ตอนที่ 174 หลวงจีนเนื้อสุรา (4)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

บรรยากาศหนักอึ้งลงทุกที ทุกคนพากันถอยหลังช้าๆ ทุกคนล้วนสำนึกเสียใจที่ดันมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิด แถมยังปลดอาวุธเก็บไว้ในห้องพัก

 

 

จวี้อี้ถางกลายเป็นขุมนรกไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าคนที่ถูก ‘สวดส่ง’ รายต่อไปจะเป็นตนหรือไม่!

 

 

ดังนั้นประสาทและฝีเท้าของทุกคนจึงเครียดเขม็ง เหมือนสายซอเส้นเล็กถูกขันจนตึงเปรี๊ยะ พร้อมที่จะขาดผึงดัง ตึง ได้ทุกเวลา

 

 

เสียง ตึง ดังขึ้นจริงๆ เสียงแหลมเล็กกรีดอากาศทำเอาทุกคนหวาดกลัวสุดขีด

 

 

ทว่า…

 

 

เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น “ดู น่องไก่ย่าง!”

 

 

ที่แหวกอากาศจนเกิดเสียงทำลายความเงียบมิใช่อาวุธลับ มิใช่มีด กระบี่ แต่เป็น…น่องไก่อันหนึ่งถูกโยนขึ้นสูง

 

 

ต่อจากนั้นทุกคนก็เห็นมารพุทธะผมสีเงินผู้น่าสะพรึงกลัวหยุดค้างตัวแข็ง พริบตาเดียวก็ดีดตัวออกไปกรีดจนเป็นเส้นโค้งอย่างสวยงาม แล้วงับน่องไก่…คาบไว้

 

 

แต่มีอาหารถูกโยนออกมานับไม่ถ้วนอย่างรวดเร็ว

 

 

“ดู เป็ดย่าง!”

 

 

“ดู ขาหมูน้ำแดง!”

 

 

“ดู ห่านย่าง!”

 

 

“ดู ปลาเงินทอด!”

 

 

“ดู เนื้อพะโล้!”

 

 

“…”

 

 

อาหารนับไม่ถ้วนกลายเป็นค่ายกลสังหารแน่นหนาคลุมใส่ร่างสีเงิน ทุกคนเพียงเห็นเงาร่างสีเงินมุดไปมุดมาท่ามกลางค่ายกลด้วยความเร็วที่มิอาจคาดคิด กลายเป็นเส้นสายสีเงิน และสุดท้าย…ชนะอีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ

 

 

หลังเงาสีเงินยืนนิ่งกับพื้น ทุกคนจึงพบว่าเบื้องหน้าเป็น ‘ต้นไม้อาหาร’ มารพุทธะสีเงินผู้น่าสะพรึงกลัวยืนอยู่ตรงกลางด้วยท่าไก่ทองขาเดียว

 

 

แขนของเขากางออก ในมือมีไก่ย่างตัวหนึ่ง ตั้งแต่ต้นแขนถึงบ่าซ้ายมีเนื้อพะโล้จานหนึ่ง ปลาเงินจานหนึ่ง เป็ดย่างที่หั่นเป็นชิ้นจานหนึ่ง รักแร้ข้างขวาหนีบโถพระกระโดดกำแพง บนบ่ามีห่านย่าง เท้าซ้ายงอขึ้น จากเข่าถึงต้นขามีขาหมูน้ำแดงชามใหญ่และเนื้อพะโล้จานหนึ่งตั้งอยู่

 

 

บนศีรษะมีจานกระเบื้องเคลือบสีครามใบใหญ่ ในจานถูกจัดวางด้วยหมูหันที่อยู่ในท่ายืนจังก้าบนศีรษะมารพุทธ กำลังก้มลงมองสรรพสัตว์กระจ้อยร่อย

 

 

“…” เหล่าสรรพสัตว์ต่างพูดไม่ออก

 

 

นี่มันอะไรกัน

 

 

พุทธคุณฉายแสงสิบแปดท่าหรือ

 

 

เงาร่างสีเขียวสายหนึ่งเดินเข้าหาอย่างเชื่องช้า พริบตานั้นหลินชงลั่งก็จำได้แล้วว่าใคร เขาอยากส่งเสียงเตือนให้ระวัง แต่กลับเกรงว่าจะทำลายความเงียบสงบชั่วขณะแสนเปราะบาง แล้วจะนำมาซึ่งการเข่นฆ่าขนานใหญ่อีกครั้ง

 

 

แต่คนผู้นั้นดูเหมือนไม่กลัว เดินช้าๆ ถึงข้างกายหยวนเจ๋อ แลดูเขาแล้วยิ้มน้อยๆ “อาเจ๋อ เจ้าทำพิธีเสร็จแล้ว ส่งวิญญาณคนและสัตว์ไปมากขนาดนี้ คงล้าแล้ว รีบกินแล้วไปนอนเสีย!”

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กล่าวพลางสังเกตดูสีหน้าของหยวนเจ๋อ เขาเองก็จ้องนางเงียบๆ แม้ท่าทางจะพิลึก แต่ยังคงมิได้กระทบต่อการสังเกตคนที่อยู่เบื้องหน้า

 

 

คนคนนี้ไม่กลัวหรือ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋เห็นดวงตาสีเทาเงินของเขาฉายแววข้องใจ ขณะเดียวกันนางก็ดูเหมือนรู้สึกอะไรบางอย่าง จึงเอื้อมมือช้าๆ ไปที่จานเนื้อพะโล้บนบ่าของเขา หยิบกินชิ้นหนึ่ง มองดูเขายิ้มๆ “อาเจ๋อ ยังไม่รีบกินอีก เช่นนั้นข้ากินหมดนะ!”

 

 

โจวอวี่กับเสี่ยวชีที่อยู่ด้านข้างกอดของกินในอกอย่างตึงเครียด ระแวดระวังปฏิกิริยาของหยวนเจ๋อ ข้างตัวพวกเขามีแต่อาหารที่ยังไม่เละเทะไปกับการต่อสู้อีกกองพะเนิน

 

 

รอให้หลวงจีนเผลอตัวเมื่อใด ก็จะใช้ของเหล่านี้ ‘จู่โจม’ อีกฝ่าย!

 

 

หยวนเจ๋อมองดูนางครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “อมิตาภพุทธ ประสกอยากกินก็กินเถิด อาตมาชักง่วงแล้ว”

 

 

เขาหยุดลงแล้วกล่าวเสริม “ช่วยเก็บส่วนหนึ่งไว้ให้อาตมาก็พอ”

 

 

ไม่มีใครพูดเขาจึงไม่รู้สึก บัดนี้มีคนเตือนเขาจึงเพิ่งนึกได้ว่านั่นนะสิ วันนี้แทบจะไม่ได้นอนตลอดคืน บาปกรรมจริงเชียว!

 

 

แต่เขาลืมไปว่าบนศีรษะยังทูนหมูหันชามใหญ่ พอพยักหน้าหมูหันทั้งจานก็หล่นโครมใส่ชิวเยี่ยไป๋ตรงๆ ราวไท่ซานทับศีรษะ!

 

 

นางรีบยกมือยั้งหมูหันไว้อย่างรวดเร็ว แล้วผลักกลับไปบนศีรษะหยวนเจ๋อ แต่หยวนเจ๋อตัวสูงกว่านางหนึ่งศีรษะ นางจะทำเช่นนี้ต้องเขย่งเท้าและเหมือนโถมเข้าใส่อ้อมอกหยวนเจ๋อในระยะประชิด เผยลำคอขาวผ่องต่อจมูกหยวนเจ๋อ ซ้ำร้ายยังเฉียดปลายจมูกเขาเบาๆ

 

 

หยวนเจ๋อเห็นความผุดผาดเบื้องหน้า จมูกได้กลิ่นหอมจางๆ จากกายของชิวเยี่ยไป๋ รู้สึกหอมมาก และกลิ่นหอมนี้ระเหยออกจากกายอย่างน่าลุ่มหลง ทำเอาแววตาของเขาเริ่มเหม่อลอย รู้สึกลมหายใจมีแต่กลิ่นหอมหวนจรุงใจ ดึงดูดจนเขาต้องกัดริมฝีปากเบาๆ

 

 

อมิตาภพุทธ…หอมจริง…หอมจริง

 

 

ดูเหมือนน่ากินด้วย

 

 

เพียงครู่เดียว เขาก็ทนไม่ไหวและก้มศีรษะลงเลียลำคอระหง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ตัวแข็งค้าง “…อาเจ๋อ”

 

 

เขากำลังทำอะไร!

 

 

หยวนเจ๋อเลียอีกครั้งอย่างอดมิได้ อมิตาภพุทธ…หอมจริงๆ

 

 

ในที่สุดชิวเยี่ยไป๋ก็กุมลำคอถอยออกไปอย่างสุดกลั้น แลดูเขาอย่างเย็นชา “อาเจ๋อ เจ้าควรไปนอนแล้ว!”

 

 

หยวนเจ๋อเงยหน้าขึ้นแลดูนางอย่างข้องใจ ดวงตาสีเทาเงินเหม่อลอย แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว แล้วมองดูชิวเยี่ยไป๋เงียบๆ “ประสก ท่านไปนอนเป็นเพื่อนอาตมาได้ไหม”

 

 

น้ำเสียงเขาไม่ดังไม่เบา แต่คนรอบข้างต่างได้ยินอย่างชัดเจน พริบตานั้นสีหน้าของทุกคนเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

 

 

ใครเคยเห็นหลวงจีนกินเนื้อ ฆ่าคนแล้วยังขอให้คนไปนอนเป็นเพื่อน…แถมเป็นบุรุษด้วย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋แลดูหยวนเจ๋อด้วยสีหน้าเฉยเมย ท่าทางเขาที่ยืนเงียบๆ เหมือนภาพพุทธะในภาพวาด บริสุทธิ์ไร้มลทิน

 

 

แต่นางกลับรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าตนเองไม่เข้าใจเลยว่าหลวงจีนคนนี้ดำรงอยู่ได้อย่างไร

 

 

คนย้อนแย้งที่สุดในโลก อัตลักษณ์แหลมคมที่สุดจนมิอาจนำมารวมกันได้ กลับผนึกอยู่บนตัวเขาอย่างลงตัว

 

 

เห็นแววตาสีเทาเงินที่แสนบริสุทธิ์ ปราศจากแววอับอายตามที่เห็นตอนอาบน้ำแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสัปดน

 

 

นางกะพริบตาแล้วพยักหน้าเบาๆ ว่า “ได้”

 

 

และแล้วหยวนเจ๋อก็ยิ้มออกมา บังเอิญแสงตะวันจากนอกหน้าต่างสาดส่อง แสงอรุณสีทองอ่อนๆ สาดอยู่บนใบหน้าเขา ทำให้ผู้คนแทบจะแยกแยะไม่ออกว่าที่เปล่งประกายงดงามนั้นเป็นแสงตะวันหรือว่ารอยยิ้มบริสุทธิ์สดใสบนริมฝีปากเขากันแน่

 

 

พริบตานั้นชิวเยี่ยไป๋ตะลึงงันไปกับความงดงามนี้