บทที่ 297 เกิดเรื่องแล้ว

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 297 เกิดเรื่องแล้ว
ฉินเทียนพูดไม่ออก

ขณะนี้ ชาร์ลีที่อยู่ข้างๆ กำลังหัวเราะลั่น

เขาชี้ไปที่ฉินเทียน พร้อมเอ่ยว่า: “ที่แท้ก็หมอนี่เองเหรอ”

“ทุกคนดูสิ ไอ้คนจนใส่รองเท้าแตะนี่ เหมือนมีเงินสิบล้านยูโรเหรอ?”

“ไอ้ผิวเหลือง แกขัดใจเมียตัวเองแล้ว!”

“ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษอีก!”

ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าที่เหลิ่งน่ายจื่อทำไปทั้งหมดนี้ ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขา แต่เป็นฉินเทียนต่างหาก

เหลิ่งน่ายจื่อต้องการทำให้ฉินเทียนขายหน้า!

เขาอารมณ์ดีจริงๆ

ได้ยินเสียงหัวเราะของเขา นัยน์ตาของฉินเทียนก็ลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ

เขาก้มลงถอดรองเท้าแตะข้างหนึ่งออก แล้วฟาดใส่หน้าชาร์ลีอย่างจัง

“ไอ้บัดซบนี่!”

“เอ็งไม่มีเงิน แต่แกล้งเล่นใหญ่ซะดิบดี!”

“เอ็งหว่านล้อมให้เธอซื้อของ สุดท้ายดันมาเป็นภาระข้า!”

“จ่ายเงิน เอ็งน่ะสิไปจ่าย!”

เดิมชาร์ลีอยากสวนคืน แต่จู่ๆ ดันพบว่า พอเจอรองเท้าของฉินเทียนตบเข้าให้ เขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้กลับเลย

ถูกพื้นรองเท้าฟาดใส่หน้าจนเจ็บแสบไปหมด

เขาตะโกนโหวกเหวก มือกุมศีรษะ วิ่งว่อนไปทั่วห้าง

ทั้งวิ่งทั้งตะโกน: “ใครก็ได้!”

“รีบมาจับไอ้นักเลงคนนี้ที!”

“เอาไม่อยู่แล้ว!”

ละครประหลาดเปิดฉากแสดงแล้ว

ชายยุโรปร่างสูงใหญ่ เดิมควรเป็นชายชาตรีที่สง่าภูมิฐาน

แต่ขณะนี้ กลับถูกไล่อย่างกับหัวขโมย

ในขณะที่ฉินเทียน เป็นผู้ชายเอเชีย ถือรองเท้าแตะ วิ่งไล่ไม่ลดละ

เหตุการณ์ใหญ่โต ทำให้รปภ.ในห้างแตกตื่นในที่สุด

“คุณครับ ถ้าคุณไม่หยุด เราจะยิงนะครับ” พวกเขาเอ่ยเสียงเย็นเยือก

คราวนี้ฉินเทียนถึงหยุด แล้วสวมรองเท้าแตะกลับไปใหม่

พอกลับมาหาเหลิ่งน่ายจื่อ ก็เอ่ยหน้าเปื้อนยิ้มว่า: “เห็นแก่ที่ฉันระบายความโกรธให้เธอ ช่วยลดหย่อนหน่อยได้ไหม?”

เหลิ่งน่ายจื่อไม่ไว้หน้าเลยสักนิด: “ไม่ได้”

ฉินเทียนหน้าบึ้ง

ชาร์ลีเห็นรปภ.มาแล้ว เขาก็ร้องตะโกนมาขึ้นอีก

“ไอ้นี่เป็นหัวขโมย พวกคุณรีบจับมันเร็ว!”

“มันไม่มีเงินสักแดงเดียว!”

“ของพวกนี้มันขโมยมาหมดเลย!”

สินค้ามูลค่าสิบล้านยูโร ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลยนะ

รปภ.แต่ละคนสีหน้าขึงขัง ล้อมรอบฉินเทียนไว้

ฉินเทียนตายใจเสียสนิท

เดิมนึกว่า อุบายนี้ของเหลิ่งน่ายจื่อ คือเพื่อแก้เผ็ดชาร์ลี

ใครจะรู้ว่าเธอจะตีวัวข้ามภูเขา และเป้าหมายคือเขาเอง

สะเพร่าชะมัด!

เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดกับชาร์ลี: “เอ็งอย่าเพิ่งพยอง!”

“รอให้ข้าจ่ายเงินก่อน แล้วเอ็งอย่าลืม คุกเข่าเลียรองเท้าข้าด้วย อ้อไม่สิ รองเท้าแตะ”

ชาร์ลีเอ่ยอย่างลำพองว่า: “ถ้าแกจ่ายเงินสิบล้านยูโรจริงๆ ฉันจะทำตามสัญญาทันที”

“ลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น!”

ฉินเทียนพ่นลมหายใจ ก่อนยิ้มพูดกับแคชเชียร์ว่า: “วีแชทหรืออาลีเพย์ดีครับ ให้ผมสแกนหรือคุณสแกนดี?”

“คะ?” พนักงานแคชเชียร์อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนพูดอย่างเคร่งครัดว่า: “คุณผู้ชายคะ การทำธุรกรรมจำนวนเยอะแบบนี้”

“ที่นี่เรารูดได้เฉพาะบัตรที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของธนาคารระหว่างประเทศใหญ่ๆ อย่างเวลส์ ฟาร์โก และซิตี้แบงค์เหล่านี้เท่านั้นค่ะ”

“คุณมีไหมคะ?”

ฉินเทียนตัดสินใจจะขัดขืนไปอีกหน่อย ยิ้มเอ่ยกับเหลิ่งน่ายจื่อว่า: “เธอเห็นไหม ที่นี่พวกเขารูดผ่านวีแชทกับอาลีเพย์ไม่ได้….”

“ถ้างั้น เราค่อยมากันใหม่เถอะ!”

เหลิ่งน่ายจื่อยิ้มเยือกพร้อมเอ่ยว่า: “งั้นก็ได้นะ คราวหน้าพาอาจารย์ของนายมาด้วยกันเลย”

“อย่านะ!” ฉินเทียนขบฟันพูด: “อาจารย์ท่านแก่แล้ว สุขภาพไม่ดี ไม่เหมาะจะมาที่แบบนี้”

“จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่า ที่ตัวฉันยังมีบัตรอีกใบหนึ่ง”

เขาหยิบบัตรเครดิตออกมา สีหน้าเหยเก

“คุณคะ ฉันบอกแล้วว่า เรารูดได้เฉพาะบัตรของธนาคารระหว่างประเทศใหญ่ๆ อย่างอย่างเวลส์ ฟาร์โก และซิตี้แบงค์เท่านั้นค่ะ….”

พนักงานแคชเชียร์ทำหน้าเหยียดหยาม พูดซ้ำด้วยความหงุดหงิด

ฉินเทียนพลิกมือ เหยียดยิ้มเอ่ยว่า: “แล้วบัตรแบบนี้ คุณคิดว่ายังไง?”

พนักงานผงะไปครู่หนึ่ง เห็นเพียงบัตรสีดำ ด้านบน มีมังกรทองบินทะยาน ราวกับมีชีวิตตรงหน้าใบหนึ่ง

“นี่บัตรอะไรคะ?” เธอถามด้วยความงุนงง ไม่เคยเห็นมันมาก่อน

“บัตรมังกรทอง!”

“เป็นบัตรมังกรทองลิมิเต็ดระดับโลกเชียวนะ!”

ด้านข้าง ผู้จัดการล็อบบี้กระวีกระวาดเข้ามา โค้งคำนับให้ฉินเทียน

“คุณผู้ชาย พวกเราเลินเล่อแล้ว!”

“ผมจะชำระเงินให้คุณเดี๋ยวเลยครับ”

บัตรมังกรทองรุ่นลิมิเต็ดระดับโลก ทุกธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์ รองรับร่วมกันหมด

สินเชื่อและวงเงิน ไม่จำกัด

นอกจากนี้ ไม่ว่าคุณใช้สกุลเงินอะไร บัตรใบนี้ สามารถใช้ได้ทั่วโลก

ถึงขั้นที่ พูดได้แบบเกินเบอร์ว่า คนที่มีบัตรใบนี้ สามารถซื้อประเทศเล็กๆ ได้ทุกเมื่อ ตราบใดที่ต้องการเลยทีเดียว

เห็นฉินเทียนรูดบัตรแล้ว คราวนี้เหลิ่งน่ายจื่อจึงเค้นเสียงในลำคอออกมา นำถุงลิปสติกและน้ำหอมใบใหญ่ รวมถึงกระเป๋าต่างๆ อีกครึ่งถุงยัดใส่ในมือของเขา

“ไปเถอะ” เธอเดินหน้านิ่งออกไปข้างนอก

“เดี๋ยวก่อน!” ฉินเทียนตะโกน สายตาเบนไปหยุดอยู่บนร่างของชาร์ลี แล้วยิ้มเหี้ยมพูดว่า:

“ท่านสุภาพบุรุษ ตอนนี้ คุณจะทำตามสัญญาแล้วใช่ไหมครับ?”

น่าหงุดหงิดชะมัด!

ถ้าไอ้นี่ไม่มาตามตอแยเหลิ่งน่ายจื่อแบบไม่ดูหน้าดูหลัง ผู้หญิงคนนี้จะประชดด้วยการซื้อของมากมายขนาดนี้เหรอ?

ตั้งร้อยล้านแหนะ!

สุดท้ายก็ตกเป็นกรรมของข้า!

ข้าไม่ได้ทำอะไรให้ใครสักหน่อย?

ดังนั้น จากผลวิเคราะห์โดยสรุปแล้ว ผู้ร้าย ก็คือชาร์ลี

ฉินเทียนไม่ปล่อยเขาไปแน่

“คุกเข่า!”

“เลียรองเท้าแตะข้า!” เขาพูดฉุนเฉียว

ชาร์ลีหน้าเขียวปั๊ด

เมื่อครู่เขาแค่พูดไปอย่างนั้น เพราะเขามั่นใจว่า ฉินเทียนไม่มีทางมีเงินสิบล้านยูโรแน่นอน ดังนั้น เขาจึงไม่มีทางแพ้

ใครจะไปคาดคิด ว่าไอ้หนุ่มสวมรองท้าแตะชาวเอเชียคนนี้ จะยื่นมือเอาบัตรมังกรทองรุ่นลิมิเต็ดระดับโลกออกมา

รูดเงินสิบล้านยูโร อย่างกับซื้อกะหล่ำปลี

“ได้ไง ลูกผู้ชาย พูดแล้วคืนคำได้ด้วยเหรอ?” ฉินเทียนยิ้มเยาะ

ชาร์ลีขบฟัน ตะโกนสวนขึ้นว่า: “ฉันไม่ได้แพ้!”

“เมื่อกี้ฉันบอกว่า ถ้าฉันแพ้ ฉันจะเลียรองเท้าหนังของแก แต่แกไม่มีรองเท้าหนังสักหน่อย”

“ดังนั้น เดิมพันนี้ ถือเป็นโมฆะ”

ฉินเทียนโมโหจนจมูกยู่ยี่ไปหมด คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะหน้าด้านแบบนี้

“คุณครับ เพื่อตอบแทนที่คุณซื้อของจากเราทีเดียวมากมายขนาดนี้ ขอมอบรองเท้าหนังราคาหนึ่งหมื่นยูโรคู่นี้ให้คุณครับ”

“คุณลองใส่สิครับ ไซส์น่าจะพอดี”

ผู้จัดการล็อบบี้ถือรองเท้าหนังคู่หนึ่งเข้ามา จากเคาน์เตอร์เสื้อผ้าบุรุษด้านข้าง

ฉินเทียนรีบเปลี่ยนใส่ทันที บอกเลยว่า พอดีเท้าเป๊ะ

เขามองหน้าชาร์ลี แยกยิ้มยิงฟันเอ่ยว่า: “ตอนนี้ ฉันมีรองเท้าหนังแล้ว”

ชาร์ลีไม่มีทางให้ถอยอีกต่อไป

เขาขบฟัน ทำได้เพียงคุกเข่าลง จากนั้น ตั้งท่าจะเลียรองเท้าหนังของฉินเทียน

ในตอนนั้นเอง มือถือฉินเทียนก็ดังขึ้น เป็นสายจากเหมยหงเซว่

“พี่เทียน พี่อยู่ไหน?”

“พวกเราเจอปัญหาแล้ว!”

“เธอว่าอะไรนะ?” ฉินเทียนใจเต้นตึกตัก

ที่นี่คงไม่ได้มีสายสอดแนมของปรมาจารย์พิษจริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่ว่าพวกมันฉวยโอกาสตอนคนของเราออกไปพักผ่อน เลือกลงมือทีละคนหรอกนะ?

คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าเขาก็ขรึมเข้ม

เขาคิดว่า ตัวเองทำพลาดครั้งใหญ่แล้ว

ไม่น่าให้ทุกคนกระจายกันออกไปเลย นี่คงไม่ได้เป็นการหยิบยื่นโอกาสให้อีกฝ่ายหรอกนะ?

“บอกสถานที่มา!”

“ฉันจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้!”

พอพูดจบ เขาก็ถีบชาร์หลีหงายไปหนึ่งที: “ค่อยเลียทีหลัง!”

จากนั้น ก็วิ่งพรวดออกไป

“นายต้องจริงจังกับเรื่องแบบนั้นขนาดนี้เลยเหรอ?”

หน้าประตู เหลิ่งหยุนที่รออยู่ เห็นสีหน้าฉินเทียนไม่สู้ดี จึงอดพูดไม่ได้

“ไปเร็ว! เหมยหงเซว่กับเถียหนิงซวงเกิดเรื่องแล้ว!”