บทที่ 168 อัศวิน A ไม่ใช่แค่คนเดียว

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 168 อัศวิน A ไม่ใช่แค่คนเดียว

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน หญิงผิวขาวก็ลืมตาขึ้น ดูเหมือนจะพูดเสียงกระซิบอะไรบางอย่าง

หลังจากที่เธอพูดจบ ชายผิวขาวสองคนที่อยู่ข้างๆ ได้ฟังแล้ว ชายวัยกลางคนที่มีอายุค่อนข้างมากกว่าก็มีสีหน้าดุดันก่อน หลังจากนั้นก็มีท่าทางโล่งใจมาก

หลังจากนั้นเขาก็พูดสองสามคำกับชายหนุ่มผิวขาวที่อายุน้อยกว่า ต่อมาทั้งสองก็เริ่มทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนผู้หญิงคนนั้นเข้ามาแทรก พวกเขาถึงค่อยหยุดทะเลาะกัน

แม้ว่าชายผิวขาวสองคนจะโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา

หลังจากนั้นไม่นาน คนกลุ่มนี้ก็ออกจากหน้าผาไปเงียบๆ ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยมาที่นี่

เพียงแต่หลังจากที่พวกเขาจากไป กลุ่มควันสีเขียวก็เริ่มปรากฏขึ้นตรงที่พวกเขาเคยยืนอยู่แล้วแผ่ไปถึงก้นหุบเขา ในไม่ช้ามันก็หลอมรวมกับอากาศ ไร้กลิ่น เสียงและสี

เจ้าสำนักหม่ากำลังนั่งอยู่ตรงที่นั่งประธาน เบื่อที่จะฟังอัศวิน A คุยโตโอ้อวดเต็มทน

ในเวลานี้ท่ามกลางสมุนไพรจีนที่มีลำต้นสีเขียวเหง้าใสและดอกไม้เจ็ดสีที่ผลิบานระหว่างใบ เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ทุกท่าน ต้นนี้คือสมุนไพรที่เรียกว่า QiXX สีม่วง มันไม่ใช่ยาธรรมดาและได้ผลดีเยี่ยม ทั้งบรรเทาอาการไอและบรรเทาอาการหอบหืด…”

คนอื่นๆ ไม่เหมือนเจ้าสำนักหม่าที่รู้สึกเบื่อหน่าย พวกเขาต่างตั้งใจฟัง หลังจากฟังอัศวิน A บรรยายสรรพคุณก็มีผู้ซื้อจำนวนมากที่พร้อมจะสั่งซื้อ

ตอนนี้พิธีเก็บเกี่ยวสมุนไพรได้เข้าสู่หัวข้อหลักแล้ว นั่นคือหัวข้อการประเมินวัตถุดิบยา

ในเวลานี้พนักงานสาวสวยกำลังเก็บสมุนไพรสดใหม่ใส่ตะกร้า

เวทีหินสีเทอร์คอยส์ตรงกลางของสถานที่จัดงานตกแต่งใหม่เรียบร้อยแล้ว วางโต๊ะไม้จันทน์ยาวหนึ่งตัวและด้านหลังโต๊ะวางเก้าอี้ไม้โบราณเรียงเป็นแถว

ตอนนี้อัศวิน A เจ้าสำนักหม่าและแพทย์ที่มีชื่อเสียงอีกหลายคน ซึ่งฉีเยียนก็อยู่ในรายชื่อเช่นกัน เธอเป็นผู้หญิงและอายุน้อยที่สุด บรรดาผู้ชมทั้งคนมีชื่อเสียงและเศรษฐีเกือบพันคนทว่าไม่มีใครรู้สึกไม่พอใจ เห็นได้ว่าชื่อเสียงของเธอได้แพร่กระจายไปทั่วในแวดวงนี้แล้ว

ตอนนี้พวกเขาคือผู้ตัดสิน วัตถุดิบยาที่ส่งขึ้นเวทีให้พวกเขาแสดงความคิดเห็นทีละรายการและอธิบายผลการรักษาและผลข้างเคียง

แน่นอนว่ากรรมการที่ทุกคนยอมรับมากที่สุดก็คืออัศวิน A ในเมื่อชาติกำเนิดที่แท้จริงของอัศวิน A สูงเหลือเกิน เขาเหมือนกับทวยเทพ เขาพูดอะไร คนอื่นก็คล้อยตาม เขาพูดข้อดีประโยคเดียว ขณะที่คนอื่นต้องอธิบายข้อดีหลายประโยค

เจ้าสำนักหม่ากับคนข้างๆ ต่างออกไป วัดจื่อซานของเขายังคงเป็นหน่วยงานที่ร่วมมือกับสำนักงานสัจธรรม แม้ว่าเรตติ้งของหน่วยจะไม่สูงเท่ากับ ‘Anshi Capability Co., Ltd.’ ของอัศวิน A ก็ตาม ถึงกับไม่รู้ด้วยซ้ำเพราะเหตุใดช่วงนี้เรตติ้งจึงถูกปรับลดลงอย่างประหลาด แต่ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะซื้อวัตถุดิบยาพลังชีวิตทั่วไปจากตลาดภายในได้

เขาได้เห็นยารักษาโรคที่ผลิตโดยสำนักงานสัจธรรมมาก่อนแล้ว ย่อมดูแคลนวัตถุดิบยาที่ผลิตจากหุบเขาลึกลับแห่งนี้

เขาย่อมมองออกว่าสมุนไพรนี้ดีแค่ไหน แม้ว่าอัศวิน A จะพูดเกินจริงในบางครั้ง แต่ก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องโกหกซะทีเดียว

ในเมื่อผลการรักษาของวัตถุดิบยาที่ผลิตที่นี่ดีกว่าวัตถุดิบยาทั่วไปสิบเท่าขึ้นไป เพียงแต่แตกต่างจากวัตถุดิบยาที่ขายภายในสำนักงานสัจธรรมสิบเท่าขึ้นไปเช่นกัน

แต่จุดประสงค์ของการมาที่นี่ของเขาคือคบหากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและมหาเศรษฐี เพิ่มเส้นสายและดึงดูดผู้ศรัทธาที่เป็นชนชั้นสูง ถือโอกาสหาผู้สนับสนุน เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา เขายังคงเป็นหนี้บุญคุณอัศวิน A ไม่มีทางขัดแย้งและปะทะกับอีกฝ่ายโดยไม่จำเป็น จึงปล่อยให้คนอื่นดูอย่างสนุกสนานต่อไป

เมื่อถึงตาของเขาก็พยักหน้ายิ้มแย้ม เพียงบอกว่าท่านมังกรแห่งจิตวิญญาณมีความรู้กว้างขวาง ทั้งความคิดเห็นก็ไม่เลวเลย นักพรตเฒ่าอย่างเขาดวงตาฝ้าฟาง คงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมได้อีก

หลังจากผ่านไปสิบกว่ารอบ ทุกคนก็เริ่มหยุดพัก

ระบบพูดกับฟางหนิง “เจ้าสำนักหม่าผู้นั้นใช้ได้เลย บางจุดฉันพูดเกินจริงมากไปหน่อย ฉันคิดว่าเขาจะท้วงติง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่พูดอะไรสักคำ”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ตาเฒ่าหม่ามีประสบการณ์มากชาญฉลาด แกคิดว่าเขาจะเป็นคนไม่ใช้สมองอย่างแกหรือไง ถ้าเขาทำให้เราขุ่นเคืองก็จะเสียผลประโยชน์ เพราะงั้นเขาถึงไม่ทำอย่างนั้น”

ขณะที่ทั้งสองคุยกันอยู่นั้นก็เห็นเจ้าสำนักหม่าที่กำลังพูดคุยกับกรรมการข้างๆ หน้าเปลี่ยนสี จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นรีบเดินไปหาตาอ้วนหลิวที่เป็นพิธีกร ดูเหมือนเขาจะกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง

ฟางหนิงอาศัยการได้ยินของระบบ เวลานี้เขาได้ยินชัดเจน เจ้าสำนักหม่ากำลังพูดว่า “ประธานหลิว เกิดเหตุขึ้น รีบจัดการอพยพทุกคนทันที ดูเหมือนว่ามีคนวางยาพิษ ตอนนี้พิษในอากาศยังไม่รุนแรง เรายังอพยพคนได้ทัน”

ระบบ “จะมีพิษได้ยังไงกัน ฉันเพิ่งชมเขาไม่ขัดขวางพวกเราไปหยกๆ เขาคิดจะทำอะไรน่ะ”

ฟางหนิงนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ก็ตกใจ “เขาบอกว่ามีคนวางยาพิษ สถานะอย่างเขาไม่มีทางโกหกโดยไม่มีเหตุผล ทำไมแกไม่แจ้งเตือนล่วงหน้าล่ะ”

ระบบ “ฉันไม่รู้สึกถึงอันตรายอะไรเลย จะให้เตือนอะไรเล่า”

ฟางหนิงรู้สึกงงงวยอยู่พักหนึ่ง แต่ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจ “บ้าจริง แกมีไข่มุกยับยั้งพิษ ถึงได้ไม่รู้สึกถึงอันตราย เจ้าสำนักหม่าเป็นยอดฝีมือระดับบ่อน้ำเหมือนแก ไม่แปลกที่เขาจะรับรู้ได้”

ฟางหนิงพูดถึงตรงนี้ก็โกรธจัด

ที่นี่มีหลายคนที่เขารู้จักและสนิทสนมด้วย ทั้งประธานจ้าว ตาอ้วนหลิวและสมาชิกหอการค้าบางคน แถมเป็นคนที่สถานะฟางหนิงตัวจริงรู้จัก

เดิมทีเขาคิดว่าเป้าหมายของคู่ต่อสู้คืออัศวิน A หรือลอบโจมตีหรืออะไรสักอย่าง แต่ใครจะรู้ว่าคู่ต่อสู้จะใช้วิธีการสร้างความเสียหายตามอำเภอใจโดยการวางยาพิษแบบนี้!

เจตนาของคนที่วางยาพิษนี้ร้ายกาจพอๆ กับปีศาจแมลงตัวนั้น พวกมันไม่แยแสชีวิตผู้บริสุทธิ์จะยกโทษให้ไม่ได้เด็ดขาด

ถ้าครั้งนี้เจ้าสำนักหม่าไม่อยู่ล่ะก็ เกรงว่าทั้งตัวเขาและระบบคงจะต้องรอจนมีคนถูกพิษตายก่อนถึงจะรู้ว่ามีคนวางยาพิษ!

ฟางหนิงระงับความโกรธของเขาและถามระบบว่า “ตอนนี้แกมีทางแก้ไขหรือเปล่า”

ระบบ “ไม่ยากหรอก หลังจากที่ฉันใช้ทักษะ ‘การถอนพิษ’ ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์ก็จะขจัดพิษได้หมด”

ฟางหนิงถึงค่อยโล่งใจ เขาร้อนใจจนลืมไปว่าอุปกรณ์ในตำนานอย่าง ‘ไข่มุกยับยั้งพิษ’ ก็มีทักษะการใช้งาน ‘การถอนพิษ’ ด้วย

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินข้อความแจ้งเตือนของระบบ (ระบบใช้อุปกรณ์ในตำนาน ‘ไข่มุกยับยั้งพิษ’ เพื่อเปิดใช้งานทักษะ “การถอนพิษ” และพิษที่แทรกซึมอยู่ในอากาศสลายไปแล้ว)

เมื่อตาอ้วนหลิวได้ยินคำเตือนของเจ้าสำนักหม่า เขาไม่ได้จัดการอพยพคนในงานทันที แต่กลับไปหาอัศวิน A โดยเร็วที่สุด

อัศวิน A โบกมือ “ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว มีคนร้ายวางยาพิษจริง แต่ข้าใช้พลังกำจัดพิษแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกไป”

ตาอ้วนหลิวค่อยผ่อนคลายลงแล้วมองไปที่เจ้าสำนักหม่า

ในตอนแรกเจ้าสำนักหม่าขมวดคิ้วรู้สึกอย่างระมัดระวัง จากนั้นใบหน้าของเขาก็ผ่อนคลายมากขึ้น ท่าทางชื่นชมมาก “ท่านอัศวินเป็นมังกรแท้ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดได้ พิษร้ายอย่างนี้ก็แก้ไขได้ในพริบตาเดียว มีมังกรแท้อยู่ที่นี่แล้ว นักพรตกระต่ายตื่นตูมเกินไป”

ระบบ “เขาพูดว่าเราปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้ ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นคำพูดที่ดีนะ”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “อย่ามัวแต่คิดเล็กคิดน้อย แกเอาร่างมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะขอบคุณเขาให้เอง”

หลังจากที่ฟางหนิงสลับร่าง เขาก็เอ่ยขอบคุณเจ้าสำนักหม่า “ข้าไม่ไวต่อพิษในโลกมนุษย์ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้าสำนักหม่าที่เตือนล่วงหน้า ถึงได้หลีกเลี่ยงหายนะใหญ่ ท่านประธานหลิว หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแล้ว เราคงต้องตอบแทนเจ้าสำนักหม่าเป็นการใหญ่เสียแล้ว ท่านช่างมีเมตตา”

เจ้าสำนักหม่าเดิมรู้สึกขุ่นเคืองที่ประธานหลิวไม่ไว้วางใจตนเอง แต่เมื่อเห็นความจริงใจในคำพูดของท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณ อารมณ์ขุ่นเคืองก็หายไปทันที

เขายิ้มบาง “ที่ไหนกันๆ นักพรตออกบวชมีเมตตาธรรม นี่เป็นเรื่องที่ควรกระทำ ไม่คู่ควรกับคำชมจากท่านมังกรแท้”

ฟางหนิง “คนชั่วอาจยังคงซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ ฉันขอให้หม่าเต้าฉางอยู่ที่นี่ช่วยข้าดูแลคนธรรมดา ส่วนข้าจะไปตรวจตรารอบๆ”

หม่าเต้าฉางผู้มีหนวดเครายาวเฟื้อย หัวเราะ‘เหอะๆ’ “เชิญท่านอัศวินไปตามล่าคนชั่วเต็มที่ มีนักพรตอยู่ที่นี่ ทุกคนจะปลอดภัยแน่นอน”

เขาคิดในใจอย่างนี้ ทำความดีแล้ว ชื่อเสียงก็ได้รับแล้ว และตัวเองก็ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงสูงสุด การเดินทางมาครั้งนี้ไม่สูญเปล่าจริงๆ ดูแล้วต่อไปต้องคบหากับท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณท่านนี้ให้มากขึ้นหน่อยแล้ว

ฟางหนิงพูดกับระบบ “เมื่อครู่ต้องไม่มีสีแดงบนแผนที่ระบบแน่ๆ ไม่อย่างนั้นแกคงค้นพบนานแล้ว ดูท่าคนกลุ่มนั้นเหมือนบรรพบุรุษตระกูลไป๋ คงมีวิธีการพรางตัวบางอย่าง แกต้องไปหาดูรอบๆ”

ระบบ “ไม่จำเป็นต้องให้คุณบอกหรอก แต่กลยุทธ์แสร้งทำเป็นอ่อนแอหลอกล่อศัตรูออกมาของคุณดูเหมือนจะประสบความสำเร็จจริงๆ นึกไม่ถึงคนพวกนี้จะทยอยมาหาเรื่องต่อหน้าพวกเราเรื่อยๆ”

ฟางหนิง “อาจจะใช่ก็ได้ แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนกับว่าพวกนั้นพยายามใช้พิษเพื่อล่อเราออกไป โหดเหี้ยมจริงๆ พวกเขากำลังเตือนเราว่าถ้าเราไม่ออกมา คนธรรมดาจะต้องทรมาน ถ้าเราเรียกนักพรตหม่าไปด้วยจะไม่มีใครปกป้องคุ้มครองคนธรรมดา ถือเป็นการบังคับให้เราต้องออกไปสู้ตัวต่อตัว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะศึกษาอัศวิน A อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว แต่พวกเขาคงไม่ทันคิดว่าอัศวิน A ไม่ใช่แค่คนเดียว”

ระบบ “ถูกต้อง เพราะเดิมทีฉันไม่ใช่มนุษย์”

ฟางหนิง “…”

……………………………………………….