บทที่ 416 มีความคิดเช่นเดียวกับเถียนปอกวง?

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เคร้ง!

อั่ก!

ซู่!

เย่เทียนเฉินรู้ว่าความสามารถของตนเองสู้เถียนปอกวงไม่ได้ เจ้าโจรชั่วคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นพวกไร้ยางอาย แต่ฝีมือยังสูงส่งแข็งแกร่งมากด้วย ทำให้ผู้คนรู้สึกอับจนคำพูดจริงๆ ในตอนที่เย่เทียนเฉินเปิดฝาโลงออกมา ในสมองก็คิดแผนการอย่างรวดเร็วแล้ว ตงฟางเมิ่งและหลี่ชิวสุ่ยถูกสกัดจุดชีพจรจึงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนเถียนปอกวงก็ไม่นับว่าเป็นคนโง่อะไร เป็นคนเจ้าเล่ห์มากด้วยซ้ำ ตนต้องการหลอกช่วยตงฟางเมิ่งออกมาจากมือของเขา ทำได้เพียงวางแผนไปทีละก้าว ไม่ให้เถียนปอกวงมีเวลาและความคิดมากเกินไป มิฉะนั้นตงฟางเมิ่งคงอันตรายแล้ว

เคล็ดวิชาที่มีชื่อเสียงของเถียนปอกวงก็คือเพลงดาบว่องไว เพียงแค่ดาบตัดฟืนเล่มเดียวก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว เพลงดาบของเถียนปอกวงว่องไวมาก เย่เทียนเฉินถือกระบี่เซวียนหยวนอยู่ในมือ เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถใช้พลังอำนาจของกระบี่เซวียนหยวนออกไปได้ มิฉะนั้นเถียนปอกวงคงหยุดเขาไม่ได้ ตอนนี้ทำได้เพียงใช้เป็นกระบี่ธรรมดาเท่านั้น ครั้งแรกที่ประมือกับเถียนปอกวง เย่เทียนเฉินก็ถูกอัดจนกระเด็นออกไป แต่เขารู้ว่าตนไม่อาจหยุดได้ และไม่อาจอ่อนข้อได้ มิฉะนั้นเมื่อเถียนปอกวงหมดความสนใจ ตงฟางเมิ่งก็จะเป็นอันตราย

พูดให้ชัดเจนก็คือ ด้วยความสามารถของเถียนปอกวง รวมกับเพลงดาบว่องไวและวิชาเทพท่องของเขา หากต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินก็ไม่เปลืองแรงเท่าไหร่นัก ต่อให้เย่เทียนเฉินจะใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษที่แข็งแกร่งออกมาในช่วงเวลาสำคัญได้ แต่อย่างมากก็ทำได้แค่ปกป้องตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถช่วยตงฟางเมิ่งออกมาได้ ดังนั้นในสถานการณ์นี้จึงไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิง สิ่งสำคัญยังคงเป็นสติปัญญา

แต่ละเสียงดังขึ้น ล้วนเป็นเสียงของเนื้อที่ถูกฟันจนเลือดพุ่งกระฉูด คราวนี้ดาบอันรวดเร็วของเถียนปอกวงตวัดฟันลงบนร่างของเย่เทียนเฉินไม่หยุด ทุกครั้งที่เถียนปอกวงตวัดดาบ บนร่างของเย่เทียนเฉินก็จะมีรอยดาบหลงเหลืออยู่ เย่เทียนเฉินเจ็บจนต้องกัดฟัน เพียงแต่ยังไม่ยอมหยุดมือ พยายามโจมตีสังหารเถียนปอกวงต่อไป ต้องการฆ่าเจ้าหมอนี่ให้ตาย

ปึก!

เคร้ง!

เย่เทียนเฉินชะงักอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เนื่องจากกระบี่เซวียนหยวนในมือของเขาถูกฟันร่วงไปแล้ว ดาบตัดฟืนของเถียนปอกวงพาดอยู่ที่คอของเขา ขอเพียงเถียนปอกวงออกแรงเล็กน้อย ดาบตัดฟืนในมือเขาก็เอาชีวิตเย่เทียนเฉินได้แล้ว

“เคล็ดวิชากระบี่สิบอักษรของแกก็เป็นแค่ตดหมา จะร้ายกาจกว่าเพลงดาบว่องไวของฉันรึไง?” เถียนปอกวงพูดกับเย่เทียนเฉินพลางยิ้มถากถาง

“หึ เพลงกระบี่สิบอักษรของฉันลึกล้ำสูงส่ง สติปัญญาแบบแกจะเข้าใจได้รึไง? แต่ฉันเพิ่งจะคิดค้นออกมาเท่านั้น ยังมีบางอย่างไม่เข้าใจ ไม่งั้นแกคงถูกฉันฆ่าตายไปนานแล้ว ตอนนี้นับว่าแกได้เปรียบ ถือโอกาสที่เพลงกระบี่สิบอักษรของฉันยังไม่สำเร็จ นับว่าฉันแพ้แล้ว แกฆ่าฉันเถอะ!” เย่เทียนเฉินพูดออกมาอย่างเฉียบแหลม แค่นเสียงครั้งหนึ่ง มองไปยังเถียนปอกวงอย่างไม่พอใจ

ความจริงงการต่อสู้ของเย่เทียนเฉินและเถียนปอกวงสู้กันด้วยเพลงดาบและเพลงกระบี่เท่านั้น ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะรู้ว่า ต่อให้ตนใช้พลังพิเศษที่แข็งแกร่งก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะเถียนปอกวงได้ จะอย่างไรเคล็ดวิชาเทพท่องโดดเดี่ยวใต้หล้าของเจ้าหมอนี่ก็สามารถทะยานไปไกลเป็นหมื่นเมตรในเวลาเพียงชั่วพริบตา ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะตามทัน ยิ่งไปกว่านั้น ภายในห้องหินที่มีขนาดไม่ใหญ่นี้ หากใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษที่แข็งแกร่งออกมา ตงฟางเมิ่งที่ถูกสกัดจุดชีพจรจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้อาจจะได้รับบาดเจ็บ ส่วนหลี่ชิวสุ่ยน่ะเหรอ เย่เทียนเฉินอยากซัดผู้หญิงคนนี้ให้ตายจริงๆ

“ฉันได้เปรียบงั้นเหรอ? ไอ้หนู แกนี่ยังปากแข็งจริงๆ ได้ งั้นจะให้เวลาแกครึ่งวัน ฝึกเพลงกระบี่สิบอักษรอะไรนั้นให้สำเร็จซะ ยังไงฉันก็เป็นผู้อาวุโสที่โตกว่าแกหลายปี ถ้าคิดเล็กคิดน้อยกับไอ้หนูอย่างแกแล้วข่าวแพร่ออกไป คงทำลายชื่อเสียงเถียนปอกวงของฉันหมด!” เถียนปอกวงเก็บดาบตัดฟืนในมือขวาของตน มองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างหยอกล้อ

เย่เทียนเฉินมองเถียนปอกวงเดินไปด้านข้าง จากนั้นเขาจึงนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น บาดแผลจากดาบบนร่างของเขาแม้จะไม่หนักหนาอะไร แต่จะมากจะน้อยก็ยังส่งผลกระทบกับการเคลื่อนไหว ยิ่งไปกว่านั้นเขาพบว่า ถึงแม้เถียนปอกวงจะเป็นโจรชั่วคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ปีศาจที่ฆ่าคนเป็นผักปลา เมื่อเทียบกับหลี่ชิวสุ่ยแล้วไม่รู้ว่าดีกว่ามากแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคิดหาวิธีทำให้เถียนปอกวงแพ้ คนคนนี้จะต้องหน้าด้านไม่พอแน่นอน ถึงแม้จะเป็นโจรแต่ก็ไม่ใช่คนที่พูดจาไม่รู้เรื่อง มิฉะนั้นตนเองทดสอบเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ไหนเลยเถียนปอกวงจะยังไว้ไมตรี คงฆ่าเขาให้ตายในดาบเดียวไปแล้ว

“ขอฉันพูดตรงๆ หน่อยเถอะ มีใครบ้างไม่รู้จักฉายาเถียนปอกวงโจรชั่วอย่างแกบ้าง? ฉันว่าแกก็ไม่ได้มีชื่อเสียงดีงามอะไร อย่างมากก็มีชื่อเรื่องความหื่นกามเท่านั้น!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์

เถียนปอกวงมองไปยังเย่เทียนเฉิน สะพายดาบตัดฟืนไว้ด้านหลัง หัวเราะแล้วพูดว่า

“ไอ้หนู แกพูดได้ไม่เลวเลย ฉันเถียนปอกวง งานอดิเรกชั่วชีวิตก็คือผู้หญิง ตัดสินใจแล้วว่าถ้าจะตายก็ต้องตายบนตัวผู้หญิง ดังนั้นฉันจะรับแกมาเป็นลูกน้อง ถ่ายทอดเคล็ดวิชาดาบว่องไวและเคล็ดวิชาเทพท่องให้แก ไอ้หนูแก อายุยังน้อยแต่พลังบ่มเพาะไม่ต่ำต้อย ทั้งยังฉลาดเฉลียว พรสวรรค์ในการเรียนรู้ก็ไม่เลว ฉันว่าอนาคตของแกยังไกลกว่าฉันซะอีก สำหรับฉัน การทำให้ศิษย์หญิงและอาจารย์หญิงของพรรควรยุทธโบราณเหล่านั้นมาอยู่ในมือฉันได้ก็นับว่ามีความสุขแล้ว!”

“อาจารย์หญิงแกก็จะเอาเหรอ? แกจะเกินไปหรือเปล่า? ศิษย์หญิงฉันยังพอรับได้ ถึงแม้ฉันจะเป็นเหมือนแกที่ชอบผู้หญิงมาก แต่รสนิยมฉันยังปกติ เมื่อกี้ฉันออกมาจากโลงศพ ซ่อนอยู่ในนั้นนานแล้ว อีกอย่างผู้หญิงสองคนนี้ แกคนเดียวกินไม่หมดหรอก ถ้าแกไม่แบ่งให้ฉันคนหนึ่ง ฉันก็ทำได้แค่สู้เป็นตายกับแกแล้ว!” เย่เทียนเฉินมองไปยังเถียนปอกวงแล้วพูดขึ้น

ตอนนี้นับว่าเย่เทียนเฉินเข้าใจโจรชั่วอย่างเถียนปอกวงแล้ว ความสามารถของเจ้าหมอนี่แข็งแกร่งมาก ตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนที่ไม่มีความเป็นมนุษย์ เพียงแค่บ้ากามก็เท่านั้น เมื่อเทียบกับหลี่ชิวสุ่ยที่เป็นเหมือนปีศาจแล้ว เถียนปอกวงยังเปิดเผยตรงไปตรงมามากกว่า

ที่เย่เทียนเฉินพูดแบบนี้ก็เพื่อให้เถียนปอกวงรู้สึกว่าเขาเป็นคนเช่นเดียวกับเถียนปอกวง ทั้งสองมีผู้หญิงเป็นงานอดิเรกเหมือนกัน เนื่องจากเย่เทียนเฉินรู้ว่าหลายปีมานี้เถียนปอกวงถูกตามไล่ฆ่า ชื่อเสียงเหม็นเน่า ทุกคนต่างก็อยากฆ่าเขา จะต้องไม่มีเพื่อนแน่นอน และไม่มีคนที่เดินอยู่บนเส้นทางเดียวกันอะไรแบบนั้นด้วย ถึงแม้ในสังคมปัจจุบันและในหมู่ศิษย์ของพรรควรยุทธโบราณเหล่านี้จะมีโจรบ้ากามมากมาย แต่พวกเขาก็แสร้งทำเป็นคนดี ทำตัวจอมปลอมได้ดีมาก ไม่ยอมแสดงออกมา ดังนั้นตนทำเช่นนี้อาจจะทำให้เถียนปอกวงผ่อนคลายความระวังไปได้

“ด้วยความสามารถของแกยังคิดจะมาแย่งผู้หญิงกับฉันเถียนปอกวงอีกเหรอ ไอ้หนู ไม่รู้จักที่ตายจริงๆ ด้วยความสามารถของฉัน ต่อให้สองคนนี้เข้ามาพร้อมกันฉันก็รับมือได้ ไม่ต้องการแกหรอก!” แม้ปากของเถียนปอกวงจะพูดแบบนี้ แต่ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มอัปลักษณ์ออกมา

“แม่งเอ้ย เสียทีที่แกมีอาชีพเป็นโจรชั่วคนหนึ่ง จะคิดตื้นเขินเกินไปหรือเปล่า? ในฐานะที่เป็นโจรชั่ว จะต้องมีน้ำใจแบ่งปันให้พี่น้องเสพสุข ไม่งั้นกินผู้หญิงคนเดียว กินไปกินมาก็เท่านั้นเอง ไม่มีการแลกเปลี่ยนแล้วจะมีความหมายอะไร?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“หึ พูดแบบนี้แสดงว่าไอ้หนูยังแกมีประสบการณ์ด้านผู้หญิงมากกว่าฉันเถียนปอกวงรึไง? ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าแกคิดอะไร!” เถียนปอกวงพูดอย่างไม่ยอมแพ้

เมื่อได้ยินคำพูดของเถียนปอกวง เย่เทียนเฉินก็ลอบหัวเราะอยู่ในใจแต่กลับไม่แสดงสีหน้าออกไป นั่งขัดสมาธิลงกับพื้น ปักกระบี่เซวียนหยวนลงด้านข้าง ในขณะเดียวกันก็ลอบโคจรพลังภายในรวมกับพลังอันอ่อนโยนที่จางรั่วถงเหลือทิ้งไว้ในร่างกายเขา ทำการรักษาอาการบาดเจ็บของตนอย่างรวดเร็ว ด้วยพลังบ่มเพาะและระดับความรู้ความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาวรยุทธโบราณของตนไม่สามารถสู้เถียนปอกวงได้ ทางที่ดีจึงไม่ควรเข้าไปสู้ เพราะแบบนั้นไม่มีความเป็นไปได้ที่จะชนะเลยแม้แต่น้อย

“สหาย ฉันนับถือที่แกเป็นโจรกล้าหาญ แม้แกจะเป็นโจร แต่ฉันก็คิดว่าแกยังมีคำว่ากล้าหาญอยู่ด้วย ดีกว่าพวกลูกคุณหนูที่แสร้งทำเป็นมีคุณธรรมในพรรควรยุทธโบราณพวกนั้นมาก แกผ่านผู้หญิงมาไม่น้อย แต่ฉันคิดว่าก็ไม่มีความหมายอะไร ที่สำคัญเป็นเพราะไม่มีการแลกเปลี่ยน ถ้ามีเรื่องพวกนี้ก็ต้องแลกเปลี่ยนกันถึงจะมีความสุขใช่หรือเปล่า แกคิดดู ของแกคนหนึ่ง ของฉันคนหนึ่ง พวกเราสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน เล่นสนุกไปพลางแลกเปลี่ยนกันไปพลาง เพิ่มพูนฝีมือกันไป จะดีขนาดไหน?” เย่เทียนเฉินพูดแล้วยิ้มออกมาด้วยท่าทีหื่นกระหายเป็นอย่างมาก

เถียนปอกวงชะงักไป จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินที่ดูอายุน้อยขนาดนี้จะคิดวิธีการเสพสุขเช่นนี้ออกมาได้ แต่กระตุ้นได้ดีจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาเถียนปอกวงขืนใจผู้หญิงไปทั่ว ขอเพียงมีผู้หญิง ถ้าเขาถูกใจก็จะคิดทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา กระทั่งบุกเข้าไปหยอกล้อลูกสาวหัวหน้าพรรคท่องกระบี่ในพรรคท่องกระบี่ก็ทำมาแล้ว เรื่องแบบนี้เถียนปอกวงยังกล้าทำ แล้วจะมีเรื่องใดไม่กล้าทำอีก?

“ได้ คิดไม่ถึงว่าไอ้หนูอย่างแกจะหื่นกระหายเป็นกับเขาด้วย แม้จะอ่อนกว่าฉันอยู่เล็กน้อย แต่ก็เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว ได้ งั้นเอาแบบนี้ แบ่งกันคนละคน…แล้วพวกเรามาดูว่าใครจะนานกว่า!” เถียนปอกวงพูดด้วยรอยยิ้มหื่นกระหาย

“งั้นก็เอาตามที่แกพูด ถึงตอนนั้นถ้าแกแพ้ก็อย่ามาหาว่าฉันหลอกแกล่ะ ดูแล้วแกอายุมากกว่าฉัน งั้นฉันจะยอมให้แกก่อน จะยอมมอบผู้หญิงยั่วยวนที่สุดคนนั้นให้แกซะ…” เย่เทียนเฉินลอบยิ้มในใจ ลุกขึ้นยืน มองไปยังตงฟางเมิ่งที่นอนอยู่บนเตียงหินแล้วพูดขึ้น

ถึงแม้ตงฟางเมิ่งจะขยับไม่ได้แต่ก็มองเห็นและพูดได้ เธอรู้ว่าเย่เทียนเฉินทำแบบนี้เพราะกำลังคิดหาวิธีช่วยเธอ ด้วยความสามารถของเย่เทียนเฉินคนเดียวยังไม่สามารถเอาชนะเถียนปอกวงได้ เพลงดาบว่องไวของเถียนปอกวงทำให้ตงฟางเมิ่งและหลี่ชิวสุ่ยรู้สึกตื่นตะลึงจริงๆ ไม่รู้ว่าเจ้าโจรชั่วคนนี้ไปเรียนมาจากไหน รวมกับเคล็ดวิชาเทพท่องของเขาแล้ว มิน่าล่ะหลายปีมานี้จึงไม่มีใครฆ่าเถียนปอกวงได้ แถมยังบุกเข้าไปในพรรคท่องกระบี่ได้อีก

“ช้าก่อนไอ้หนู แกรีบร้อนกว่าฉันซะอีก ถึงแม้เมื่อกี้ฉันจะตอบตกลงแล้วว่า ผู้หญิงสองคนนี้ แกกับฉันแบ่งกันคนละคน แต่ฉันไม่ได้บอกว่าจะมอบผู้หญิงที่บริสุทธิ์ที่สุดคนนี้ให้แก แล้วให้ผู้หญิงยั่วยวนที่สุดคนนั้นกับฉันสักหน่อย!” เถียนปอกวงพูดด้วยสิสายตามาครึ่งถึง

เย่เทียนเฉินแปลกใจ รีบพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“สหาย แกกับฉันรู้จักกันสำคัญที่สุดคือรู้ใจ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้พบกับคนแบบนี้ เดินบนเส้นทางเดียวกัน ฉันต้องมอบของที่ดีที่สุดให้แกอยู่แล้ว ทุกคนรู้ดีว่าผู้หญิงสวยไร้ประโยชน์ ยั่วยวนบนเตียงให้มากพอถึงจะมีความสุข ฉันดูแล้วผู้หญิงคนนี้ เพียงแค่เห็นก็รู้สึกยั่วยวนไปถึงกระดูก ฉันคิดว่าตัวเองคงรับมือไม่ไหวเลยมอบให้แก!”

“เถียนปอกวงเจ้าหนูนี่มีความสัมพันธ์กับศิษย์น้องเล็กของฉัน มันต้องการหลอกแกให้ติดกับแล้วถือโอกาสช่วยไป แกก็รอความตายไปเถอะ!” หลี่ชิวสุ่ยมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดอย่างดุดัน

……………..