ตอนที่ 474 ไข่สีดำฟักออกมาเป็นตัวอะไร

พันธกานต์ปราณอัคคี

มั่วชิงเฉินร่อนลงบนชายฝั่งช้าๆ ร่างกายสั่นไหว

 

 

“อาจารย์” ตู้รั่วเดินเข้ามา มือใหญ่แข็งแกร่งประคองแขนนางไว้

 

 

มั่วชิงเฉินหันไป ริมฝีปากที่เคยเป็นสีแดงสดซีดลงจนแทบไม่เหลือสี เสียงอ่อนแรง “ไม่เป็นไร พวกเรากลับกันเถอะ”

 

 

ไหมเกล็ดหิมะกลายเป็นลำแสง นำพาทั้งสองคนกลับไปยังป่าดอกสาลี่ด้วยความเร็ว

 

 

คนในป่าดอกสาลี่ สีหน้าสดใส

 

 

มั่วชิงเฉิดปรายตามองเล็กน้อยแล้วรีบเดินเข้าไปในเรือน

 

 

หลังเข้ามาในห้อง ลำคอก็สะกดกลั้นความคาวไว้ไม่ไหว นางกระอักโลหิตออกมา

 

 

ความอึดอัดจากช่องอกที่กระอักออกมาเป็นเลือดสีขุ่น ทำให้รู้สึกเป็นผ่อนคลายขึ้น มั่วชิงเฉินแบมือออก มองไปยังมุกรวมวิญญาณ และพลิกมือเก็บมันไว้

 

 

เพลงยุทธ์คลื่นมรกตเทใจนั้นเปลืองพลังวิญญาณทั่วทั้งร่างไปมาก โชคดีที่มีมุกรวมวิญญาณประคับประคอง ถึงได้ไม่เสียหน้าให้แก่ประมุขตระกูลอู๋

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์ผู้นั้น นางไม่ได้กลัวของวิเศษของเขา และก็ไม่ได้กลัวการต่อสู้กับเขา เพียงแต่ความแตกต่างกันของระดับพลังวิญญาณทำให้นางคิดไม่ตก

 

 

โชคดีที่คลื่นมรกตเทใจมีอานุภาพสูง ถ้าหากว่าใช้สุดกำลังคงจะกำจัดผู้บำเพ็ญเพียรระดับขั้นเหนือกว่าเล็กน้อยได้ เพียงแต่ถึงจะเป็นคนต่างเมือง แต่หากว่าไม่ยั้งมือเอาไว้ก็คงจะเป็นการผูกเงื่อนแค้น

 

 

เหลือทางออกไว้ให้ตัวเองอย่างนี้ ทำให้คนตระกูลอู๋กลัวจนหนีไปเช่นนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้

 

 

ปัดเรื่องเหล่านี้ทิ้ง มั่วชิงเฉินเริ่มนั่งสมาธิฟื้นฟูพลังวิญญาณ

 

 

หลังผ่านการต่อสู้อันแสนดุเดือดจนพลังวิญญาณหมด เพียงนั่งสมาธิพลังวิญญาณก็เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นผลพลอยได้

 

 

มั่วชิงเฉินรู้ว่าการต่อสู้กับประมุขตระกูลอู๋ครั้งนั้น จะต้องได้รับความสนใจจากคนจำนวนมากแน่ แต่ที่เหนือการคาดหมายคือหลังจากนั้นกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

คิดอีกทีก็เข้าใจได้อย่างชัดเจน ผู้บำเพ็ญระดับต่ำที่สนใจการปะทะครั้งนั้นรู้ตัวเองดีจึงไม่กล้าหาเหาใส่หัว และถึงแม้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดจะสนใจมาก แต่ก็ไม่เป็นฝ่ายรุกเข้ามาถามเหตุผลจากผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณแน่

 

 

บาดแผลของพี่ชายพานเถาค่อยๆ ดีขึ้น ผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลอู๋ทั้งสองคน หลังผ่านเหตุการณ์ที่อาวุโสและประมุขตระกูลตกอยู่ในมือมั่วชิงเฉิน ก็กลายเป็นคนซื่อสัตย์และตั้งใจเป็นคู่ซ้อมมากยิ่งขึ้น

 

 

มั่วชิงเฉินนั่งลงบนบันไดอย่างสบายๆ มองดูตู้รั่วและอู๋ห้าที่สู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทักษะดีขึ้นกว่าเดิมมาก นางแอบพยักหน้ากับตัวเองลับๆ

 

 

ตอนนั้นเองสองพี่น้องตระกูลพานก็เดินเข้ามาหา

 

 

“ผู้อาวุโส” สองพี่น้องทำความเคารพพร้อมกัน

 

 

มั่วชิงเฉินเงยมองพลางยิ้ม “มีอะไรหรือ”

 

 

หลายวันมานี้ นางทราบมาว่าสองพี่น้องตระกูลพานนี้เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน นี่ทำให้นางนึกถึงเหลียงเฉินเหมยจิ่งสาวใช้ของตนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

 

 

ไม่รู้ว่าพี่น้องคู่นั้นจะเป็นอย่างไร เหลียงเฉินจะโชคดีรอดชีวิตจากคลื่นอสูรหรือไม่ เหมยจิ่งที่อยู่ในสำนัก จะสามารถแก้ไขปมในใจแล้วสร้างรากฐานได้อย่างราบรื่นได้หรือไม่

 

 

ความงามของสตรีย่อมต้องมีวันร่วงโรย หากว่าเหมยจิ่งนั้นยังมิได้สร้างรากฐาน บัดนี้คงแก่ชราเป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้ว

 

 

หนทางแห่งเซียนไร้ซึ่งความปรานี พูดง่ายๆ ก็คือ คนที่เดินบนเส้นทางนี้จำนวนมาก ถ้าหากว่าตามไม่ทัน ก็นับว่าท่านก็ไม่ได้อยู่บนเส้นทางสายนี้ ใครก็มิอาจช่วยได้

 

 

คิดได้เช่นนี้ ความรู้สึกของมั่วชิงเฉินที่อยากกลับไปยังเทียนหยวนก็ยิงทวีความรุนแรงขึ้น ที่นั่นมีคนที่นางโหยหาอยู่มาก

 

 

พี่สิบที่กลายเป็นมารบำเพ็ญเพียร พี่เก้าผู้ไม่เห็นใครในสายตา สองพี่น้องชิงเกอกับหลีลั่วที่เข้าอกเข้าใจกัน หลัวเตี๋ยจวินสหายรัก หลัวอวี้เฉิงผู้จืดชืดเหมือนสายน้ำ อาจารย์ลุงจื่อซีผู้เป็นทั้งสหายและอาจารย์ ยังมี…อาจารย์

 

 

ใช่แล้ว อาจารย์ ชิงเฉินออกจากเขาใกล้จะสี่สิบปีแล้ว ท่านสบายดีหรือไม่

 

 

คิดถึงเสื้อคลุมสีเทาของท่าน ท่าทางใจดียามดื่มสุรา คิดถึงจอนสองข้างสีขาวโพลน ท่าทีสบายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่นางสั่งสอนตู้รั่ว คิดถึงทุกวันที่เขาสั่งสอนนาง คิดถึงรอยยิ้มบางๆ จากริมฝีปากคู่นั้น เป็นเพราะความก้าวหน้าทุกครั้งของตนเองหรือไม่ นางถึงได้มีสภาพจิตใจเช่นนี้

 

 

“ผู้อาวุโส…” เห็นมั่วชิงเฉินเหม่อลอย ตกอยู่ในอนัตตา พานเถาจึงเรียกเสียงเบา

 

 

พานเหยียนดึงแขนเสื้อพานเถาไว้อย่างแรง

 

 

พานเถาที่กระแสจิตเชื่อมกับพี่ชาย รู้ว่าพี่ชายกำลังตำหนิตนเองที่ใจกล้าบ้าบิ่น แต่ก็แลบลิ้นด้วยท่าทางดื้อรั้นอันยากจะเห็น

 

 

พานเหยียนหัวเราะออกมาอย่างจนปัญญา

 

 

มั่วชิงเฉินจิตใจกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว นางพูดยิ้มๆ “พวกเจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าหรือ”

 

 

พานเหยียนทำความเคารพอย่างหนักแน่น “ข้าน้อยมาแสดงความขอบคุณต่อผู้อาวุโส หลายวันมานี้โชคดีที่ผู้อาวุโสให้ที่อยู่อาศัย ข้าน้อยถึงรักษาแผลได้เร็วเช่นนี้ และยังหลบหนีจากการตามล่าของตระกูลอู๋ได้”

 

 

มั่วชิงเฉินทำเพียงแค่ยิ้มและน้อมรับคำขอบคุณเอาไว้ รู้ว่าต่อจากนี้พวกเขายังมีสิ่งที่ต้องพูดอีก

 

 

เป็นไปตามที่คิดไว้ นางได้ยินเสียงพานเถาพูด “ผู้อาวุโส พวกเราพี่น้องมารบกวนหลายวัน จนวันนี้บาดแผลของพี่ชายรักษาหายแล้ว วันนี้คงต้องอำลาผู้อาวุโสเสียแล้ว”

 

 

มั่วชิงเฉินพยักหน้า “ประมุขตระกูลอู๋เพิ่งจะแพ้ข้าไป ช่วงเวลานี้เขาคงไม่ทำให้พวกเจ้าลำบาก รีบไปก็ดี เดินทางปลอดภัย”

 

 

“ขอบคุณผู้อาวุโส บุญคุณนี้พวกเราจะไม่ลืม” พี่น้องตระกูลพานคุกเข่าคำนับ

 

 

มั่วชิงฉินยื่นมือออกมา ช่วยประคองพวกเขาขึ้นมา นางพูดเสียงเรียบ “พอแล้ว ไม่ต้องมากพิธี พวกเจ้าไปเถอะ”

 

 

สองพี่น้องลุกขึ้นยืน มือของแต่ละคนถือของสิ่งหนึ่งอยู่ พานเถาพูด “ผู้อาวุโส นี่คือของแทนน้ำใจเล็กน้อยของพวกเราสองคนพี่น้อง หากท่านไม่ต้องการก็มอบเป็นรางวัลให้อนุชนเถิด”

 

 

มั่วชิงเฉินกวาดตามอง เห็นเพียงค่ายกลห่วงห้าธาตุประสานอันละเอียดอ่อนชุดหนึ่งในมือของพานเถา ในมือของพานเหยียนคือเกราะป้องกันหน้าอกขนาดประมาณฝ่ามือ

 

 

“ขอบคุณพวกเจ้ามาก” มั่วชิงเฉินยื่นมือมารับ พลิกมือหนึ่งครั้งก็มีถุงเล็กๆ ส่งออกไป “ในนี้มีระเบิดสะท้านฟ้าหลายลูก พวกเจ้าเอาไว้ป้องกันตัวเถิด”

 

 

“ผู้อาวุโส นี่มัน…” พานเหยียนกำลังจะปฏิเสธ พานเถากวาดตามองเขาหนึ่งครั้ง สองมือรีบรับมาและพูดเสียงดังว่า “ผู้อาวุโสมอบของให้ไม่ควรปฏิเสธ ขอบพระคุณผู้อาวุโส”

 

 

มั่วชิงเฉินอมยิ้ม นางชอบนิสัยตรงไปตรงมาของเด็กสาวคนนี้

 

 

มองพี่น้องตระกูลพานหายลับเข้าไปในป่าดอกสาลี่ มั่วชิงเฉินใช้จิตสัมผัสตรวจสอบสิ่งของที่พวกเขาทิ้งไว้ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา พี่น้องคู่นั้น ช่างมีพรสวรรค์จริงๆ

 

 

ดูจากค่ายกลห่วงห้าธาตุประสานมราเหมือนจะธรรมดา พี่น้องคู่นี้ใช้วิชาสร้างค่ายกลของผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานได้ตั้งแต่ระดับหลอมลมปราณ

 

 

ส่วนเกราะป้องกันหน้าอกชิ้นนั้นช่างน่าสนใจจริงๆ เป็นสิ่งของที่พกติดตัวได้ตั้งแต่ระดับหลอมลมปราณ และยังมีของวิเศษที่แอบติดตัวไว้อีก เทียบกับเครื่องป้องกันธรรมดาๆ นั้นเหนือชั้นกว่าตั้งไม่รู้เท่าไหร่

 

 

หึๆ ว่าไปแล้ว หนึ่งค่ายกลหนึ่งเครื่องป้องกัน ดูเหมือนว่าจะจงใจเตรียมไว้ให้ตู้รั่วสินะ

 

 

“ตู้รั่ว เจ้ามานี่”

 

 

ตู้รั่วที่กำลังจะเข้าไปจัดการกับอู๋ห้าพลันถอนตัวและถอยออกมาทันที รีบไปยังมั่วชิงเฉิน

 

 

เขายังจำได้จนวันนี้ว่ามีครั้งหนึ่งอาจารย์เรียกเขา แต่เพราะกำลังต่อสู้อยู่ในช่วงเวลาสำคัญจึงไปช้า แล้วอาจารย์จัดการเขาแบบไหน

 

 

นั่นคือโยนเขาลงไปในแม่น้ำ ให้อสูรปีศาจนามว่าปลาจูบจำนวนนับไม่ถ้วนมาจูบเขาถึงสามวันสามคืน

 

 

ตั้งแต่นั้นมาเด็กหนุ่มถูกเรียกเมื่อไหร่ก็ไปเมื่อนั้น ไม่กล้าลืมบทเรียนครั้งนั้น

 

 

“อาจารย์ เรียกศิษย์มามีอะไรหรือ”

 

 

มั่วชิงเฉินยื่นมือออกไปส่งของให้

 

 

ตู้รั่วรับไว้ในทันที มองสิ่งของในมืออย่างสองจิตสองใจ “อาจารย์ นี่คือ…”

 

 

“สองพี่น้องตระกูลพานทิ้งเอาไว้ เจ้ารับไปเถิด” มั่วชิงเฉินเอ่ย

 

 

“ขอบคุณขอรับอาจารย์” ตู้รั่วกอบหมัดทำความเคารพ

 

 

มั่วชิงเฉินโบกมือ “ขอบคุณอะไรกัน เจอกันครั้งแรกข้าก็ไม่ได้ให้ของขวัญ เอาล่ะ ไปทะเลาะกันต่อไป รีบๆ เก่งขึ้นเร็วๆ ไม่เช่นนั้นกลับไปละยุ่งแน่”

 

 

ตู้รั่วไม่ขยับ มองมั่วชิงเฉิน “กลับไปหรือ อาจารย์ ท่านหมายความว่า…”

 

 

มั่วชิงเฉินไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง นางอธิบาย “อาจารย์ของเจ้าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็ต้องกลับพรรค”

 

 

ที่แท้อาจารย์ก็มีพรรค!

 

 

ตู้รั่วรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เช่นเดียวกันกับความรู้สึกเฝ้ารอ ไม่รู้ว่าพรรคที่ฝึกฝนอาจารย์จนกลายมาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเช่นนี้ได้จะเป็นอย่างไร

 

 

นึกถึงคำพูดของมั่วชิงเฉิน ก็ถามออกมา “อาจารย์ ผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำเช่นศิษย์ จะทำให้อาจารย์ดูไม่ดีหรือไม่”

 

 

แม้ว่าจะถามคำถามเช่นนี้ออกมา แผ่นหลังของเด็กหนุ่มก็ยังคงตรงแน่ว หว่างคิ้วฉายแววดื้อรั้นทะนงตัว

 

 

มั่วชิงเฉินตบไหล่เด็กหนุ่ม พูดอย่างสบายๆ “แน่นอนว่าไม่ใช่ เพียงแต่เมื่อก่อนอาจารย์จัดการคนไปเยอะ ถ้าหากว่าพวกเขามาเอาคืนกับเจ้าคงไม่ดีนัก”

 

 

ตู้รั่วเกือบจะกระอักเลือดออกมา เขารู้อยู่แล้ว คันไม้คันมือรีบร้อนอยากต่อกรกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณทั้งสองคน กลัวแค่ไม่มีคนทะเลาะด้วย จะคาดหวังให้นางเป็นกุลสตรีในพรรคได้อย่างไร

 

 

เขาหายใจเข้าลึกๆ พูดออกมาช้าๆ “อาจารย์วางใจเถิด ศิษย์จะพยายามอย่างหนัก เพื่อส่งเสริมธรรมเนียมของท่านให้รุ่งเรืองต่อไป”

 

 

มั่วชิงเฉินยิ้มกว้าง ลักยิ้มเป็นประกายจนทำให้คนหลงใหล “เสี่ยวรั่วช่างรู้ใจข้าจริงๆ”

 

 

เด็กหนุ่มหลบตา และจากไปด้วยท่าทางเศร้าสร้อย

 

 

วันเวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่า

 

 

ในวันนี้ มั่วชิงเฉินเด็ดลูกท้อจากต้นท้อหลากชนิดหมื่นปีจากสวนสมุนไพรพกพา วางแผนจะหมักสุราลูกท้อไว้หลายๆ ไห ตอนนี้นางอยู่ริมแม่น้ำกำลังล้างอุปกรณ์ แสงวิญญาณสายหนึ่งพลันพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ส่องสว่างไปทั่วป่าดอกสาลี่

 

 

นางปล่อยมือ ไหเหล้าตกลงไปกลางแม่น้ำ แต่นางไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเหล่านี้ ลุกขึ้นและขยับทีเดียวก็หายไปจากตรงนั้น เท้าเหยียบไหมเกล็ดน้ำแข็งชั่วพริบตาเดียวก็กลับมาหน้าเรือนหลิงหลง

 

 

ประตูเรือนหลิงหลงปิดสนิท ภาพกลีบดอกสาลี่ที่ล่องลอยผืนหนึ่งบ่งบอกว่าเงียบสงบ

 

 

ที่แท้ก็ไม่ใช่ศิษย์พี่

 

 

สีแห่งความผิดหวังสว่างวาบในแววตาและผ่านไป มั่วชิงเฉินหันไปในทันที มองไปยังต้นตอของปรากฏการณ์ประหลาด

 

 

บนต้นท้อเก่าแก่ไม่ไกลกันนั้น มีรังนกขนาดใหญ่อยู่ อีกาไฟยืนอยู่ข้างรัง ใบหน้าโง่งม

 

 

แสงวิญญาณพุ่งออกมาจากรังนก ไข่สีดำแดงอาบแสงอยู่ในแสงวิญญาณ ลอยอย่างกลางอากาศ

 

 

ปลายนิ้วนางขยับอย่างรวดเร็ว พลังวิญญาณจำนวนมากมุ่งตรงไปยังกลางอากาศ เพิ่มระดับม่านพรางตา

 

 

กว่าจะเงียบสงบได้ไม่ง่ายเลย อดคิดไม่ได้ว่าปรากฏการณ์นี้คงจะพาความยุ่งยากมาให้อีกแล้ว

 

 

“นายท่าน พี่หญิงอู๋เย่ว์จะฟักไข่แล้วหรือ” เขาน้อยวิ่งเข้ามาเขย่ามือของมั่วชิงเฉิน

 

 

มั่วชิงเฉินเองก็สงสัยขึ้นมา เงยหน้ามองพลางยิ้มบางๆ “ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าอู๋เย่ว์จะฟักตัวอะไรออกมา”

 

 

เขาน้อยหรี่ตา “ไม่ใช่อีกาตัวผู้หรือ ข้าได้ยินพี่หญิงอู๋เย่ว์พูดอยู่หลายครา”

 

 

เห็นไข่สีดำที่ลอยอยู่กลางอากาศเริ่มสั่นอย่างรุนแรง มั่วชิงเฉินเบะปาก “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

 

 

อภัยให้นางที่ใจไม่กว้าง ไข่สีดำฟองนั้นกับคำอธิบายบนม้วนหยกของไข่อีกาเพลิงเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แต่นางมีลางสังหรณ์ว่าสามีที่อู๋เย่ว์รอคอยมาหลายสิบปี จะไม่เป็นจริง…

 

 

เปรี๊ยะ เสียงเบาๆ ดังขึ้นมา รอยแตกบนยอดเปลือกไข่หนึ่งรอยก็ปรากฏขึ้น

 

 

“อา ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว อา อา!” อีกาไฟใช้ปีกบังหัว ตื่นเต้นจนสุดจะบรรยายจนเท้าก้าวพลาดและล้มลงไป

 

 

สายตาสองข้างจ้องมองไปยังไข่สีดำ

 

 

รอยแตกบนเปลือกไข่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทั่วทั้งฟอง จากนั้นแสงวิญญาณก็สว่างวาบ เงาสีดำสนิทจู่ๆ ก็กระพือปีกและบินออกมา