ตอนที่ 333 ปานแดง
ภายในกล่องมีอาหารหน้าตาน่าทานหลายอย่าง สีสันสดใสมาพร้อมกลิ่นหอมเย้ายวน
อันหลิงเกอกวาดตามองก็เห็นอาหารหลากหลายวางอยู่ ทั้งปลาเปรี้ยวหวานซีหู โจ๊กกุ้ง ผักกาดขาวผัดขิง ส้มและขิงเชื่อมน้ำผึ้งซึ่งล้วนเป็นอาหารที่นางชื่นชอบ
นางเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มให้หลี่ซื่อ “อาหารพวกนี้ล้วนเป็นอาหารที่ข้าชอบ ลำบากอี๋เหนียงแล้ว”
“นี่แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” หลี่ซื่อก็ส่งยิ้มตอบกลับ เพียงแต่รอยยิ้มนั้นจริงใจแค่ไหนมีเพียงสองคนที่รู้
นางมองอันหลิงเกออย่างใส่ใจ “เกอเอ๋อรีบทานเถิด ถ้าอาหารเย็นแล้วจักมิอร่อย”
กล่าวเสร็จหลี่ซื่อก็หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อปลาส่งให้อันหลิงเกอ
ปี้จูที่ยืนอยู่ด้านข้างมองอย่างตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างราวกับถลนออกมา แต่เมื่อหันไปเห็นอันหลิงเกอที่ยังยิ้มบาง ๆ นางจึงทำได้แค่ยืนนิ่ง
มิว่าวันนี้หลี่ซื่อเกิดบ้าอันใดขึ้นมา แต่คุณหนูใหญ่มิมีทางหลงกลแน่นอน
อันหลิงเกอมองเนื้อปลาที่อยู่ในชาม หลังกล่าวขอบคุณหลี่ซื่อแล้วจึงคีบเนื้อปลาเข้าปาก
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทานเนื้อปลาลงไป แววตาของหลี่ซื่อก็มีประกายบางอย่างพาดผ่านทันที จากนั้นก็ทำราวกับมิมีอันใดเกิดขึ้น ยังคงยิ้มแย้มเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่คอยเป็นห่วงเป็นใยลูกหลานก็มิปาน “คุณหนูใหญ่ ลองชิมอันนี้สิ อันนี้ก็อร่อยมาก”
ครั้งนี้นางคีบผักกาดขาวผัดขิงให้ อันหลิงเกอจึงหันไปยิ้มให้ขณะกำลังคีบเข้าปากนั้นอยู่ ๆ ปี้จูที่อยู่ด้านข้างก็ร้องตะโกนออกมา
“นายหญิงหลี่ เหตุใดในอาหารของท่านมีต้นหอมด้วยเจ้าคะ ? ” ใบหน้ากลมป้อมของปี้จูตึงขึ้นมาทันที แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ “คุณหนูใหญ่เกลียดต้นหอมมาก แค่ได้กลิ่นยังแทบทนมิไหว ท่านยังใส่มาในอาหารมากมายถึงเพียงนี้ ทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อันใดเจ้าคะ ? ”
อันหลิงเกอมิได้มองอาหารในจานของตนแต่เงยหน้าขึ้นสบตาหลี่ซื่อแทน หลี่ซื่อทำท่าทางตื่นตระหนกราวกับมิรู้ว่าอันหลิงเกอมิชอบทานต้นหอมอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อหลี่ซื่อโดนปี้จูตำหนิก็ทำสีหน้ารู้สึกผิดทันที “ข้าผิดเอง ข้าให้คนไปสืบมาว่าคุณหนูใหญ่ชอบทานสิ่งใด แต่มิรู้ว่าเกอเอ๋อมิทานต้นหอม”
ใบหน้าของนางแสดงท่าทางสำนึกผิด แต่ทันทีที่ก้มหน้าลงก็ยกริมฝีปากขึ้นยิ้มอย่างกลั้นเอาไว้มิอยู่
นางรู้ดีเต็มอกว่าอันหลิงเกอมิชอบทานต้นหอม ดังนั้นผักกาดขาวผัดขิงจานนั้นนางตั้งใจใส่ต้นหอมลงไปเพื่อใช้มันหยั่งเชิงอันหลิงเกอ
หากเป็นอันหลิงเกอตัวจริง พอเห็นอาหารจานนี้จักต้องมิทานแน่นอน
แต่อันหลิงเกอคนที่อยู่ต่อหน้ากลับทานเนื้อปลาที่นางคีบให้ แสดงว่ามิได้รู้สึกอันใดกับกลิ่นต้นหอมและมิกล่าวอันใดทั้งที่ผักกาดขาวผัดขิงมีต้นหอมติดอยู่จนเกือบทานเข้าไปแล้ว
หากมิใช่เพราะปี้จูกล่าวขึ้นมาเสียก่อน อันหลิงเกอก็คงทานมันเข้าไปจริง ๆ
เท่านี้ก็ทราบได้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหน้ามิใช่อันหลิงเกอตัวจริง !
เมื่อการคาดเดาของตนได้รับการยืนยันแล้ว หลี่ซื่อจึงวางแผนขั้นต่อไปในหัวทันที
นางรู้ว่าแผ่นหลังของอันหลิงเกอมีปานแดงขนาดเล็กคล้ายผีเสื้ออยู่ ขอเพียงมีโอกาสได้เห็นแผ่นหลังของอันหลิงเกอและยืนยันว่าบนหลังมิมีปานนั้นอยู่ เท่านี้ก็มีหลักฐานเพียงพอในการกำจัดนางตัวปลอมได้แล้ว !
แผนการในหัวของหลี่ซื่อผุดขึ้นมาเป็นฉากภายในเวลามินาน
อันหลิงเกอได้ยินที่ปี้จูกล่าวก็กะพริบตาปริบ ๆ แววตาฉายแววตระหนกขึ้นมา จากนั้นทำท่าพะอืดพะอมราวกับทนกลิ่นต้นหอมมิไหวแต่ยังฝืนกล่าวว่า “จักโทษอี๋เหนียงได้เยี่ยงไร อาหารเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารที่ท่านตั้งใจทำมา หากข้ามิทานก็เท่ากับเป็นการทำลายน้ำใจของท่าน”
เมื่อเห็นใบหน้าของอันหลิงเกอค่อย ๆ ซีดเผือดราวกับเหม็นกลิ่นต้นหอมจริง หลี่ซื่อก็ยิ้มเยาะออกมาทางแววตาทันที
นางตัวปลอมที่ลอบเข้ามาในจวนคนนี้มีฝีมือการแสดงมิเลวทีเดียว !
แม้ภายในใจกำลังประเมินอันหลิงเกอตัวปลอมอยู่ แต่ภายนอกยังต้องแสดงให้แนบเนียน
หลี่ซื่อกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ข้าละอายใจเหลือเกินที่เกอเอ๋อมิชอบทานอาหารจานนี้แต่ยังต้องฝืนทานลงไป”
“เดิมคิดอยากมาขออภัยเจ้า ใครจักคิดว่าทำให้เกอเอ๋อเสียความรู้สึกแทนได้” หลี่ซื่อถอนหายใจออกมายาว ๆ ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความเสียใจ
จากนั้นก็พูดต่อโดยมิรอให้อันหลิงเกอได้กล่าวอันใดออกมา “เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เรือนที่เป็นของข้าหลังหนึ่งมีบ่อน้ำร้อน หากเกอเอ๋อมีเวลาก็ลองไปเที่ยวเล่นที่นั่นดีหรือไม่ หากได้ไปแช่บ่อน้ำร้อนสักหน่อยน่าจักดีต่อร่างกาย”
คำแนะนำที่นางเสนอมา อันหลิงเกอย่อมมิปฏิเสธอยู่แล้ว
แต่อันหลิงเกอมิได้ตอบรับในทันที คิ้วของนางขมวดขึ้นเล็กน้อยพร้อมมีท่าทีลังเล “ช่วงนี้ข้าค่อนข้างยุ่ง เกรงว่าจักมิมีเวลา ข้าคงรับน้ำใจของอี๋เหนียงไว้มิได้หรอก”
“เกอเอ๋อจักมิมีเวลาได้เยี่ยงไร ? ” หลี่ซื่อยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนคาดเดามากขึ้น นางตัวปลอมมิกล้าออกจากจวนเพราะกลัวว่าคนอื่นจักจับพิรุธได้แน่
หลี่ซื่อเผยรอยยิ้มจริงใจออกมา “ข้าได้ยินว่าเกอเอ๋อสามารถเข้าออกวังได้ตลอดเวลา ขอเพียงเหล่าเชื้อพระวงศ์มิมีคำสั่งเรียกตัวเป็นพิเศษ เกอเอ๋อจักเข้าวังหรือไม่ก็มิเป็นไร”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้ามิแบ่งเวลาไปแช่น้ำร้อนสักหน่อย ? เจ้ายุ่งตลอดเช่นนี้ร่างกายจักทนไหวได้เยี่ยงไร ? เห็นเจ้าซูบผอมลงถึงเพียงนี้ ข้าเองก็อดรู้สึกเสียใจมิได้”
หลี่ซื่อยิ่งมีท่าทีใส่ใจนางมากเท่าไร อันหลิงเกอก็ยิ่งมั่นใจว่าต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นท่าทางราวกับหวังดีของหลี่ซื่อ อันหลิงเกอก็อดหัวเราะเยาะในใจมิได้
แต่เพื่อได้รู้เป้าหมายของหลี่ซื่อ ใบหน้าของนางจึงดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบตกลง
นางก็อยากรู้เหมือนกันว่าหลี่ซื่อต้องการทำอันใดกันแน่
เมื่อเห็นว่าในที่สุดอันหลิงเกอก็ตอบตกลง แววตาของหลี่ซื่อฉายแววดีใจออกมาทันทีก่อนที่มันจักหายไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นนางจึงพูดพร้อมรอยยิ้ม “เอาตามนี้แล้วกัน วันพรุ่งนี้ข้าจักให้คนมาเชิญเจ้าอีกครั้ง”
“พรุ่งนี้เลยหรือ ? ”
อันหลิงเกอเลิกคิ้วขึ้น ระหว่างคิดหาเหตุผลว่าเพราะอันใดหลี่ซื่อจึงรีบร้อนเช่นนี้ พลันอันหลิงเกอก็คิดวิธีเอาคืนได้พอดี
จากนั้นนางก็ขมวดคิ้วมุ่น ทำท่าทางราวกับกำลังลำบากใจ “พรุ่งนี้เกรงว่ามิได้เพราะข้ายังมีเรื่องอื่นต้องทำ”
เหตุใดจึงเป็นพรุ่งนี้มิได้ !
หลี่ซื่อลอบขบกรามแน่นด้วยความโกรธ นางอยากเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนางตัวปลอมโดยเร็ว อุตส่าห์รอให้ผ่านวันนี้ไปก็ถือว่าอดทนมากแล้ว หากพรุ่งนี้ยังมิได้อีกล่ะก็…
“เกอเอ๋อ พรุ่งนี้ข้าจักเป็นคนพาเจ้าไปเอง ข้ารับรองว่าเจ้าต้องสนุกมากแน่นอน ดังนั้นเรื่องอันใดที่มิสำคัญก็ผลัดไปก่อนเถิด”
อันหลิงเกอเห็นท่าทีของหลี่ซื่อ ภายในดวงตาดำขลับจึงฉายประกายบางอย่างออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงตอบไปว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไปพรุ่งนี้แล้วกัน อย่างไรก็มิใช่เรื่องสำคัญอันใด หลี่อี๋เหนียงมีน้ำใจถึงเพียงนี้ หากข้าปฏิเสธก็เกรงว่าท่านพ่อได้ตำหนิข้าแน่”
ได้ฟังเยี่ยงนั้นหลี่ซื่อก็ยิ้มรับทันที ก่อนจักย้ำอันหลิงเกอว่าอย่าลืมเรื่องนี้และเมื่อได้ยินคำสัญญาจากอันหลิงเกอจึงขอตัวลากลับไป