ตอนที่ 176 พี่สะใภ้สี่จ้าวผู้เอาแต่โทษฟ้าดิน

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

การมีลูกสาวเพิ่มมาอีกคนทำให้พี่สะใภ้สี่จ้าวขี้เกียจตั้งชื่อ ถึงอย่างไรเลี้ยงไปก็ไปเป็นคนของบ้านอื่นอยู่ดี

อุตส่าห์ตั้งตารอคอยเนิ่นนานขนาดนั้น ทั้งยังใช้เงินเพื่อซื้อสูตรเพื่อให้กำเนิดลูกชาย ผลลัพธ์ที่ได้…

พี่สะใภ้สี่จ้าวยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่ ท้ายที่สุดก็หดหู่จนผล็อยหลับไป การคลอดลูกช่างดูดพลังงานทั้งหมดที่มีจริง ๆ

ประเพณีของพวกหล่อนทางฝั่งนี้ก็คือ เมื่อลูกสาวอยู่ไฟหลังคลอด แม่ของตัวเองต้องมาดูแล

ดังนั้นเมื่อพี่สะใภ้สี่จ้าวคลอดลูก ย่อมต้องให้แม่ของหล่อนมาที่นี่เพื่อช่วยอยู่ไฟ

คุณแม่จ้าวรอมาสองวันแต่ก็ยังไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะมา จึงถามลูกชายว่า “วันนี้ก็ตั้งใจไปหามารอบหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ แม่ยายแกพูดว่ายังไงบ้าง?”

พี่สี่จ้าวบุ้ยปาก “อย่าไปพูดถึงเลยครับ ฝั่งนู้นเขารีบเก็บผลผลิตช่วงฤดูใบไม้ร่วงอยู่เลย!”

เมื่อเดือนก่อนเขาก็ไปบอกแม่ยายไว้แล้ว ตอนนั้นก็รับปากไว้ดิบดี ผลลัพธ์ที่ได้เมื่อคลอดออกมากลับกลายเป็นว่าตอนที่พี่จ้าวไปรับ แม่ยายของเขากลับบอกว่ากำลังยุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงฤดูใบไม้ร่วง

หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จค่อยว่ากัน ดูพูดเข้าสิ เก็บเกี่ยวเสร็จแล้วยังจะอยู่ไฟอะไรอีก ถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องอยู่ไฟแล้ว!

นี่เป็นแม่แท้ ๆ ของสะใภ้สี่นะ

“ก็คือจะไม่มา?” คุณแม่จ้าวแอบเคืองนิดหน่อย ต่อให้ยุ่งกับการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงมากกว่านี้ ก็ต้องมาดูสิ

“ถึงยังไงตอนนี้ก็ไม่ได้มา หลังจากนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ อย่าคาดหวังเลยครับ” พี่สี่จ้าวกล่าว

คุณแม่จ้าวแค่นเสียงเย็น “ไม่มาก็ดีเหมือนกัน แม่เฒ่าคนนั้นมาที่นี่นอกจากจะขูดรีดของของลูกสาวแล้วก็ไม่ได้ทำอะไร!”

อีกสาเหตุหนึ่งที่แม่ยายคนนั้นไม่มาก็คาดว่าคงกลัวถูกนางด่า ถึงอย่างไรแม่ยายคนนั้นก็เป็นแบบนี้ หลังจากได้ลูกสาวติดกันหลายครั้ง ครั้งนี้ถึงได้ลูกชายมาหนึ่งคน

พี่สี่จ้าวไม่ได้พูดอะไร สองวันนี้เขาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว จึงกลับไปบอกภรรยาของเขารอบหนึ่ง และบอกหล่อนว่าไม่ต้องรอแล้ว

พี่สะใภ้สี่จ้าวรีบพูด “อย่าไปเรียกมาเลยค่ะ มาแล้วก็มาเอาของของฉัน แถมยังด่าเรื่องที่คลอดลูกสาวอีก จะให้มาทำอะไร!”

หล่อนและแม่แท้ ๆ คนนั้นไม่ได้มีความรักฉันท์แม่ลูกเท่าไรนัก แม่คนนั้นปฏิบัติกับลูกสาวอย่างหล่อนราวกับศัตรู หล่อนอยู่ไฟตอนนี้ก็ไม่ได้ต้องการให้แม่มาที่นี่อยู่แล้ว

อีกอย่างปัญหาเรื่องที่คลอดลูกสาวนี้ก็สืบทอดมาจากแม่ของหล่อนนั่นแหละ หล่อนไม่อยากเห็นหน้าแม่แม้แต่นิดเดียว!

วันเวลาผ่านไปเจ็ดวันแล้ว มาถึงวันที่จัดงานเลี้ยงฉลอง ทว่าพี่สี่จ้าวและพี่สะใภ้สี่ไม่อยากจัด เพราะคิดว่าขายหน้าและไม่ได้มีหน้ามีตาอะไร

แต่คุณแม่จ้าวยืนกรานให้พวกเขาจัดงานเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองการกำเนิดของทารกแรกเกิด

ที่ทำแบบนี้เพราะนางไม่ได้สนใจว่าจะเป็นหลานชายหรือหลานสาว ในสายตาของนางก็คือลูกของลูกชายตระกูลจ้าว ไม่ได้แตกต่างกัน นี่เป็นเรื่องมงคลก็ต้องฉลองสักหน่อย

ส่วนอีกอย่างก็คือเพื่อให้ของขวัญตอบแทน

ภายในหมู่บ้านไม่ว่าใครที่คลอดลูกก็ต้องนำของไปฉลองสักหน่อยไม่ใช่เหรอ? บ้านตัวเองคลอดลูกทั้งทีจะไม่ฉลองเพื่อรับของขวัญตอบแทนกลับมาได้อย่างไรกัน

อีกอย่างนี่ก็เป็นการสานสัมพันธ์ที่จำเป็น เป็นการเปิดประตูเพื่อใช้ชีวิต ความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็นนะ

แม้พี่สี่จ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวจะไม่ได้มีความคิดนี้ แต่เมื่อพี่สะใภ้สี่จ้าวนึกถึงของที่จะได้กลับมา ก็แสดงออกว่าจะจัดงานนี้

พี่สี่จ้าวก็ไม่ได้คัดค้าน แม้ว่าครั้งนี้จะได้ลูกสาวอีกครั้ง แต่ผ่านไปอีก 1-2 ปี ก็สามารถคลอดลูกชายได้ใหม่

ดังนั้นงานเลี้ยงนี้จึงถูกจัดขึ้นมา

พี่สะใภ้สี่จ้าวค่อนข้างสับสน ด้านหนึ่งหล่อนก็ผิดหวังมากที่ไม่ได้ให้กำเนิดลูกชาย ไม่ว่าจะเห็นอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด ทั้งยังรู้สึกทุกข์ใจด้วย

อีกด้านหนึ่งก็คือ การอยู่ไฟในครั้งนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน

ได้รับประทานได้ดื่มดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ แถมช่วงหลายวันมานี้พี่สาวใหญ่จ้าวก็กลับมาหาอีกรอบ ทั้งยังนำเนื้อหมูติดมันมาให้หนึ่งชิ้น เนื้อหมูนี้เป็นเนื้อหมูที่พี่สาวห้าจ้าวซื้อแล้วให้นำกลับมาให้หล่อน

ส่วนพี่สาวใหญ่จ้าวที่เป็นพี่สามีคนโตก็ซื้อไข่ไก่มาให้ครึ่งตะกร้าใหญ่

สามารถพูดได้ว่าหลายวันมานี้หล่อนได้รับประทานไข่ไก่แบบอิ่มหนำ มีไข่ไก่ให้กินทุกมื้อเลย

วันนี้เป็นวันจัดงานเลี้ยงฉลอง ทั่วทั้งหมู่บ้านนำของดีมาให้ จึงทำให้หล่อนได้รับประทานของดีอีกหลายวัน

หากเป็นวันธรรมดา หล่อนไม่มีทางได้รับประทานหรอก จะไปมีชีวิตที่ได้รับประทานแบบนี้ได้อย่างไรกัน?

แต่ตอนนี้ได้รับประทานแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอู่หยานำมาให้ ดังนั้นหล่อนจึงรู้สึกว่าแม้เด็กคนนี้จะเป็นตัวผลาญเงิน แต่ก็ถือว่ามีโชคอยู่เหมือนกัน

โชคแบบนี้ ย่อมต้องพาน้องชายมาแน่นอน!

คนอื่นรีบมาแล้วก็รีบไป เพราะต้องยุ่งอยู่กับการเก็บเกี่ยวพืชผล นี่เป็นเรื่องที่ต้องเร่งรีบ เพราะกลัวว่าถ้าอากาศไม่ดีอาจจะทำให้การเก็บเกี่ยวล่าช้า ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่นาน

เย่ฉูฉู่มีเวลาว่างมาหาหลังจากที่ทุกคนไปกันหมดแล้ว อีกแค่หนึ่งเดือนก็จะถึงคิวคลอดของเธอ

“ดูเธอสิ ท้องใหญ่ขนาดนี้ยังจะมาหาฉันอีก” พี่สะใภ้สี่จ้าวนั่งอยู่ในผ้าห่ม หล่อนมองท้องของเย่ฉูฉู่พลางกล่าว “ท้องของเธอใหญ่เหมือนกับฉันตอนแรก ๆ เลย ดูเหมือนว่าคงจะเป็นลูกสาวเหมือนกัน”

เย่ฉูฉู่ไม่ได้สนใจว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชาย ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือเหวินเทา ขอแค่ลูกร่างกายแข็งแรงก็พอแล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินแบบนี้ก็แอบรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก อีกฝ่ายคลอดลูกสาวก็เลยบอกว่าเธอต้องได้ลูกสาวด้วย นี่มันความคิดอะไรกันเนี่ย?

“งั้นฉันจะเชื่อคำพูดดี ๆ ของพี่สะใภ้สี่นะคะ ฉันเองก็หวังว่าจะได้ลูกสาวตัวน้อยช่างเอาใจใส่เหมือนกัน” แม้ว่าเย่ฉูฉู่จะรู้สึกได้ว่าความคิดของพี่สะใภ้สี่มีปัญหา แต่เธอก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับคนที่กำลังนั่งอยู่ไฟให้มากมาย นั่งอยู่ไฟก็ต้องอารมณ์ดีสักหน่อยถึงจะดี

พี่สะใภ้สี่จ้าวได้ยินแบบนี้ ก็ถึงกับเบะปาก “นั่นเป็นคำพูดที่คนมีลูกชายเขาพูดกัน ลองเธอไม่มีลูกชายดูสิ ไม่มีทางพูดแบบนี้หรอก!”

พูดถึงตรงนี้หล่อนก็ทนไม่ไหวจริง ๆ ความน้อยใจทั้งหมดพรั่งพรูออกมา กล่าวกับเย่ฉูฉู่พลางเช็ดน้ำตา “ทำไมชีวิตของฉันถึงได้ลำบากแบบนี้? คลอดลูกออกมาสองคนก็เป็นลูกสาว พอคลอดคนนี้ก็ดันเป็นลูกสาวอีก ฉันจะใช้ชีวิตยังไง ฉันก็ไม่ได้ทำเรื่องโหดร้ายอะไร ทำไมถึงไม่ให้ฉันมีลูกชาย!”

เย่ฉูฉู่อดไม่ได้ที่จะกลอกตา ยิ่งพูดก็ยิ่งไร้เหตุผลจริง ๆ คลอดลูกสาวไม่สามารถใช้ชีวิตได้แล้ว พูดอะไรของเขาเนี่ย?

“พี่สะใภ้สี่ พี่อย่าร้องไห้เลย ฉันเองก็ได้ลูกสาวเหมือนกัน พี่ไม่ต้องห่วงหรอก พี่ยังมีฉันเป็นเพื่อนนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าวปลอบใจ

พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่ได้รับการปลอบใจ ยังคงเช็ดน้ำตาพร้อมกับพูด “เธอได้ลูกสาวก็ไม่ต้องกลัว เพราะนี่เป็นลูกคนแรก ของฉันคนที่สามแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าภายในใจฉันหวาดหวั่นขนาดไหน!”

ในเวลานี้คุณแม่จ้าวก็เข้ามาพร้อมกับไข่ไก่ที่ต้มจนสุก เมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้สี่จ้าวร้องไห้อีกแล้ว จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “จะร้องไห้ไปทำไม ร้องไห้จนร่างกายแย่จะมีลูกชายได้ยังไง เธอไม่อยากได้ลูกชายแล้วเหรอ?”

พี่สะใภ้สี่จ้าวหยุดร้องทันที “แม่ ฉันก็แค่รู้สึกทุกข์ใจ”

“มีอะไรให้ทุกข์ใจ? ใครไปว่าอะไรเธอ เจ้าสี่ด่าหรือว่าฉูฉู่ด่าเธอล่ะ?” คุณแม่จ้าวแค่นเสียงในลำคอ

“ไม่มีค่ะ” พี่สะใภ้สี่จ้าวตอบอย่างซื่อสัตย์

“ไม่ไหวเลยนะเธอเนี่ย ทำเรื่องไร้สาระให้มันน้อย ๆ หน่อย ตั้งใจอยู่ไฟให้ดี อย่าให้ร่างกายป่วยจนเป็นทุกข์” คุณแม่จ้าวสั่งสอนเสร็จ นางก็พูดกับฉูฉู่ว่า “ฉูฉู่เธอกลับไปเถอะ ท้องใหญ่ขนาดนี้ อากาศก็ร้อนอีก ไปอยู่ในบ้านดับร้อนซะ”

“ฉันรู้แล้วค่ะ งั้นฉันไปนะคะ” เย่ฉูฉู่เองก็ไม่อยากคุยกับพี่สะใภ้สี่จ้าวแล้ว คนคนนี้ไม่สามารถที่จะเสวนาได้ เอาแต่โทษฟ้าโทษดิน พลังเชิงลบก็เยอะ นางพูดกับพี่สะใภ้สี่จ้าวว่า “พี่สะใภ้สี่ พี่ดูแลร่างกายให้ดีนะ ฉันกลับล่ะค่ะ”

เมื่อเย่ฉูฉู่กลับไป พี่สะใภ้สี่จ้าวก็พูดกับคุณแม่จ้าว “แม่ ดูสิ น้องสะใภ้หกไม่คิดจะอยู่ใกล้ฉัน คงกลัวว่าถูกความโชคร้ายของฉันที่คลอดลูกสาวส่งไปถึงหล่อนสินะ ถึงได้รีบมารีบกลับแบบนี้”

คุณแม่จ้าว “…”

อย่าว่าแต่ฉูฉู่เลย นางเองก็ไม่ชอบความน่ารำคาญของลูกสะใภ้สี่เหมือนกัน ไม่มีหยุดพักเลย

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พอไม่ได้ลูกชายก็พาลกับคนอื่นไปหมดเลยนะสะใภ้สี่ โวยวายแบบนี้เดี๋ยวลูกชายก็ไม่มาเกิดหรอก

ไหหม่า(海馬)