถูกครอบคลุมอยู่ในระยะของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่ว่าจะมีสัญญาณของปัญหาใดๆ ก็ไม่สามารถที่จะหลบซ่อนไปจากจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ได้

ในหนึ่งเดือนนี้เซี่ยปิงก็ไม่ได้รีบร้อนเดินทางแต่อย่างใด เขาได้ใช้เวลาในการบ่มเพาะและได้ดูดกลืนหินวิญญาณ7-8ก้อนเข้าไปซึ่งได้ครอบครองมาจากชายหนุ่มชุดคลุมและคนอื่นๆ

แกนพลังฉีของเขานั้นก็ได้พัฒนาขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสมปรารถนาขั้นเริ่มต้น ขาดอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นที่จะเลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลาง นักวิทยาทุธปกติธรรมดานั้น หากไม่ได้รับทรัพยากร การที่ต้องการจะพัฒนาพลังอำนาจของตนเองเช่นนี้นั้น อย่างน้อยก็จะต้องใช้ระยะเวลากว่าสิบปี

“หากครอบครองหินวิญญาณได้มากขึ้นล่ะก็ การที่จะเลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นกลางหรือแม้แต่เลื่อนขั้นไปในระดับสมปรารถนาขั้นสูงนั้น ก็คงจะเป็นเรื่องที่ง่ายดาย ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลานาน”

เซี่ยปิงต้องการที่จะไปที่เหมืองหินวิญญาณใจจะขาด เพื่อการบ่มเพาะของตนเองนั้น ไม่ว่าใครที่ต้องการขัดขวางเขา จะต้องถูกเขาทำลายไปโดยสมบูรณ์ ไม่ไว้หน้าปราณีใครทั้งนั้น

“สไลม์!”

ทันใดนั้นเซี่ยปิงก็รู้สึกใจสั่นเล็กน้อย มีเสียงดังขึ้นมากส่วนลึกของความรู้สึก ทันใดนั้นสไลม์ทองที่อยู่ภายในแหวนห้วงมิติก็ตื่นขึ้นมา ทำการติดต่อกับจิตวิญญาณของเขา

“ตื่นขึ้นมาแล้วหรือ?”

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก เพราะว่าก่อนหน้านี้สไลม์ทองได้กลืนกินชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์เข้าไปและตกอยู่ในภวังค์หลับใหล ผ่านมาเป็นระยะเวลาหลายเดือน ก็ไม่มีเสียงใดๆ

เขาไม่คาดคิดว่าในตอนนี้สไลม์ทองจะตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้

วิซ!

เซี่ยปิงโบกมือออกไป สไลม์ทองได้ปรากฏตัวออกมาจากแหวนห้วงมิติทันที มันดูเหมือนกับเมื่อก่อน เป็นทรงกลม มีความนุ่มนิ่มและมีขนาดเท่ากับลูกฟุตบอล

ทว่าเขาก็ค้นพบว่า บนตัวของสไลม์ทองนั้นมีลวดลายที่พิเศษอยู่ แอบแฝงไปด้วยพลังอำนาจที่ลึกลับ เหมือนกับว่ามีออร่าของเซนต์ที่แผ่ออกมาลางๆ

ถึงแม้ว่าออร่านี่จะมีเพียงเล็กน้อย ทว่ามันก็น่าอัศจรรย์อย่างมาก แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของมัน เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วนั้น เหมือนกับว่ามีการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณภาพ เพียงแค่การเคลื่อนไหวเล็กน้อยนั้น ก็เหมือนกับว่ามีพลังอำนาจมากพอในการทะลวงผ่านสวรรค์

เซี่ยปิงคิดว่าในข่วงเวลานี้ออร่าของสไลม์ทองนั้นมีความคล้ายคลึงกับอาจารย์เซนต์อสูรมืดของตนเองอย่างมาก คาดการณ์ได้ว่าการที่ได้กลืนกินชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์เข้าไปนั้น ทำให้มันได้รับผลประโยชน์ไปอย่างมหาศาล

“ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด!”

วินาทีต่อมา เซี่ยปิงก็เคลื่อนไหวความคิด ทันใดนั้นสไลม์ทองก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด คมดาบที่แหลมคมปรากฏขึ้นมาต่อหน้าเขาทันที มีแสงที่หนาวเหน็บส่องสว่างขึ้นมา

แสงที่หนาวเหน็บนี้กระพริบไปมา มีความแหลมคมที่น่าสะพรึงกลัว

ปัง!

เซี่ยปิงเพียงแค่แกว่งดาบออกไปอย่างเบาบาง ทันใดนั้นดาบพลังฉีก็ได้ปะทุออกมา เหมือนกับเป็นการโจมตีของยอดนักดาบระดับสุดยอดก็ว่าได้ ดึงดูดพลังอำนาจของสวรรค์และโลก

ก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของเขาถูกผ่ากลายเป็นสองซีกอย่างกะทันหัน อีกทั้งมันยังขยายวงกว้างออกไป ตัดภูเขาที่อยู่ห่างออกไปเช่นกัน เจาะเข้าไปในภูเขาหลายร้อยเมตร ราวกับว่าต้องการที่จะผ่าภูเขาลูกนี้กลายเป็นครึ่งซีก

อีกทั้งเซี่ยปิงก็ไม่ได้ใช้พลังอำนาจมากมาย มันกลับตัดออกไปอย่างง่ายดายเหมือนกับการตัดเต้าหู้ก็ว่าได้

เพราะว่าแสงที่เปล่งออกมานั้นมีความแหลมคมอย่างถึงที่สุด การที่ตัดภูเขาไปนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงดังออกมามากนัก หากเซี่ยปิงไม่ได้มีประสาทการได้ยินที่เฉียบแหลมล่ะก็ คงจะไม่สามารถยินเสียงใดๆ

“น่าสะพรึงกลัวจริงๆ นี่คือพลังอำนาจของชิ้นส่วนสิ่งประดิษฐ์เซนต์ที่ถูกกลืนกินเข้าไปหรือ?”

เซี่ยปิงสะดุ้งตกใจ ถึงแม้ว่าเขาจะล่วงรู้ว่าสไลม์ทองนั้นได้รับการวิวัฒนาการที่ยิ่งใหญ่ ได้รับผลประโยชน์ที่มหาศาล ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดว่าพลังอำนาจของดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้จะพัฒนาจนถึงขั้นนี้

คาดการณ์ได้ว่าเขาที่ใช้ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดในตอนนี้นั้น ด้วยพลังอำนาจของความแหลมคมของมัน เขาสามารถที่จะต่อสู้กับผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้ สามารถที่จะผ่าผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ทันได้ระวังตัวกลายเป็นสองท่อนอย่างกะทันหัน

ต่อให้ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จะมีทักษะการป้องกันที่ทรงพลังอย่างถึงที่สุด ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจของดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้นั้น ก็จะกลายเป็นสิ่งที่เปราะบางเหมือนกับเต้าหู้ ไม่สามารถที่ต้านทานได้แม้แต่ดาบเดียว

“สมกับที่เป็นสไลม์ทอง ไม่คาดคิดว่าจะสามารถกลืนกินชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ มีศักยภาพที่ไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ”

แมวนักปราชญ์ก็ได้พูดขึ้นมาเช่นกัน กล่าวชื่นชมออกมา “ดาบสงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด คาดการณ์ได้ว่าตอนนี้การที่มันได้อัพเกรดขึ้นมานั้น อย่างน้อยก็มีพลังอำนาจที่อยู่ในระดับสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นกลาง หากพัฒนาต่อไปล่ะก็ จะเลื่อนขั้นไปในระดับของสิ่งประดิษฐ์วิญญาณขั้นสูงได้ แม้กระทั่งการที่จะเลื่อนขั้นไปในระดับของสิ่งประดิษฐ์เซนต์นั้นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

มันรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เพราะว่าถึงอย่างไรนี่ก็คือชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์ ต่อให้จะเป็นพลังอำนาจของสไลม์ทอง ทว่าการที่จะใช้ระยะเวลาหนึ่งปีในการย่อยสลายนั้นก็ถือว่าเป็นระยะเวลาที่รวดเร็วมากแล้ว

เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสไลม์ทองแรกเกิด เป็นเพียงแค่ทารก ไม่สามารถที่จะเทียบกับสไลม์ทองที่โตเต็มวัยได้

ทว่ามันนั้นใช้ระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนในการกลืนกินชิ้นส่วนของสิ่งประดิษฐ์เซนต์และย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ สามารถพูดได้แค่ว่ามันนั้นมีศักยภาพที่ไร้ที่สิ้นสุด นี่คือสไลม์ทองที่เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจ เหนือธรรมชาติจริงๆ

“สไลม์!”

สไลม์ทองถูตัวเองเข้ากับเซี่ยปิง มีท่าทางที่ผูกพันอย่างมาก

“เยี่ยม ไม่คาดคิดว่าสไลม์ทองจะตื่นขึ้นมาในตอนนี้ การที่มีอาวุธนี้อยู่นั้น ข้าก็มีความมั่นใจในการที่จะดำเนินตามแผนการต่อไป” เซี่ยปิงกำหมัดขึ้นมา

วิซ เขาได้เคลื่อนไหวความคิด จากนั้นสไลม์ทองก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นสายรัดข้อมือและผูกติดอยู่ที่ข้อมือของเขา

……………..

ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคนก็ได้ออกมาจากถ้ำและเดินทางไปสู่เหมืองหินวิญญาณต่อไป เนื่องจากใกล้ที่จะถึงจุดหมายปลายทางมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนจึงมีความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

“หืมม? ข้างหน้า เหมือนกับมีใครบางคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับเหล่าอสูรดุร้าย?!”

ทันใดนั้น เซี่ยปิงก็ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากป่าที่อยู่ห่างออกไป รวมถึงเสียงของคมมีดที่ปะทะกัน อีกทั้งยังรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนของพื้นดิน ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรง

เดิมทีเขานั้นไม่ต้องการที่จะสนใจเรื่องเช่นนี้ ทว่ากลุ่มของผู้คนเหล่านั้นกลับวิ่งเข้ามาหาเขาและหลิวหยูหลานอย่างรวดเร็ว

ภายในไม่กี่ลมหายใจ พวกเขาก็ปรากฏตัวมาต่อหน้าเซี่ยปิง

กลุ่มของพวกเขานั้นมีจำนวน3-4คน สีหน้านั้นแตกตื่น กำลังวิ่งหนีเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทว่าข้างหลังของพวกเขานั้นมีอสูรดุร้ายที่เหมือนกับหมาป่าที่หิวโหยจำนวนกว่ายี่สิบตัวที่กำลังวิ่งไล่ตามมา

นี่ก็คือหมาป่าเขี้ยวดำของทวีปโลหิตวิญญาณ ร่างกายของพวกมันนั้นใหญ่โต มีความสูงสองเมตร เขี้ยวของพวกมันเผยให้เห็นถึงความแหลมคม หากกัดเข้าไปที่ร่างกายของมนุษย์ จะต้องถูกฉีกกลายเป็นชิ้นๆอย่างกะทันหัน

เหล็กไทเทเนี่ยมที่อยู่ต่อหน้าหมาป่าเขี้ยวดำนั้นเป็นได้เพียงแค่ช็อกโกแลตเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของพวกมันก็แข็งแกร่ง การโจมตีปกติทั่วไปสำหรับพวกมันนั้น เป็นแค่การสะกิดเท่านั้น

อย่าพูดถึงการที่พวกมันอยู่รวมกันเช่นนี้ เป็นเหมือนกับกลุ่มนักล่าก็ว่าได้

มีผู้คนของชนเผ่าวิญญาณจำนวนมากที่เรียกพวกมันว่าเทพเจ้าแห่งความตายของป่าลึก

“หืมม?! พวกเขาไม่ใช่ชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณ แต่เป็นนักวิทยายุทธที่มาจากนอกจักรวาลอย่างนั้นหรือ?” ทันใดนั้นเซี่ยปิงก็สัมผัสได้ถึงออร่าของทั้ง3-4คนที่แตกต่างไปจากออร่าของผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ