ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 215 เยี่ยนจ้าวเกอผู้เปลี่ยนแปลงไปจนอดีตไม่อาจเปรียบ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เนื่องด้วยภูมิอากาศตามธรรมชาติ ทัศนียภาพของวายุพิภพจึงแตกต่างจากนภาพิภพโดยสิ้นเชิง เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ทั้งสี่ทิศล้วนเป็นทิวทัศน์ผืนทะเลทราย

ไม่ใช่เพียงแค่มหาทะเลทรายแดนตะวันตกเท่านั้น พื้นที่ทั่วทั้งวายุพิภพเกินกว่าแปดส่วน ล้วนเป็นทะเลทราย

เพียงแต่ว่าแม้ทะเลทรายอื่นจะมีอันตรายอยู่ไม่น้อยเช่นกัน กระนั้นก็ยังแตกต่างจากมหาทะเลทรายแดนตะวันตก ที่แต่ไหนแต่ไรมาแทบจะเป็นแดนอันตราย

เฟิงอวิ๋นเซิงทอดสายตามองออกไปไกล “มายังวายุพิภพคราก่อน ก็เพิ่งจะไม่กี่ปีที่แล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถามอย่างทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “มาฝึกประสบการณ์ ตอนที่อยู่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์รึ?”

น้ำเสียงเฟิงอวิ๋นเซิงตามแต่อารมณ์อย่างมากเช่นเดียวกัน “ใช่สิ แม้ว่าในฐานะหญิงสาวแห่งจันทรา ออกเดินทางล้วนต้องเก็บเป็นความลับอำพราง แต่มีบางบททดสอบบำเพ็ญเพียร ที่ยังคงต้องมุมานะทำด้วยตนเอง”

ชายหนุ่มยิ้มกล่าว “เกาะกานหรือเกาะฉิน?”

ก่อนสงครามถังตะวันออก สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เรืองอำนาจ นอกจากเกาะฉินหนึ่งในเกาะทั้งสี่ของวายุพิภพที่มีเขตแดนสุดขอบตอนใต้ติดกับอัคคีพิภพแล้ว เกาะกานที่อยู่ทางเหนือของเกาะฉินก็ตกอยู่ในการควบคุมของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

ซึ่งในเวลานั้น สำนักเขากว่างเฉิงควบคุมเกาะทรายที่อยู่ทางเหนือของเกาะกาน สำนักเขาไร้พรมแดนก็ควบคุมเกาะเงินที่อยู่เหนือสุด ทั้งสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่แบ่งฮุบเกาะทั้งสี่ของวายุพิภพด้วยกัน

จวบจนถึงสงครามถังตะวันออก สำนักเขากว่างเฉิงม้วนเก็บเอาทุกสิ่งอย่างเข้าไป นอกจากบุกโต้ตอบอัคคีพิภพแล้ว ที่วายุพิภพก็ขยายการรุกเข้าโจมตีเช่นเดียวกัน

เพื่อที่จะไม่รบกวนหวงกวงเลี่ย สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จึงกัดฟัน ถอยทัพกลับ

กระทั่งต่อมาการประลองแห่งจันทราครั้งที่สาม เมิ่งหว่านชนะและได้รับมงกุฎแห่งจันทรา สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถึงได้รักษาฐานที่มั่น ครั้นมีความมั่นใจ จึงเริ่มลองยึดดินแดนที่เสียไปกลับคืนมา

ดินแดนอัคคีพิภพที่เสียไปโดยส่วนมากยึดคืนกลับมาได้ทั้งหมด แต่ที่วายุพิภพ สำนักเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ขยายการประมือพุ่งเป้าไปที่เกาะกานอีกครั้ง

ภายหลัง เนื่องด้วยเยี่ยนจ้าวเกอใช้วิชากำเนิดสายฟ้าที่เขานิมิตเมฆ ทำให้สำนักเขาไร้พรมแดนเข้าร่วมผนึกกำลังกับทั้งสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ นภาพิภพ ภูผาพิภพ และวารีพิภพ

ปัจจุบันนี้ เกาะทั้งสี่ของวายุพิภพ เกาะกานและเกาะทรายซึ่งอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลาง ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักเขากว่างเฉิง สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทำได้เพียงขับไล่การยึดครองเกาะฉินสุดขอบแดนใต้เท่านั้น ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันรักษาเกาะฉินอย่างสุดกำลังไม่ให้สูญเสียไปได้ พวกเขาต้องขอบคุณฟ้าขอบคุณดินแล้ว

เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวตอบ “เกาะกาน ใกล้กับเขตคาบเกี่ยวชายแดนของมหาทะเลทรายแดนตะวันตก”

เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ทุ่มเวลาบ่มเพาะผู้สืบทอดอย่างมากเช่นกัน ยอมให้ศิษย์ใต้สำนักผจญภัยอันตราย เสริมสร้างประสบการณ์ความรู้และการเปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง เพื่อกระตุ้นศักยภาพ

“จริงสิ จะว่าไปแล้วเขานิมิตทมิฬก็ถูกสำนักเราทำลายย่อยยับ ไม่รู้ว่าตอนนี้ซากปรักหักพังที่นั่นมีลักษณะเป็นเช่นไรแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงตื่นตัวฉับพลัน ยิ้มพลางเอ่ยถาม

คำว่าสำนักเราที่นางเอ่ยปากพูดตอนนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นสำนักเขากว่างเฉิง

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ “ในอดีตตอนที่ท่านอาจารย์ปู่ผู้สะเทือนสวรรค์กักตนเข้าฌาน ประมุขรุ่นสุดท้ายของเขานิมิตทมิฬรุกโจมตีเขากว่างเฉิงของข้า จางอาทิตย์ม่วงของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ท่านนั้นก็จ้องตาเป็นมันอยู่ข้างๆ เช่นกัน”

“ผลคือท่านอาจารย์ปู่ผู้สะเทือนสวรรค์ออกจากฌาน ต่อสู้สังหารประมุขเขานิมิตทมิฬคาสนามรบ จากนั้นจึงไปยังวายุพิภพ เหยียบย่ำประตูเขาของเขานิมิตทมิฬ เจ็ดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ยุคนั้นเปลี่ยนเป็นหกดินแดนใหญ่นับแต่นั้นเป็นต้นมา”

“โชคดีที่จางอาทิตย์ม่วงในตอนนั้นน่าจะไม่ได้ลงมือจริง หลังท่านอาจารย์ปู่ผู้สะเทือนสวรรค์ออกฌานก็หันหัวกลับหนีทันที ท่านอาจารย์ปู่ผู้สะเทือนสวรรค์ไล่เขาไปจนถึงปล่องภูเขาไฟก็นับว่าจบเรื่องแล้ว ไม่เช่นนั้นตอนนี้จะยังมีสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ล้วนไม่อาจพูดได้แล้ว”

จางเชา จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วง ก็คือจอมปราชญ์สุริยันท่านนั้นผู้ที่ชาวบ้านเล่าขานสืบต่อกันมา ปัจจุบันไม่ชัดแจ้งว่าเป็นหรือตาย และเป็นยอดฝีมือที่มีสีสันตำนานมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

และก็เป็นเขานี่เองที่พาสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ให้ถือกำเนิดขึ้น หลังปราณดั้งเดิมของเขากว่างเฉิงเสียหายอย่างหนัก กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่

หากไม่ใช่เพราะจ่านซีโหลว บุรุษเทียมสวรรค์ผลิแสงสว่างไสวที่กาลก่อนหลบซ่อนอยู่ภายใต้เงาร่างของพี่ชายตนเอง ภายใต้แรงกดดันของจางเชาและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ สำนักเขากว่างเฉิงยากอย่างยิ่งที่จะเดินมาถึงทุกวันนี้

เฟิงอวิ๋นเซิงคาดหวังอยู่บ้าง “ท่านอาจารย์ปู่ผู้สะเทือนสวรรค์ได้คุกคามบีบบังคับแปดมหาอำนาจแล้ว และยังมีท่านอาจารย์ปู่บุรุษเทียมสวรรค์เร้นกายไม่ปรากฏตลอดมา สำนักเราในตอนนี้ เรียกได้ว่าช่างยิ่งใหญ่เสียจริง”

“เป็นไปได้มากว่าหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ นับแต่มีการบันทึกเป็นต้นมา เป็นอิทธิพลดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่มากที่สุดแล้ว จนถึงปัจจุบัน ก็ยังเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องไป”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “สำหรับเพียงแค่บันทึกทางประวัติศาสตร์ในปัจจุบัน ท่านอาจารย์ปู่บุรุษเทียมสวรรค์ไม่ได้เจตนาจะเร้นกายแต่อย่างใด แต่อุปนิสัยของเขา ค่อนข้างไม่ยินดียินร้ายจริงๆ ยินยอมพร้อมใจที่จะมุ่งศึกษาค้นคว้าวรยุทธ์ และวัฒนธรรมก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เสียมากกว่า “

“สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสำนักเราในช่วงก่อนและหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ โดยส่วนมากมาจากการเรียบเรียงของท่านอาจารย์ปู่บุรุษเทียมสวรรค์”

“หากไม่ใช่เพราะท่านอาจารย์ปู่ผู้สะเทือนสวรรค์ตกต่ำลง ปราณดั้งเดิมสำนักเสียหายอย่างหนัก อาจจะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความไม่ธรรมดาของท่านอาจารย์ปู่ผู้สะเทือนสวรรค์ไปตลอกกาล”

หญิงสาวได้ยินแล้วก็พยักหน้า “ที่ยิ่งทำให้ผู้คนเสียใจก็คือ เทียบกับอายุขัยที่เดิมทีพวกเขาน่าจะมี ล้วนพูดได้ว่าพวกเขาทั้งสองท่านสิ้นชีพก่อนไว้อันควร ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถก้าวไปถึงความสูงระดับใด”

แม้จะไม่ได้แสดงออกว่าหมกมุ่นเหมือนอย่างซืงคงจิง ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงก็ชอบวิทยายุทธ์จนติดเป็นนิสัยเช่นเดียวกัน

จุดนี้ แท้จริงแล้วเยี่ยนจ้าวเกอเองก็เหมือนกัน

“ความหลังกลายเป็นอดีตไปแล้ว มองปัจจุบันเสียดีกว่า” เยี่ยนจ้าวเกอชี้นิ้วไปทางฝั่งเหนือ บนเส้นขอบฟ้าไม่ว่าสิ่งใดล้วนไม่มี แต่นั่นกลับเป็นทิศทางที่ประตูสำนักเขานิมิตทมิฬ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของวายุพิภพในอดีต “เขานิมิตทมิฬถูกท่านอาจารย์ปู่ผู้สะเทือนสวรรค์เหยียบย่ำจนราบเป็นหน้ากลองแล้ว ปัจจุบันเห็นแต่เพียงเศษซากวัตถุ แต่ว่าก็เสื่อมโทรมเป็นอย่างมากแล้วเช่นกัน”

เฟิงอวิ๋นเซิงมองอาหู่วูบหนึ่ง ยิ้มกล่าว “ข้าได้ยินว่าพี่ใหญ่หวงก็ฝึกวิชาลับของเขานิมิตทมิฬด้วย”

อาหู่ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน “ท่านประมุขตระกูลเคยได้รับสืบทอดส่วนหนึ่งของเขานิมิตทมิฬ ค่อนข้างสมบูรณ์ จึงถ่ายทอดให้กับข้าแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ “อ้อ จริงสิ ถึงในตอนนั้นเขานิมิตทมิฬจะพังพินาศ แต่ยังมีเดนที่เหลือไม่น้อยหลบซ่อนอำพราง ทั้งยังมีคนหนีเข้าไปในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกอีกด้วย”

“หลายปีเช่นนี้แล้ว ผู้สืบทอดเขานิมิตทมิฬนับวันยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีคนอยู่ สำหรับปัจจุบันแล้ว พวกเรากำลังเดินอยู่ในวายุพิภพ เทียบกับคนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เหล่าผู้สืบทอดเขานิมิตทมิฬและคนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตนั้น ยิ่งควรจะต้องระแวดระวังมากกว่า”

เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ข้าเข้าใจ”

พวกเขาเดินทางอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ข้ามผ่านเกาะนภาตะวันตก ตรงดิ่งเข้าสู่เขตแดนของเกาะทราย

ที่แห่งนี้ สำนักเขากว่างเฉิงเองก็มียอดฝีมือระดับสูงอยู่เช่นกัน ซึ่งรับตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเกาะทราย รักษาการณ์อยู่ที่นี่

กองกำลังใต้บัญชาผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งเกาะทราย มีผู้อาวุโสคุมการณ์และผู้อาวุโสปฏิบัติกิจรับผิดชอบแต่ละพื้นที่เช่นเดียวกัน

ตลอดเส้นทางที่เยี่ยนจ้าวเกอเดินทางผ่านมา ขาดการพบหน้าทักทายผู้คุมการณ์แต่ละพื้นที่ไปไม่ได้

ถึงแม้ว่าจะผ่านไปเป็นเวลาเพียงปีกว่า ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ หากเทียบกับตอนที่ไปถังตะวันออกในตอนแรกแล้ว สถานการณ์แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง

อย่าว่าแต่พลังฝึกปรือขั้นเคียงนภาระยะท้ายของเขาในตอนนี้ ซึ่งสูงกว่าผู้อาวุโสปฏิบัติกิจโดยส่วนมากไปแล้ว แม้จะเป็นผู้อาวุโสคุมการณ์ระดับมหาปรมาจารย์ก็ตาม คบค้าสมาคมกับเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ไม่ได้มีท่าทีของผู้อาวุโสมองผู้อ่อนอาวุโสอีกต่อไปแล้วเช่นกัน

หากคิดคำนวณดูอย่างดี สงครามถังตะวันออกนั้นช่างเถิด หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเดินทางมายังเขานิมิตเมฆแล้ว ตำแหน่งของเขาในสำนัก เปลี่ยนแปลงไปมากจนไม่อาจเปรียบกับอดีตได้อย่างแท้จริง

ก่อนหน้านี้คอยท่าอยู่ที่เขานิมิตเมฆตลอด จากนั้นรุดหน้ายังภูเขาหิมะพันผูกบูรพา ภายหลังไปทะเลสาบปิดนภา หลังกลับนภาพิภพแล้วก็มุ่งมั่นบ่มเพาะอยู่ภายในสำนักตลอดเวลา จนกระทั่งถึงครานี้ ถึงได้เดินอยู่นอกอาณาเขตควบคุมของสำนักเขากว่างเฉิงใหม่อีกครั้ง

ซึ่งทัศนคติของเหล่าผู้อาวุโสสำนักทั้งหลายที่ประจำการอยู่ภายนอกที่มีต่อเยี่ยนจ้าวเกอ ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงคนที่ใกล้ชิดพึ่งพาอาศัยฝ่ายเดียวกับบิดาของตน หรือจะเป็นคนที่มีจุดยืนวางตัวเป็นกลาง ต่อให้เป็นคนใกล้ชิดฝ่ายเดียวกับอาจารย์ลุงสองฟางจุ่น ไม่ว่าภายในใจจะคิดเช่นไร ตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้าชายหนุ่มอย่างมาก

ระดับผู้อาวุโสปฏิบัติกิจ ยิ่งใช้คำว่ามากพิธีรีตองมาบรรยายได้ เพราะว่าชายวัยเยาว์เบื้องหน้าพวกเขาผู้นี้ ไม่ใช่ศิษย์อ่อนอาวุโสที่จะถูกเสาะหาข้อผิดพลาด ใช้มาเป็นจุดอ่อนโจมตีเยี่ยนตี๋ในตอนแรกได้อีกต่อไป

ตัวของเยี่ยนจ้าวเกอเองในขณะนี้ ก็เริ่มครองบางตำแหน่งในสำนักแล้ว อีกทั้งความชัดเจนในภาระหน้าที่นับวันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ!

………