บทที่ 1197+1198

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1197+1198 โดย Ink Stone_Romance

บทที่ 1197 ตรวจร่างกายให้เจ้า

กู้ซีจิ่วย่อมอยากสลับคืนอยู่แล้ว อย่างไรเสียร่างนี้ก็เป็นสิ่งที่หลงฟั่นสร้างขึ้น อีกทั้งดูเหมือนจะมีอุปกรณ์บอกตำแหน่งติดตั้งอยู่ด้วย!

เมื่อนึกถึงอุปกรณ์บอกตำแหน่ง กู้ซีจิ่วก็แทบจะนั่งไม่ติดแล้ว “นี่พวกเราจะไปไหนกัน?”

“กลับวัง”

“กลับวังที่เป็นความลับของท่านน่ะหรือ? ไม่ได้นะ! ข้าไปที่นั่นไม่ได้!”

ตี้ฝูอีเลิกคิ้วมองเธอ ถอนหายใจแล้วเอ่ยถาม “ยังโกรธข้าอยู่หรือ?”

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่ได้โกรธ ข้าพูดจริงๆ ไปที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์กันเถอะ ที่นั่นค่อนข้างปลอดภัย…”

“ที่นั่นของข้าปลอดภัยกว่า” ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเธอ “ซีจิ่ว ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เจ้าเรียนวรยุทธ์ไปพอสมควรแล้ว ไปอีกก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตามข้ากลับไปที่วังเถอะ”

“ในร่างข้ามีอุปกรณ์บอกตำแหน่งอยู่ ถ้ากลับไปที่นั่นกับท่านจะเป็นการเผยฐานลับของท่านได้ง่ายดายยิ่ง!” ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เอ่ยประเด็นสำคัญออกมาแล้ว

ตี้ฝูอีตบตำแหน่งข้างตัวเบาๆ “มานี่!”

สาวน้อยคนนี้ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็นั่งอยู่ตรงข้ามเขา เว้นระยะห่างจากเขาครึ่งเมตรเต็มๆ ทำให้เขาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

“ทำไม?” กู้ซีจิ่วไม่ขยับ

“ตรวจร่างกายให้เจ้า” ตี้ฝูอียิ้มมิเชิงยิ้ม “มานี่!”

ประโยคนี้ค่อนข้างมีเลศนัยอยู่บ้าง กู้ซีจิ่วไม่หลงกลเขา ยื่นข้อมือตนให้เขาแทน “ต้องจับชีพจรรึ? แบบนี้สะดวกกว่า”

ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร เขาเคลื่อนไหวทันที จับข้อมือเธอไว้แล้วรั้งเข้าสู่อ้อมแขน!

ด้วยเหตุนี้เขาจึงโผเข้าทับร่างของกู้ซีจิ่ว!

เกิดเสียงดัง ‘ตุบ!’ ตี้ฝูอีทำให้เธอกระแทกถูกผนังห้องโดยสาร ท้ายทอยของกู้ซีจิ่วแนบชิดสนิทกับผนังห้องโดยสาร

กู้ซีจิ่วมองคนที่ทับอยู่บนร่างตน ทึ่มทื่อไปชั่วขณะ!

กัดฟันกล่าว “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เจ้าเล่นนอกกติกาเกินไปแล้วนะ!”

เมื่อครู่ยามที่ตี้ฝูอีรั้งตัวเธอ เธอชักมือกลับตามสัญชาตญาณทันที เธอคิดว่าด้วยความสามารถของตี้ฝูอี หนนี้ตนคงชักกลับมาไม่ได้ ยังคงถูกดึงเข้าสู่อ้อมอกของเขาเช่นเดิม

กลับนึกไม่ถึงว่าเธอแค่ชักกลับตามสัญชาตญาณโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะลากเขาเข้ามาด้วย ซ้ำยังทับเธออย่างหนาแน่นด้วย!

ฮือๆ เจ็บท้ายทอยจัง! ไม่รู้ว่าจะปูดหรือเปล่า…

ตี้ฝูอีหลุบตามองเธอที่ใต้ร่าง สีหน้าไร้เดียงสา “ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

กู้ซีจิ่วอยากถีบเขานัก!

เรี่ยวแรงของเขาเหนือกว่าเธอมาก ซ้ำเธอยังออกแรงจริงๆ ไม่ได้ แล้วเขาจะถูกลากเข้ามาง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร? เจ้าคนผู้นี้หาประโยชน์ใส่ตัว!

ตี้ฝูอีหลุบตามองนาง หัวเราะเบาๆ “เด็กน้อย เจ้าอยากให้ข้าอิงแอบแนบอกเจ้า ข้าย่อมตอบสนองต่อความปรารถนาของเจ้า…”

ดูเขาพูดเข้าเถอะ! พูดเหมือนเธอเป็นสตรีเสเพลไม่มีผิด

กู้ซีจิ่วผลักเขา “เข้าข้างตัวเองให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ ข้าไม่ได้ได้อยากให้ท่านมาอิงแอบแนบอกข้าเสียหน่อย…”

ยามที่ผลักมือของเขาออก จู่ๆ ก็รู้สึกว่าผิดปกติ เธอยื่นมือไปจับข้อมือของเขาทันที

“มือท่านทำไมถึงเย็นขนาดนี้?” มือเขาเย็นเฉียบ ต่างจากยามปกติเหลือเกิน

ตี้ฝูอีกลับผละจากร่างเธอบุกขึ้นเสีย “วันนี้ค่อนข้างหนาว” คิดจะชักมือตนกลับ

กู้ซีจิ่วเม้มปากเน้น จับข้อมือเขาไว้ไม่ปล่อย ตี้ฝูอีจึงหยอกล้อนาง “ยังจะพูดอีกว่าไม่สนใจให้ข้าอิงแอบแนบอก จับข้าไว้แน่นถึงเพียงนี้…”

“ข้าจับชีพจรให้ท่าน!” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา ใบหน้าเฉิดฉันมีสีหน้ากังวล “ท่านเงียบก่อน”

ตี้ฝูอีมองนางไม่ขยับและไม่พูดอะไรอีกจริงๆ

วิชาแพทย์ของกู้ซีจิ่วก็เลิศล้ำยิ่งนักเช่นกัน ฝีมือการจับชีพจรไม่ด้อยไปกว่าหลงซือเย่เลย ครั้งนี้หลังจากเธอกับตี้ฝูอีพบพานกันอีกครั้ง ก็เกินเรื่องมากมายขึ้นเป็นพรวน ถึงแม้จะตกระกำลำบากร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน แต่เธอก็ไม่มีเวลาจับชีพจรตรวจอาการให้เขาเลย

———————————————————

บทที่ 1198 หนักหนากว่าที่เธอจินตนาการไว้!

ต่อมาพอขึ้นมีเวลาแล้ว แต่เขาเผยวรยุทธ์ที่แท้จริงออกมา ยังคงเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจน่าเกรงขามเช่นเดิม ดังนั้นเธอจึงไม่ฉุกคิดถึงการจับชีพจรตรวจอาการเขาเลย

จบจนยามนี้ ทั้งสองมีการแตะเนื้อต้องตัวกันอยู่บ่อยครั้ง ในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นว่าอุณหภูมิร่างกายเขาผิดปกติ!

เมื่อเธอแคลงใจขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นก็ไม่อาจปิดบังเธอได้อีก และตี้ฝูอีก็ไม่คิดจะปิดบังเธอ ดังนั้นจึงปล่อยให้เธอตรวจอาการเขา

ชีพจรของเขาไม่ค่อยปกติจริงๆ เห็นได้ว่าเป็นอาการของการเสียเลือดมากเกินไป แต่ก็ดูไม่เหมือนอาการเสียเลือดมากไปเสียทั้งหมด…

เธอกางฟูกในรถม้าออก “ท่านนอนลงสิ”

ตี้ฝูอีมองฟูกจากนั้นก็มองเธอ “นี่เจ้าจะเล่นพลิกผ้าห่มกับข้าหรือ?” เขาได้ยินกู้ซีจิ่วเอ่ยถึงคำศัพท์นี้เป็นบางครั้ง ดังนั้นจึงทราบว่าความหมายคืออะไร นำมาใช้ตามที่ได้เรียนรู้

ริมฝีปากจิ้มลิ้มของกู้ซีจิ่วเม้มแน่น “ข้าไม่มีอารมณ์มาล้อเล่นกับท่านหรอกนะ ท่านนอนลงไปก่อน!”

ด้วยเหตุนี้ตี้ฝูอีจึงนอนลงไป ซ้ายังอ้าแขนไปทางเธอด้วย “อยากเข้ามานอนอิงแอบด้วยกันหรือไม่?”

อ้อมแขนของเขาช่างดึงดูดผู้คนเหลือเกิน เป็นตำแหน่งที่เธอโหยหามาโดยตลอด ทุกครั้งยามที่เขาโผล่มาหายังไม่ทันได้อ้าแขนออก เธอก็อยากโผเข้าใส่อย่างไม่ได้เรื่องแล้ว…

ครั้งนี้กู้ซีจิ่วโผเข้าใส่จริงๆ เพียงแต่มิใช่ไปนอนเคียงข้างเขา เป็นการฟุบลงบนอกเขา เอียงหูฟังจังหวะหัวใจเขา

ตี้ฝูอีมองศีรษะเล็กๆ ที่อยู่บนอกนั้น อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “ซีจิ่ว มีเรื่องหนึ่งจะปรึกษากับเจ้า…”

กู้ซีจิ่วยื่นนิ้วหนึ่งไปกดปากเขาไว้ “ชู่ เงียบก่อน!”

นางเป็นห่วงเขาถึงเพียงนี้ ในใจตี้ฝูอีอบอุ่นยิ่งนัก รู้สึกเหมือนกระแสความร้อนปั่นป่วนในใจ…ด้วยความปั่นป่วนนี้ อัตราการเต้นของหัวใจจึงเพิ่มขึ้นไม่น้อย

“นี่ ท่านใจเย็นลงก่อนสิ สงบจิตสงบใจแล้วหายใจเข้าลึกๆ…” สิ่งที่เธอต้องการฟังคือการไหลเวียนของโลหิตที่จำเป็นต้องให้เขาอยู่ในสภาวะสงบถึงจะฟังได้

โอบร่างอรชรหอมกรุ่นไว้ในอ้อมอก นางอันเป็นที่รักฟุบอยู่ตรงทรวงอกซ้ำยังห่วงใยเขาถึงเพียงนี้ ตี้ฝูอีรู้สึกว่าถ้าไม่ให้เขาปั่นป่วนเลย นี่เป็นระดับความยากที่ค่อนข้างสูงอยู่บ้าง

โชคดีที่ปกติแล้วเขาเชี่ยวชาญการควบคุมพลังยุทธ์และลมหายใจเป็นที่สุด ดังนั้นเขาจึงหลุบตาน้อยๆ แล้วจัดการ ผ่านไปไม่กี่นาทีในที่สุดเขาก็สงบใจลงได้แลว

อันที่จริงเขากระจ่างแจ้งสภาวะของร่างกายตนยิ่งนัก บอกกล่าวนางสักหน่อยก็พอแล้ว แต่เขาละโมบในความห่วงใยที่นางมีต่อเขายิ่งนัก แม้ว่านางจะดุร้ายกับเขาก็ตาม…

กู้ซีจิ่วแทบจะเคล้นคลึงแขนขาของเขาจนทั่วรอบหนึ่งแล้ว ถึงขั้นที่แกะเสื้อคลุมเขาออกดูบาดแผลเหล่านั้นบนร่างเขา ด้วยความสามารถในการฟื้นฟูของตี้ฝูอี บัดนี้ความสร้างเนื้อใหม่ขึ้นมาเติมเต็มตั้งนานแล้วถึงขั้นที่ควรเหลือเพียงรอยแผลเป็นจางๆ เท่านั้น

แต่บาดแผลนี้ไม่ใช่ ถึงแม้เขาจะใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต่แผลนั้นก็ยังคงเปิดอ้าอย่างน่าเกลียดอยู่ มีเพียงสะเก็ดเลือดบางๆ ชั้นหนึ่งเท่านั้น…

แน่นอนว่าตอนที่เขาเพิ่งถูกปล่อยตัวในตำหนักใต้ดิน น่าจะเป็นเพราะต้องควบคุมสถานกรณ์ และไม่อยากทำให้เธอเป็นกังวลด้วย บาดแผลตรงข้อมือจึงถูกเขาใช้เวทวิชาอำพรางไว้ เมื่อคนอื่นมองจะเห็นเพียงว่าตรงนั้นมีแผนเป็นจางๆ อยู่ที่นั่นสองรอยเท่านั้น

ตี้ฝูอีแข็งแกร่งยิ่งนักมาโดยตลอด แข็งแกร่งเหนือธรรมดา ดังนั้นในใจของกู้ซีจิ่วแล้วต่อให้เขาบาดเจ็บนั่นก็ไม่เรียกว่าเป็นปัญหา เขาสามารถฟื้นฟูได้ในไม่กี่นาที และบาดแผลที่ถูกเขาใช้เวทอำพรางปกปิดไว้

จวบจนยามนี้พอได้ตรวจร่างกายเขา พบว่าบาดแผลโชกเลือดเหล่านั้นไม่สมานตัวเลย เธอถึงรู้ว่าเขาบาดเจ็บสาหัสยิ่งนักจริงๆ แล้ว!

หนักหนากว่าที่เธอจินตนาการไว้!

บางที ‘ความอ่อนแอ’ ในยามนั้นของเขาอาจไม่ใช่การเสแสร้ง แต่เป็นความจริง ตรวนสลายวิญญาณพวกนั้นก็ไม่ใช่ของปลอมไม่ได้มาตรฐาน…

—————————————————————