“สหายอู๋ อย่าหาว่าข้าพูดมากเกินไปเลย”

ฉางเซวียจ้องมองไปที่หลิวหยูหลานที่อยู่ข้างกายของเซี่ยปิง “หากข้าคาดเดาไม่ผิด ผู้หญิงคนนี้คงจะไม่ใช่ผู้คนในจักรวาลเหมือนกับพวกเราใช่หรือไม่ แต่เป็นผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ”

คนอื่นๆอีกสามคนก็มองไปที่หลิวหยูหลานเช่นกัน

“เหอะ!”

หลิวหยูหลานรู้สึกอึดอัดกับการมองของคนเหล่านี้อย่างมาก เธอได้เปล่งเสียงในลำคอออกมา ทว่าก็ไม่ได้โจมตีแต่อย่างใด

“ใช่ เธอไม่ใช่นักวิทยายุทธของจักรวาล ทว่าเป็นผู้หญิงของชนเผ่าวิญญาณ” เซี่ยปิงยอมรับอย่างเป็นธรรมชาติ “ก่อนหน้านี้ที่ข้าลงจอดในที่นี่เป็นครั้งแรก ข้าก็ได้เผชิญหน้ากับเธอ จากนั้นข้าก็ได้พิชิตเธออย่างง่ายดาย ในตอนนี้เธอคือทาสของข้า”

“สบายใจได้ ถึงแม้ว่าเธอเป็นผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ แต่เธอจะไม่ทำอะไรพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

ทาส?!

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าที่อิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันที พวกเขาสามารถมองเห็นได้ว่าหลิวหยูหลานนั้นเป็นผู้หญิงที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง หากไม่ใช่มีต้นกำเนิดอยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณ แต่เป็นในจักรวาลล่ะก็ คาดการณ์ได้ว่าคงจะกลายเป็นนักบุญหญิงของนิกายที่ยิ่งใหญ่ได้

ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีออร่าที่ศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง มีเรือนร่างที่เย้ายวน อีกทั้งยังมีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ ช่างเป็นผู้หญิงที่หายากอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่ามีผู้ชายจำนวนมากแค่ไหนที่ใฝ่ฝันถึงเทพธิดาเช่นนี้

ทว่าตอนนี้กลับกลายมาเป็นทาสของเจ้านี่อย่างไม่คาดคิด เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่จะต้องใช้งานเธออย่างหนักทั้งวันทั้งคืน บางทีอาจจะทุ่มเทด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจนกว่าชีวิตจะหาไม่

“สหายอู๋ ผู้หญิงของชนเผ่าวิญญาณคนนี้ดูเหมือนว่าจะมีพลังอำนาจที่ไม่ธรรมดาเลย อันที่จริงแล้วเจ้าใช้วิธีการใดในการกำราบเธอ?” หวังเฉินถามขึ้นมาอย่างสงสัย การที่ได้เห็นพลังอำนาจของหลิวหยูหลานก่อนหน้านี้นั้นทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะดูถูกเธอ

เพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวก็สามารถที่จะสังหารหมาป่าเขี้ยวดำจำนวนยี่สิบตัวได้อย่างง่ายดาย พลังอำนาจช่างน่าสะพรึงกลัว ต่อให้พวกเขาจะร่วมมือกันก็คงจะไม่ใช่คู่มือของเจ้าผู้หญิงของชนเผ่าวิญญาณคนนี้

หากควบคุมไม่ได้ เธอจะไม่ใช่เทพธิดา แต่เป็นปีศาจ ในเวลาที่กำลังหลับนอนอาจจะถูกผู้หญิงคนนี้สังหารได้ ไม่สามารถที่จะนอนหลับพักผ่อนได้อย่างอุ่นใจ

“ไม่ใช่ความลับอะไร เป็นการที่ปล่อยให้เวลาก่อเกิดให้ความผูกพันขึ้นมา”

เซี่ยปิงพูดโอ้อวดออกมา แบ่งปันประสบการณ์ของตนเอง

“สูงส่ง สูงส่งจริงๆสหาย ช่างร้ายกาจจริงๆ นี่มันเป็นการบ่งบอกความหมายโดยนัย” หวังเฉินและคนอื่นๆต่างก็ยกนิ้วให้ กล่าวชื่นชมออกมา ความรู้สึกนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา ผู้หญิงที่งดงามของชนเผ่าวิญญาณคนนี้ได้กลายเป็นของเจ้านี่แล้วจริงๆ

ไม่รู้ว่าอันที่จริงเจ้าบัดซบนี่จะทำให้ผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้โพสท่ามากแค่ไหนในเวลากลางคืน เทียบกับเจ้านี่แล้วนั้น พวกเขาถือว่าห่างชั้นอย่างมาก พวกเขาถูกอสูรดุร้ายไล่ล่าภายในผืนป่า ทว่าเจ้านี่กลับเดินทางร่วมกับผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ ไม่รู้ว่าสุขสบายแค่ไหน

“บอกตามตรง ข้านั้นไม่ชอบผู้หญิงตัวเล็กเช่นนี้ ต้องพูดว่าผู้หญิงระดับสุดยอดของโลกที่แท้จริงนั้นไม่ใช่เป็นหญิงสาว ทว่าเป็นผู้หญิงโตเต็มวัย” เซี่ยปิงเผยให้เห็นถึงท่าทางที่มีลับลมคมนัย

“ทำไมถึงพูดเช่นนี้?”

หวังเฉินและคนอื่นๆถามอย่างสงสัย

“พวกเจ้าลองคิดดูดีๆ ผู้หญิงโตเต็มวัยนั้นคือผู้หญิงที่มีประสบการณ์ ทันทีที่เจ้าตบตูดของเธอ เธอก็จะรู้ว่าต้องเปลี่ยนท่า ทันทีที่เจ้านอนลงไป เธอก็จะรู้ว่าต้องนั่ง ทันทีที่เจ้ายืนขึ้น เธอก็จะรู้ว่าต้องคุกเข่า ทันทีที่เจ้าคุกเข่า เธอก็จะรู้ว่าต้องหมอบลงไป” เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างอิ่มเอมใจ “ทว่าหากเป็นพวกหญิงสาวนั้น ทันทีที่เจ้าตบตูดของเธอ เธอก็จะหันกลับมาต่อว่า:บ้าไปแล้วหรือ ตีข้าทำไม?!”

“นี่คือความแตกต่างระหว่างหญิงสาวและผู้หญิงโตเต็มวัย ซึ่งห่างชั้นกันอย่างมาก”

เขาถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม

“สหาย เจ้าช่างเป็นยอดฝีมืออย่างแท้จริง ช่างเป็นความรู้ใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน”

“อันที่จริงจะมีผู้หญิงสักกี่คนที่มีประสบการณ์เชิงลึกเช่นนี้ หวังว่าข้าจะได้พบเจอสักคน”

“โปรดให้พวกเราเรียกเจ้าว่าพี่ใหญ่ด้วยเถอะ”

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็กล่าวชื่นชมออกมา ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสหายอู๋ไท่โต่วนี่จะมีประสบการณ์เกี่ยวกับผู้หญิงมามากแค่ไหน ซึ่งพวกเขานั้นเป็นเพียงแค่มือใหม่เท่านั้น ไม่รู้ว่าห่างไกลกับเจ้านี่มากแค่ไหน

นี่คือความแตกต่างของประสบการณ์ชีวิต ไม่สามารถที่จะเทียบด้วยได้

เจ้าอสูรหื่นกาม!

ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่งดงามของหลิวหยูหลานก็แดงขึ้นมา ต้องการที่จะตบใบหน้าของเซี่ยปิง เจ้าปีศาจต่างถิ่นนี่สามารถที่จะสร้างปัญหากับทุกคำพูดที่กล่าวออกมา ทั้งวันคิดแต่เรื่องที่ไร้ยางอายเช่นนี้

หากเปิดศีรษะของเจ้าผู้ชายบัดซบคนนี้ออกมา รับประกันได้ว่าคงจะมีเพียงแค่คำว่าผู้หญิงเพียงคำเดียว เป็นอสูรที่ใช้เพียงแค่ส่วนล่างเท่านั้น ทำไมปีศาจที่ชั่วร้ายเช่นนี้ถึงไม่ถูกสวรรค์ลงทัณฑ์

“สุภาพ สุภาพเกินไป นี่ก็แค่ประสบการณ์เล็กน้อยเท่านั้น ไม่คู่ควรแก่การกล่าวถึง”

เซี่ยปิงกวักมือ

“พี่ใหญ่อู๋ ในเมื่อทุกๆคนพูดคุยกันถูกคอเช่นนี้ จากนั้นพวกเราก็ไม่ต้องการที่จะปิดบังอะไร” ฉางเซวียพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “อันที่จริงการที่พวกเรามาที่นี่นั้นก็มีเป้าหมายอยู่เหมือนกัน”

“เป้าหมายหรือ? เป้าหมายอะไร?” เซี่ยปิงขมวดคิ้ว

ฉางเซวียพูดออกมา “ก่อนหน้านี้พวกเราได้รับข่าว บริเวณใกล้เคียงนั้นมีเหมืองหินวิญญาณอยู่ ทว่าถูกคุ้มกันโดยกองทัพขนาดใหญ่ของสำนักวิญญาณ หากอยู่เพียงลำพังล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่าทะลวงเข้าไปได้”

“ทว่าหากพวกเรานักวิทยายุทธจากจักรวาลร่วมมือกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จากนั่นมันก็จะมีโอกาสในการฝ่าเข้าไปภายในเหมืองหินวิญญาณนี้ได้ สังหารเจ้าชาวพื้นเมืองของชนเผ่าวิญญาณเหล่านั้นและแย่งชิงหินวิญญาณมา”

“หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจะสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ ครอบครองหินวิญญาณและออกไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้”

เขาได้พูดถึงเป้าหมายของการที่ตนเองมาที่นี่

อะไรนะ?!

เซี่ยปิงสะดุ้งขึ้นมา เดิมทีเขาคิดว่ามีเพียงแค่ตนเองและหลิวหยูหลานเท่านั้นที่รู้เรื่องของเหมืองหินวิญญาณ ไม่คาดคิดว่าข่าวนี้จะกระจายออกไป แม้แต่ฉางเซวียและคนอื่นๆเองก็ล่วงรู้อย่างชัดเจน ช่างแปลกประหลาดจริงๆ

หลิวหยูหลานก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอไม่รู้ว่าเรื่องของเหมืองหินวิญญาณนั้นแพร่งแพรายออกไปได้อย่างไร เพราะว่าถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นความลับสุดยอด ทว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมปีศาจต่างถิ่นเหล่านี้ถึงได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลนี้เช่นกัน

เธอรู้สึกงุนงงอย่างมากในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จ้าวสำนักของเมืองฮวายหนิงนั่นไม่ระมัดระวังจนข่าวเรื่องนี้รั่วไหลออกไปถึงพวกปีศาจต่างถิ่นอย่างนั้นหรือ?!

ในช่วงเวลานี้ เธอรู้สึกสับสนอย่างมาก

“เจ้าได้รับข่าวนี้มาได้อย่างไร?”

เซี่ยปิงถามขึ้นมา

“ผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกได้แจ้งข่าวสารเรื่องนี้กับข้าและคนอื่นๆ”

ฉางเซวียพูดออกมาอย่างมั่นใจ “พวกเราบังเอิญเจอกับฝ่ายตรงข้ามและได้รู้ว่าผู้คนของนิกายหวนคืนปรโลกนั้นต้องการที่จะรวมกำลังยอดฝีมือเป็นจำนวนมาก มีแผนการที่ยิ่งใหญ่ คิดที่จะฝ่าเข้าไปในเหมืองหินวิญญาณและยึดครองหินวิญญาณมา”

“ในความเป็นจริง ตอนนี้ก็ได้รวบรวมยอดฝีมือของนิกายเป็นจำนวนมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายเซียนเหินเวหา นิกายหวนคืนปรโลกและนิกายที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ ครั้งนี้ศิษย์พี่และศิษย์น้องจำนวนมากได้เข้าร่วมกับแผนการนี้เช่นกัน พวกเขาต่างก็รวมตัวกัน มีจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยคน รอให้ถึงวันเวลาที่จะได้โจมตีเหมืองหินวิญญาณนั้น”

“ทว่าครั้งนี้พวกเราก็วางแผนที่จะไปที่นั่นเช่นกัน รวมตัวกับบรรดาลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้น”

เซี่ยปิงก็ล่วงรู้ว่านิกายเมฆทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายเซียนเหินเวหาและนิกายหวนคืนปรโลกนั้นต่างก็เป็นนิกายระดับเซนต์เช่นกัน เป็นนิกายที่มีอิทธิพลที่ทรงอำนาจ

ยิ่งไปกว่านั้นการที่ทำภารกิจในทวีปโลหิตวิญญาณที่มีความอันตรายเช่นนี้นั้น ปกติแล้วผู้คนก็มักที่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ผู้ที่อยู่เพียงลำพังอย่างเช่นเขานั้น เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากมาก

การที่ศิษย์พี่และศิษย์น้องเหล่านี้ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันนั้น มันทำให้อัตราการสำเร็จของภารกิจเพิ่มสูงขึ้นมาก

ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็จะพกพาเครื่องมือสื่อสาร ต่อให้จะอยู่ในระยะที่ห่างไกลออกไป ก็สามารถที่จะติดต่อกันได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าจะพลัดหลงกัน

“ใช่สิ สหายอู๋ เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ สนใจที่จะเข้าร่วมแผนการโจมตีเหมืองหินวิญญาณด้วยกันหรือไม่?” ฉางเซวียและคนอื่นๆมองไปที่เซี่ยปิงอย่างคาดหวัง

เซี่ยปิงคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมา “ไม่มีปัญหา การที่มีความช่วยเหลือของทุกๆคนนั้น เชื่อว่าความเสี่ยงของภารกิจนี้คงจะลดน้อยลงไปอย่างมาก นี่เป็นเรื่องที่ดีที่ไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธ”

“เยี่ยม การที่สหายอู๋เข้าร่วมกับพวกเรานั้น พลังอำนาจโดยรวมของพวกเราจะต้องเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก”

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็มีความสุขอย่างมาก พวกเขานั้นไม่ได้ดูถูกเซี่ยปิง การที่สามารถทำให้ผู้หญิงที่แข็งแกร่งของชนเผ่าวิญญาณเชื่อฟังได้เช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาจะต้องแข็งแกร่งเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะนักบ่มเพาะอิสระ การที่กล้าเข้ามาทำภารกิจในสถานที่แห่งนี้โดยลำพังนั้น หากไม่ได้มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งล่ะก็ เป็นไปได้อย่างไรที่จะกล้าเข้ามาในทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้