บทที่ 244 ความมุ่งมั่นของวิญญาณ
หลงหมิงด่าอยู่ภายในใจ รู้ว่าหลัวซิวได้ขับเคลื่อนตราสำนึก ทำให้วิญญาณหยั่งรู้ของมันเจ็บปวด
วินาทีที่การเชื่อมต่อระหว่างพลังแห่งปริภูมิถูกตัดขาด ร่างสีขาวเงินของมันก็ได้ปรากฏขึ้นมา และถูกหลัวซิวบีบคอเอาไว้ทันที
ภายใต้การเผาผลาญของเพลิงมรณะ ทำหลงหมิงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
จากนั้นไม่นาน เสียงร้องของหลงหมิงก็อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ ราวกับงูสีขาวเงินที่ไร้ลมหายใจตัวหนึ่ง ถูกหลัวซิวถือเอาไว้ในมือ
หลัวซิวสีหน้าไร้ความรู้สึกใด ๆ สายตาจับจ้องมังกรไร้ร่างที่อยู่ในมือตนนี้อย่างเย็นชา เผยให้เห็นไอสังหารที่เฉียบคม
“ข้าผิดไปแล้ว อย่างเผาอีกเลย เผาต่อไปข้าต้องตายแน่!” หลงหมิงร่ำร้องอย่างอ่อนแรง ภายใต้การแผดเผาของเพลิงมรณะ เจ็บปวดแทบเป็นแทบตาย
“เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อครู่เจ้าเกือบทำให้ข้าต้องตาย?” หลัวซิวยิ้มอย่างเยือกเย็น และไม่ได้เก็บเพลิงมรณะบนฝ่ามือลง
“ข้าไม่กล้าอีกแล้ว……” หลงหมิงขอร้องอ้อนวอน
“ถ้าหากมีครั้งต่อไป ข้าจะขับเคลื่อนตราสำนึก ทำให้เจ้าวิญญาณแตกสลาย!” หลัวซิวกล่าวเตือนอย่างเย็นชา จากนั้นก็ทิ้งหลงหมิงลงไปบนพื้น
หลงหมิงทรุดตัวลงกับพื้น ด่าตัวเองอยู่ภายในใจว่าทำไมต้องหาเรื่องปีศาจร้ายผู้นี้ ถ้าไม่ใช่เพราะหาเหาใส่หัวโดยการแอบเข้าไปขโมยหินสัจธรรมในสำนักไท่เสวียนเมื่อห้าหมื่นปีที่แล้ว ก็คงไม่ต้องถูกกักขังไว้ที่วังใต้ดินในแดนนานาอสูรจนเกือบสิ้นอายุขัยและตายอยู่ในนั้น
“อำนาจเหนือกว่ามนุษย์ ตอนนี้ท่านชายหลงเป็นมังกรเกยตื้น จะเก็บความอัปยศนี้เอาไว้ก่อนแล้วกัน!”
“ข้าท่านชายมังกรยืดได้หดได้ ปล่อยให้เจ้าอวดดีไปก่อน จะต้องมีสักวันที่ข้ายืนหยัดขึ้นมาได้อีกครั้ง”
ภายในใจของหลงหมิงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย
หลัวซิวเองก็รู้ว่าหลงหมิงนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งในสมัยโบราณ เพราะการบีบบังคับในตอนนั้นถึงได้ยินยอมปลูกตราสำนึกและติดตามตน ความจริงแล้วนั้นได้ขัดขืนมาโดยตลอด คิดจะแว้งกัดตนในทุกครั้งที่มีโอกาส หลุดพ้นจากการถูกควบคุม
แต่หลัวซิวเชื่อว่า ขอเพียงให้เวลาที่มากพอกับเขา ไม่ช้าก็เร็วความเย่อหยิ่งของตระกูลมังกรโบราณของมันจะถูกกำจัดออกไปอย่างหมดสิ้น สำหรับเรื่องที่คิดจะมีผลการฝึกตนที่เหนือกว่าตนเองและหลุดพ้นจากการควบคุมนั้น หลัวซิวจะต้องไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
“อย่าแกล้งทำเป็นนอนตายอยู่บนพื้น นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เข้าใจหรือยัง?” หลัวซิวกล่าวอย่างเย็นชา
หลงหมิงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว จากบทเรียนในครั้งนี้ มันก็ได้เข้าใจแล้วว่าปีศาจร้ายผู้นี้ไม่อาจหาเรื่องได้ง่าย ๆ ตนทำได้เพียงใช้ชีวิตที่น่าเศร้าโดยการเป็นเบี้ยล่างของผู้อื่นต่อไป
หลังจากที่ได้ตระหนักรู้ห้วงยุทธ์มรณะ ไอมรณะที่แผ่ซ่านอยู่ในที่แห่งนี้ก็ไม่สามารถขัดขวางใด ๆ หลัวซิวได้อีกต่อไป
ห้วงดาบมรณะนี้ได้ผ่านพ้นกาลเวลามาอย่างน้อยห้าหมื่นปี สามารถอยู่รอดมาวนถึงวันนี้ได้ เห็นได้ว่าผู้ที่เป็นเจ้าของนั้นจักต้องเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
หลังจากที่ได้เดินผ่านพื้นที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยห้วงยุทธ์มรณะมา ปราณหยินที่หนาแน่นก็ได้พุ่งเข้ามากระทบใบหน้า นอกจากนี้แล้วปราณหยินนี้บริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าผลการฝึกตนของตนนั้นกำลังจะทะลวงขั้น
“เจ้าคุ้มกันให้ข้า!”
หลัวซิวกล่าวกับหลงหมิงหนึ่งประโยค จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลง และเริ่มซึมซับกลั่นแปรฝึกฝนปราณหยินบริสุทธิ์ที่อยู่ ณ ที่นี้
กลั่นแปรปราณหยินบริสุทธิ์เช่นนี้ ผลของการฝึกตนเมื่อเทียบกับพลังฟ้าดินจิตแล้วนั้น ต่างกกันราวฟ้ากับดิน
ผลการฝึกตนของหลัวซิวเพิ่มขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ผ่านไปไม่นานนัก กระแสพลังที่แข็งแกร่งกว่าได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา ผลการฝึกตนได้บรรลุถึงแดนฝึกจิตขั้น 6
“ให้ตายเถอะ เจ้าคนเหนือมนุษย์มนาผู้นี้ได้บรรลุอีกแล้ว……” เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังจิตแท้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายของหลัวซิว หลงหมิงก็คร่ำครวญอยู่ภายในใจ
ยิ่งผลการฝึกตนของหลัวซิวสูงขึ้นเท่าไหร่ มันต้องการให้มีผลการฝึกตนที่เหนือกว่าและหลุดพ้นจากการควบคุม ก็ยิ่งห่างไกลออกไป
จากการที่ผลการฝึกตนได้สูงขึ้น เนื่องด้วยได้ครอบครองห้วงยุทธ์ชนิดที่สอง ภายใต้การรวมกันของห้วงยุทธ์มรณะ และห้วงยุทธ์กระบี่สังหาร ตัวสำนึกของหลัวซิวก็ได้เลื่อนขั้นขึ้น บรรลุถึงแดนฝึกจิตขั้น 9
ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้หยุดลง หลัวซิวซึมซับปราณหยินบริสุทธิ์อยู่ไม่ขาด ผลการฝึกตนก็ยังคงเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย ๆ
ภายในห้วงความคิดตัวหยั่งรู้ของเขา ในเวลาเดียวกันนั้นหลัวซิวยังได้ฝึกฝนพลังก่อรวมวิญญาณ ตัวสำนึกหลาย ๆ สายรวมตัวกันเป็นรูปกระบี่ เป็นเหมือนดั่งเงากระบี่มายาหลาย ๆ สาย วนรอบลูกแก้วความเป็นตายไปมาในแนวนอน
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน หลัวซิวก็เงยหน้าขึ้นและร้องออกมายาว ๆ จู่ ๆ ก็ลืมตาและลุกขึ้นมา
รัศมีพลังมหาศาลแผ่ซ่านออกมาจากร่างกาย ห้วงยุทธ์มรณะและไอสังหารอันแรงกล้าเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ ทำให้หลงหมิงมังกรไร้ร่างที่รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกับปริภูมิถูกบีบให้ปรากฏตัวออกมา
“ไสหัวไป ไสหัวไป ไสหัวไป!……” หลงหมิงทั้งตกใจทั้งโมโห ยิ่งหลัวซิวแข็งแกร่งขึ้น มันก็ยิ่งไม่พอใจ
สายตาอันเย็นชาของหลัวซิวเหลือบไปมองหลงหมิงแวบหนึ่ง หลังจากที่มังกรไร้ร่างโบราณตนนี้ได้รับบทเรียนไปก็เชื่อฟังขึ้นไม่น้อยจริง ๆ ด้วย ไม่ได้แอบทำอะไรในตอนที่ตนเองนั้นฝึกตน
กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวสำนึกของหลัวซิวรับรู้ได้ว่า บริเวณที่ว่างที่เขาอยู่ในตอนนี้นั้น บริเวณโดยรอบเกลื่อนกลาดไปด้วยห้วงยุทธ์มรณะมีเพียงบริเวณเล็ก ๆ ที่เขาอยู่ในตอนนี้ไม่ได้รับผลกระทบ และยังมีปราณหยินบริสุทธิ์
ปราณหยินบริสุทธิ์กลุ่มนี้ เหมือนได้ถูกห้วงยุทธ์มรณะกักขังเอาไว้ ถึงได้รวมตัวกันอยู่ที่นี่
หลัวซิวครุ่นคิดเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจขึ้นมาทันที บริเวณที่ว่างที่เขาอยู่นั้น น่าจะเป็นสถานที่ที่เจ้าของห้วงยุทธ์มรณะ เคยใช้ฝึกตนมาก่อน
ปราณหยินบริสุทธิ์ถูกเขาซึมซับไปจนหมด ผลการฝึกตนเพิ่มระดับขึ้นมาในแดนเล็ก ๆ ทำให้หลัวซิวมีความรู้สึกเหมือนยังไม่เติมเต็ม
ทันใดนั้น สายตาของหลัวซิวก็ได้จับจ้องมองห่างออกไปสิบกว่าเมตร โครงกระดูกร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ที่ข้างกายของโครงกระดูกนั้น ยังมีวิญญาณตนหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
แต่ที่แตกต่างไปจากวิญญาณตนอื่นก็คือ วิญญาณตนนี้ไม่ได้กระโจนใส่เขา แต่ได้ลอยเหม่ออยู่ที่เดิม และยกมือมายาที่เลือนรางขึ้นโบกไปมาเป็นบางครั้ง
หลัวซิวได้สังเกตเห็นท่าทางของวิญญาณตนนี้ รูม่านตาของเขาหดลงเล็กน้อย เนื่องจากร่องรอยการโบกมือของวิญญาณ ได้แฝงความลึกลับมหัศจรรย์ของห้วงยุทธ์มรณะ อยู่อย่างเลือนราง
ทันใดนั้นเอง เหมือนว่าวิญญาณตนนี้สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง สายตาไร้แววคู่หนึ่ง ได้มองมาทางหลัวซิว
วิญญาณตนนี้ดูแตกต่างจากวิญญาณตัวอื่น ๆ เป็นพิเศษ เหมือนกับเป็นวิญญาณที่มีความคิดเป็นของตนเอง
ปกติแล้ววิญญาณที่สามารถมีความคิดเป็นของตัวเองได้นั้นจักต้องอยู่ในระดับจักรพรรดิภูตผีถึงจะได้ทัดเทียมได้กับนักยุทธ์ในแดนจักรพรรดิยุทธ์ใน
ทว่าวิญญาณที่หลัวซิวได้พบตนนี้นั้น รัศมีพลังที่เคลื่อนไหวอยู่บนร่างกายกลับเป็นเพียงฝึกจิตขั้น 2 ซึ่งห่างจากระดับจักรพรรดิภูตผีเป็นอย่างมาก
“เจ้าเป็นใคร?” คลื่นตัวสำนึกสายหนึ่งลอยเข้ามาในกระแสสัมผัสของหลัวซิว
หลัวซิวจับจ้องไปที่วิญญาณแปลกประหลาดตนนั้น และกล่าวอย่างเรียบ ๆ “ข้าคือหลัวซิว แล้วเจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าเป็นใคร?” วิญญาณตนนั้นมีท่าทางสงสัยขึ้นมา สายตาเหม่อลอย เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอย่างตั้งใจว่าตนเองเองเป็นผู้ใดกัน
หลัวซิวมองไปยังหลงหมิง และเอ่ยถาม: “ตอนที่ข้าฝึกตนเมื่อสักครู่ วิญญาณตนนี้อยู่ที่นั่นตลอดเวลางั้นหรือ?”
“ถูกต้อง เมื่อตอนมีชีวิตอยู่วิญญาณตนนี้น่าจะมีความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว ดังนั้นหลังจากที่ตายไปและได้กลายเป็นวิญญาณแดนหยินสุดขั้ว ความมุ่งมั่นก็ยังคงอยู่”
หลงหมิงกล่าวเช่นนั้น “ในสมัยโบราณเคยเล่าขานกันว่า ความมุ่งมั่นของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์บางคนสามารถข้ามผ่านวัฏจักรชีวิต ไม่สลายหายไปแม้จะเกิดใหม่ร้อยครั้ง”