ตู้มๆๆ!
ทุกที่ในสุสานกำลังสั่นสะท้าน
รอยแตกบนผนังของสุสาน พื้นที่นูนขึ้นมา ก้อนหินมหึมาที่ตกลงมาจากด้านบนของสุสาน กลไกทั้งหมดในสุสานถูกเปิดใช้งานเพื่อโจมตีผู้คนที่บุกรุกเข้าไปในสุสานโบราณ
เจียงหลีไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ถูกผีเฒ่าที่ถูกลืมไม่รู้กี่ปีเล่นงานเข้าให้ นางจะอารมณ์ดีได้ตรงไหน
ไม่พูดไม่ได้ว่าผีเฒ่าหลิงจงตนนั้นจะมีเล่ห์เหลี่ยมล้ำลึกเพียงนี้
ก่อนหน้าที่พวกเขาบุกเข้าสุสาน กลไกลพวกนั้นที่พบเจอมันมีทางรอดท่ามกลางอันตราย จึงทำให้รู้สึกว่านี่เป็นเพียงบททดสอบแล้วทำให้ผ่อนปรนความระมัดระวัง
ในตอนนี้เมื่อสุสานถล่มลงมา การเคลื่อนไหวของฆาตกรที่แท้จริงเหล่านั้นจะถูกปลดปล่อยออกมา!
“ระวัง!” ทันใดนั้นลู่เสวียนผลักเหวินเหรินชิ่งชิ่งออกไปจนนางชนผนังสุสานที่แตกร้าว และเมื่อครู่ที่นางโดนผลัก ตรงนางยืนอยู่ตอนนี้มีเหล็กแหลมโผล่ขึ้นมาจากพื้นมีแสงจางๆ สีดำเรืองแสงที่ปลายแหลมซึ่งน่ากลัวมาก
เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองไปที่เหล็กแหลมอย่างหวาดกลัว หากเมื่อครู่นี้ลู่เสวียนไม่ผลักนางออกไป เกรงว่าร่างของนางคงถูกเหล็กแหลมทิ่มแทงจนทะลุ “ขอบคุณ” นางมองไปที่ลู่เสวียนแล้วเอ่ยขอบคุณด้วยสีหน้าซับซ้อน
“รีบไปเถอะ” ลู่เสวียนไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้
“กลไกในสุสานถูกเปิดใช้งานแล้ว ทุกคนระวังตัวด้วย อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดล่ะ” เจียงหลีออกคำสั่ง ทั้งสามจึงรีบเดินหน้าเพื่อเอาชีวิตรอด
สุสานกำลังจะถล่มลงมา พวกตระกูลไป๋เซี่ยงที่ตามมา ตอนนี้สะลัดทิ้งเรื่องตามเจียงหลีเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน
“อ้ากกก!”
“อ้ากๆๆๆ”
เสียงกรีดร้องดังลอดออกมาจากสุสานที่กำลังถล่มไม่หยุดหย่อน
เกรงว่าจะมีคนในตระกูลไป่เซี่ยงถูกฝังร่างไปพร้อมกับสุสานโบราณไม่น้อย
“สุสานโบราณนี้ใหญ่มาก ทางเข้าออกก็มีมากมาย ตอนนี้เราไม่รู้ว่าทางเข้าออกใดถูกปิดผนึกไปแล้วบ้าง” ท่ามกลางการหลบหนี เหวินเหรินชิ่งชิ่งกล่าวขณะที่หลบหลีกหินที่ตกลงมา
หลังจากสิ้นคำพูดของนาง จู่ๆ เจียงหลีก็หยุดฝีเท้าแล้วเงยหน้ามองข้างบนสุสาน
“มีอะไรหรือ รีบไปสิ” ลู่เสวียนเร่งเร้า
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเงยหน้ามองข้างบนของสุสานตามนาง แต่ก็ไม่เห็นมีเบาะแสอะไร
“พวกเขาอยู่ไหน” เวลานี้ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง
ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งหันหลังกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นพวกตระกูลไป๋เซี่ยงไล่ตามพวกเขามานางนี้อย่างไม่ลดละ
เพียงแต่สุสานที่กำลังถล่มทำให้พวกเขาล่าช้าลง
“รีบไป! พวกมันตามมาทันแล้ว” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยอย่างรีบร้อน
หากถูกคนในตระกูลไป๋เซี่ยงตามทัน ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องเปิดศึกสงครามหรอก แต่เกรงว่าพวกเขาอาจจะตายในที่แห่งนี้ก็ได้
“รอเดี๋ยว!” ตอนนี้เจียงหลีกลับเอ่ยรั้งทั้งสองที่กำลังร้อนรน
นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่งามจองไปที่ยอดด้านบนของสุสานที่กำลังถล่มลง เมื่อแสงที่ลอดออกมาจากรอยแตกร้าว ดวงตาของเจียงหลีเปล่งประกาย นางจึงยกมือขึ้นไปโจมตีบนยอดสุสาน
พลังวิญญาณโจมตีไปที่ยอดบนสุสาน เมื่อสองแรงรวมกันจึงทำให้ยอดสุสานที่ถูกโจมตีเกิดโพรงขนาดใหญ่
เมื่อโพรงถ้ำนี้ปรากฏ แสงด้านนอกก็ส่องผ่านเข้ามา
“เดินออกจากที่นี่” เจียงหลีเอ่ยขึ้น จากนั้นจึงพุ่งทะยานออกจากปากถ้ำแล้วหายไปต่อหน้าต่อตา
ลู่เสวียนตามไปเป็นคนที่สอง เหวินเหรินชิ่งชิ่งรีบตามไปติดๆ เงาร่างทั้งสามพุ่งออกไปยังนอกถ้ำ ปรากฏเสียงดัง ชิ้งๆๆ
พวกตระกูลไป่เซี่ยงที่ตามมาเห็นฉากนี้ก็เกิดแรงจูงใจเช่นกัน
พวกเขาค่อยๆ ทุบยอดสุสาน หลังจากทุบยอดสุสานจนแตกก็หนีออกมาจากสุสานที่พังทลายผ่านช่องว่าง
…
ท้องฟ้าด้านนอกสดใส
นี่ก็ไม่รู้ว่าเข้ามาในสุสานโบราณได้กี่วันมาแล้ว แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือเวลาฝึกประสบการณ์ยังไม่สิ้นสุด
ทั้งสามตกลงมายังดินโคลน นี่ไม่ใช่สถานที่พวกเขาเข้าไป
พื้นดินยังคงสั่นสะเทือน ราวกับภูเขาลูกนี้กำลังคำราม
เจียงหลีหันมองกลับไปก็เห็นฉากภูเขาถล่มลงมา
“ไป!” ยังไม่ทันได้หยุดพัก เจียงหลีก็เอ่ยขึ้นกับลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง
ทั้งสามรีบลงมา พวกตระกูลไป๋เซี่ยงที่หนีออกมาจากสุสานโบราณตามหลังพวกเขามา พวกเขาก็ไม่มีเวลาไปใส่ใจ
ใครก็มิอาจล่วงรู้ การถล่มของสุสานจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของภูเขาทั้งลูกหรือไม่ ออกไปให้ไกลจากที่นี้ถึงจะรู้
แต่ทว่า ทั้งสามพึ่งวิ่งไปไม่เท่าไหร่ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรีบเข้ามาหา
“ตระกูลไป๋เซี่ยง!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
เครื่องแต่งกายของพวกเขาบ่งบอกถึงสถานะได้อย่างดีเยี่ยม
ในเป่ยโหรว ตระกูลใหญ่ๆ มักจะมีเครื่องแต่งกายของตัวเองที่เหมือนกัน ในฐานะที่เหวินเหรินชิ่งชิ่งเป็นองค์หญิงเป่ยโหรวรู้สึกคุ้นเคยเครื่องแต่งกายของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งเช่นตระกูลไป๋เซี่ยงเป็นอย่างดี
ดูท่าทางคนในตระกูลไป๋เซี่ยงที่ควรเฝ้าอยู่ด้านนอกจะถูกดึงดูดจากความเคลื่อนไหวของสุสานถล่มจึงรีบตามมา
ฝีเท้าของทั้งสามคนช้าลงเพื่อเผชิญกับตระกูลไป๋เซี่ยง ในระยะทางสั้นๆ ตระกูลไป๋เซี่ยงก็ต้องได้เห็นพวกเขาเช่นกัน หากหันหลังหนีก็จะมีความผิดฐานขโมยชัดเจนใช่หรือไม่
นำโดยเจียงหลีที่เห็นชัดเจนว่าเป็นพวกไป๋เซี่ยงเลี่ยที่เจียงหลีเคยเจอในอาณาเขตหลิงอู่
“ที่แท้ก็เป็นองค์หญิงและหยวนหวังนี่เอง”
หลังจากทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน ไป๋เซี่ยงเลี่ยจึงจับมือเหวินเหรินชิ่งชิ่งแสดงเคารพ
“เลี่ยฉางเหล่า” เหวินเหรินชิ่งชิ่งรู้จักเขาเช่นกันและทักทายกลับตามารยาท
ไป๋เซี่ยงเลี่ยกวาดสายตามองทั้งสามคน เขาเผยรอยยิ้มและเอ่ยถาม “ทั้งสามท่านพึ่งออกมาจากสุสานโบราณหรือ ไม่ทราบว่าข้างในสุสานเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ สุสานถึงได้ถล่มลงมาพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกข้าก็ไม่รู้เช่นกัน จู่ๆ มันก็ถล่มลงมา พวกข้าก็พึ่งหนีออกมาได้” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยตอบ
“อ๋อ” ดวงตาไป๋เซี่ยงเลี่ยเป็นประกายวูบไหว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ แต่กลับยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้แล้วถามต่อ “เช่นนั้นแล้วคนในตระกูลไป๋เซี่ยงของกระหม่อมล่ะพ่ะย่ะค่ะ มิทราบว่าตอนองค์หญิงเสด็จออกจากสุสานได้เจอพวกเขาหรือไม่ แล้วพวกเขาปลอดภัยดีไหมพ่ะย่ะค่ะ”
คนที่เขาถามคือเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แน่นอนว่าลู่เสวียนและเจียงหลีไม่อาจตอบแทนนางได้
นับว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งสงบนิ่งนัก นางไม่ได้พูดเรื่องก่อนที่สุสานจะถล่มลงมา นางเพียงตอบคำถามเขาไปเท่านั้น “ข้าไม่แน่ใจเท่าไหร่ ตอนที่สุสานโบราณเกิดความโกลาหล ทุกคนต่างหนีเอาชีวิตรอด ข้าก็ไม่ทันได้สังเกตพวกเขา หากเลี่ยฉางเหล่าเป็นห่วงก็รีบตามเข้าไปดูเองดีกว่า”
“เหอะๆ…” ไป๋เซี่ยงเลี่ยหัวเราะ
ทันใดนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังของพวกเจียงหลี และมีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่ารีบร้อน “เลี่ยฉางเหล่า ขวางแม่นางน้อยนั่นเอาไว้!”
เจียงหลีไม่หันกลับไปมอง เพียงแต่ขมวดคิ้วเบาๆ เหวินเหรินชิ่งชิ่งเองก็มีสีหน้าเย็นชา แววตาลุกลี้ลุกลน ลู่เสวียนขยับเข้าใกล้เจียงหลีแล้วพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ “หาทางเผ่นเร็ว!”
ไป๋เซี่ยงเลี่ยเก็บรอยยิ้มเมื่อได้ยินประโยคนี้ ด้านหลังของเขา มัคนายกหลายคนจากตระกูลไป๋เซี่ยงวิ่งไปช่วยประคองลูกศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือล้อมรอบทั้งสามอย่างแผ่วเบาอย่างเหลือร่องรอย
“เลี่ยฉางเหล่า นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเสียงเย็น
ไป๋เซี่ยงเลี่ยเอ่ยตอบ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในเมื่อพวกเขาพูดแล้วก็น่าจะมีเหตุผล”
“เลี่ยฉางเหล่า เป็นนาง ต้องเป็นนางที่แตะต้องของบางอย่างในสุสานโบราณแน่ถึงทำให้สุสานถล่ม ทำร้ายจนพวกเราต้องฝังร่างในสุสานหลายคน” ชายที่เอ่ยปากพูดก่อนหน้านี้วิ่งเข้ามาด้วยสภาพน่าสมเพช เขายืนข้างไป๋เซี่ยงเลี่ยแล้วชี้นิ้วมาทางเจียงหลี
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เจียงหลีอดมองด้วยสายตาประชดไม่ได้
สายตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยจดจ้องไปที่กระเป๋าของนาง กระเป๋าตุงนั้นช่างดึงดูดความสนใจ เขาเอ่ยขึ้น “แม่นาง เจ้าได้อะไรมาจากในสุสาน เอาออกมาสิ”