ตอนที่ 145

Black Tech Internet Cafe System

ตามที่ได้ฟังคนอื่นอธิบาย ตงชิงลี่และจางวันยูได้เรียนรู้ว่ากลุ่มภูเขาชูชานเป็นกลุ่มบ่มเพาะโดยเฉพาะเทคนิคการควบคุมดาบเป็นเทคนิคพิเศษของกลุ่ม

 

“เราสามารถซื้อมันได้มั้ย?” จางวันยูถามขณะที่ตาของเธอมองหน้าจออย่าตั้งใจ เธอกล่าวด้วยความตื่นเต้น “มันสะดวกและรวดเร็วมาก! แม้แต่นักรบธรรมดาก็สามารถที่จะเรียนรู้ได้!”

 

“พอเราซื้อมาแล้วเราก็จะเล่นพร้อมกันกับ Diablo ด้วยเลย” ตงชิงลี่มองไปที่หน้าจอถ่ายทอดสดด้วยความอิจฉาปนสงสัยเทคนิคนี้ชวนทึ้งจริงๆ

 

“แต่ ..” มีคนส่งข้อความทักถาม [นั่น! นายกำลังจะไปไหน]

 

“นั่นสิ ฉันกำลังจะไปไหน” ฟางฉีเองก็ยังไม่รู้ตัวเองว่าเขากำลังจะไปไหน

 

เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้ด้วยซ้ำนอกจากเมืองจิวหัว เมื่อเขาออกจากเมืองจิวหัวนี่จึงเป็นปัญหา เขาไม่สามารถบอกทิศทางได้เลย แม้แต่ตัวเขาเองยังหาจุดหมายปลายทางที่เจาะจงไม่ได้

 

[นี่นาย! นายสามารถเดินทางไปเมืองของฉันได้นะ] เยเสี่ยวเย้ตอบกลับทันที [ฉันแนะนำเมืองทะเลหมอก นายสามารถที่จะไปทานอาหารที่นั่นและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามของมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่เมืองนั้น]

 

หลังจากที่เยเสี่ยวเย้ส่งความเห็นเสร็จ เธอยิ้มอย่างพอใจหลังจากที่ได้เชิญชวนเจ้าของร้านให้ไปเที่ยวเมืองของเธอ!

 

[ไปที่วังหลิวหยุนสิ!] เฟงหัวและยูซินส่งความคิดขึ้นไปเช่นกัน [วังหลิวหยุนของเรารายล้อมไปด้วยวิวเขาอันสวยงาม หากมองดีๆ ท่านอาจจะเห็นวิวอันยิ่งใหญ่ที่คล้ายกับเมืองทะเลหมอก นอกจากจากนี้เราหวังว่าท่านจะชอบดอกไม้ในวังเทียนจิของเรา!]

 

ซัวเต๋าลูบเคราด้วยความมั่นใจใน ความสวยของวังหลิวหยุนของเขานี่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ฮ่าๆ ..

 

[ฉันแนะนำเมืองทะเลหมอกอีกเสียง!] หยุนเหลียนส่งข้อความ [วิวบนเกาะที่ห่างไกลนั่นสวยงามคล้ายๆ กับที่วังหลิวหยุน แถมเมืองเรายังมีผลิตภัณฑ์พิเศษจากใต้ทะเลที่นำมาชงกับชา มีความหอมเป็นเอกลักษณ์]

 

เยซงเต่าพยักหน้าเล็กน้อย ขณะที่อ่านข้อความบนหน้าจอ ตามที่ความเห็นบอก .. เมืองของฉันถือได้ว่าเป็นเมืองน่าท่องเที่ยวมากๆ ฮ่าๆๆ

 

[หรือนายอาจอยากไปเที่ยวชมที่พำนักของถ้ำยินหลงของฉันก็ได้!] ผู้อาวุโสยินหลงเองก็ส่งข้อความอวดของดีที่บ้านตัวเอง

 

เมื่ออ่านดูความเห็นหลายความเห็นบนหน้าจอตงชิงลบี่เองก็กระตือรือร้นที่อยากจะเข้าร่วม “เราควรจะแนะนำจุดหมายปลายทางให้เขาดีมั้ย”

 

[นายสามารถเดินทางไปที่จิงฉี จิงฉีเป็นเมืองใหญ่และยังเป็นศูนย์กลางที่เรียกว่าแหล่งโชคลาภของเมืองดาจินอีกด้วย ผู้คนมากมายจากหลากหลายประเทศมักร่วมตัวกันอยู่ที่นั่น นอกจากนี้ยังมีท้องฟ้าจำลองซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกสูงที่มีชื่อว่าตึกดวงดาว หากได้ดูท้องฟ้าจำลองมันจะให้ความรู้สึกราวกับว่าเรากำลังออกไปนอกโลก มันวิเศษสุดๆ ไปเลยละ!] หลังจากที่ได้เรียนรู้วิธีส่งข้อความเธอจึงพิมพ์คำแนะนำและส่งไปในทันที

 

[ในจิงฉีมีอาหารอร่อยๆ เกือบทุกอย่าง!] ตงิงลี่เมื่อส่งข้อความถึงของกินเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เธอยังไม่ได้กินฮาเก้นดาสแสนอร่อยเลย เธอจึงหันไปหาเจียงเสี่ยวหยูเพื่อซื้อฮาเก้นดาสและเพลิดเพลินกับมันอย่างเอร็ดอร่อย

 

[นายไปจิงฉีสิ] เจียงเสี่ยวหยูสนับสนุนอีกเสียง [ฉันอยากเห็นการถ่ายทอดสดในจิงฉี] เธอไม่กล้าไปที่จิงฉีด้วยตัวเอง เพราะที่นั่นล้วนมีแต่มนุษย์ที่แข็งแกร่งเกินไป แต่เธอก็ยังอยากที่จะเห็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในดาจินว่าเป็นอย่างไร

 

ฟางฉีอ่านคำแนะนำมากมายบนหน้าจอด้วยความสับสน “คำแนะนำมากมาย ฉันควรเลือกอันไหนดี?”

 

ขณะเดียวกันเฉินเฟิงและลูกชายของเขาที่เพิ่งหมดเวลาหมาดๆ ก็ลึกขึ้นจากเก้าอี้ “นี่พวกท่านมาร่วมกลุ่มทำอะไรกัน!?”

 

“เรากำลังชมการถ่ายทอดสดกลางแจ้งของเจ้าของร้านอยู่ พวกเรากำลังแนะนำสถานที่ที่อยากให้เขาไปเยี่ยมชม”

 

“ถ่ายทอดสด!?” เฉินเฟิงมองไปที่หน้าจอยักษ์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เจ้าของร้านอยู่ที่ไหน นั่นเขากำลังยืนอยู่บนดาบหรอ?”

 

เขามองเข้าไปที่หน้าจอเห็นก้อนเมฆมากมายลอยอยู่ข้างๆ ฟางฉี “นั่นเขาอยู่บนท้องฟ้าหรอ?”

 

“เทคนิคการควบคุมดาบ!”

 

เฉินเฟิงและคนอื่นๆ ที่เพิ่งเล่นเสร็จต่างมองด้วยความประหลาดใจ

 

“นายไปที่จิงฉีสิ!” หลี่เฮารันพูดขึ้นขณะกำลังพิมพ์ข้อความ [ฉันจะส่งข้อความไปหาท่าสนมู่ นายไปหาเขาสิ เขาต้องดีใจแน่ๆ ที่ได้เห็นนาย]

 

“นายมู่? เขาตคือใครกัน!?” ฟางฉีทำหน้างง

 

“ชายหนุ่มที่มีหนวด ชายหนุ่มที่เคยต้องการซื้อคอมพิวเตอร์ของนายเขาเคยเล่น Resident Evil ไง” เมื่อได้เห็นคำอธิบายของหลี่เฮารันจากหยกสื่อสาร ฟางฉีก็นึกออกทันที “เขามาจากจิงฉีหรอ? แปลกใจจังฉันไม่เห็นเขานานแล้ว”

 

“ตกลงเอาละ! วันนี้ฉันจะเดินทางไปจิงฉีเพื่อถ่ายทอดสด ฉันจะขี่ดาบไปเยี่ยมคนรู้จักเก่าๆ ให้พวกเขาได้รับรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่”

 

[ว้าว นายนี่สุดยอดจริงๆ] เจียงเสี่ยวหยูชื่นชมด้วยแววตาตื่นเต้น

 

“ใครพอจะบอกฉันทีได้มั้ยว่าจิงฉีอยู่ไหนทิศใด” ฟางฉีขมวดคิ้ว

 

[บินไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ!]

 

ฟางฉีเหลือบมองไปที่ทิศทางตามที่มีคนบอก เขาควบคุมดาบให้หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือโดยทันที

 

ในทิศทางที่เขากำลังเดินทางไปเต็มไปด้วยเมฆรอบตัว เมือมองลงไปข้างล่างพบว่าเต็มไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ ทุกอย่างที่เห็นสวยราวกับว่ามันถูกวาดขึ้น เมืองจิวหัวนั่นช่างงดงามเหลือเกิน!

 

“ฉันหวังว่าสักวันฉันจะได้บินแบบนี้บ้าง” เยเสี่ยวเย้รู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็น

 

“เด็กคนนี้เริ่มเชี่ยวชาญในเทคนิคการควบคุมดาบแล้วเรอะ?” นาหลันฮงวูและคนอื่นๆ มอง “เขานี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”

 

“นั่นนายเห็นข้างหน้ามั้ย นั่นคือเมืองเหวยหนาน เขาบินไวมาก!”

 

“เขาถึงเมืองเหวยหนานแล้วหรอ? โหไวสุดๆ”

 

ตวงชิวลี่และจางวันยูเองที่อยู่ตรงนั้นเมื่อได้ยินแบบนั้นเธอทั้งสองคนรู้สึกตะลึง “ทำไมเขาถึงบินได้ไวขนาดนี้”

 

“ความเร็วในการบินของเขาเกือบเท่ากับเรือทางจิตวิญญาณในความเร็วที่สูงสุดเลยละ”

 

ซูเทียนจิเองก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “ถ้าฉันไปถึงในระดับเดียวกับเด็กคนนี้ ฉันคงไม่นั่งเรือทางจิตวิญญาณอีกต่อไป”

 

ซัวเต๋าตะโกนชื่นชม ขณะกินฮาเก้นดาส “สุดยอดมาก!”

 

อันหูเว้ยที่กำลังอร่อยกับฮาเก้นดาสก็กำลังรับชมการถ่ายทอดสด “ในอนาคตข้างหน้าฉันคงไม่ต้องซื้อเรือทางจิตวิญญาณอีกต่อไป เนื่องจากดาบสามารถทำแทนได้แถมยังสะดวกกว่ามาก!”

 

เซียวหยูทำหน้าอิจฉาตาร้อน “เทคนิคการควบคุมดาบนั่นเยี่ยมจริงๆ ฉันอยากเรียนรู้บ้างจัง ..”

 

“ฉันต้องการเรียนรู้ด้วย ..” เจียงเสี่ยวหยูทำหน้าเศร้า “มนุษย์มีคาถาทางจิตวิญญาณที่ทรงพลัง ฉันอยากเรียนรู้แบบพวกเขาบ้าง ..”

 

“…”

 

“นาย ระวังตัวด้วย อาจมีนกปีศาจแถวขอบๆ ของมฑเจียงหนาน!”

 

“บินคนเดียว .. นายต้องระวังสัตว์ร้าย!”

 

“มันอยู่ไหน?”

 

“มันน่าจะอยู่ข้างหลังเจ้าของร้าน ..”

 

“ฉันไม่เห็น ด้านหลังเขาเลย”

 

“จุดดำนั่น ..”

 

“ท่านแน่ใจนะ ว่าท่านเห็นมัน”

 

“ดูนั่น เขากำลังผ่านเมืองอื่นไปเร็วมาก!”

 

ทุกคนต่างตกใจ

 

 

ณ สำนักหลิงหยวน

 

“ท่านกำลังจะบอกเราว่า หากเล่นเกมมันไม่เพียงแต่จะพาเราเข้าสู่เกมในฐานะตัวละครหลักเพียงอย่างเดียว แต่การเล่นเกมยังเพิ่มทักษะความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายอีกด้วยนะหรอ” เซนคังทวนถามหลังจากพูดคุยเกี่ยวกับ Diablo มาสักพัก เขาพบว่าเพื่อนของเขาไมาได้ฟังนวนิยาย แต่ได้สัมผัสเกมจริงๆ

 

เขาเพิ่งรู้ว่ายูเหลียงได้เล่นเกมในคาเฟ่เล็กๆ แห่งนั่นที่ถูกสำนักกีดกัน สิ่งที่น่าประหลาดใจคือสิ่งที่เขาได้ยินจากปากของยูเหลียงด้วยตัวเอง

 

ยูเหลียงเป็นคนมีประสบการณ์ หลังจากฟังแล้วรู้สึกช็อคครั้งแรก เมื่อได้ฟังเหตุผลก็รู้สึกใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว “ไม่แปลกใจ! ทำไมเหล่าสกวกถึงยังคงเสี่ยงออกไปเช่นนี้”

 

เขาต้องลากสองคนนี้ให้ร่วมทีมให้ได้ เพื่อให้แน่ใจว่าสองคนนี้จะไม่เอาไปพูดกับใครอื่น

 

“เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริง” เซนตังรู้สึกเหมือนกำลังถูกล่อลวง แต่ในใจเขาก็สนใจตัวละครหลักอยู่ไม่น้อย

 

นอกจากจะได้ความบันเทิงแล้วยังได้ความแข็งแกร่งอีกด้วย!

 

ยูเหลียงยังคงล่อลวงพวกเขาต่อ “คิดดูสิ สำนักไม่เคยห้ามอาจารย์สักหน่อย นี่ละคือโอกาสอันสุดยอดของเรา นอกจากนี้ มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผลข้างเคียงที่ได้รับมันน่าทึ้งจริงๆ”

 

“ข้าจะโกหกพวกท่านทำไม ท้ายที่สุดแล้วถึงแม้ข้าจะไปจับสาวกที่นั่น ข้าก็ไม่ได้รับรางวัลอะไรจากสำนักอยู่ดี” ยูเหลียงเอ่ย

 

ทั้งสองคนมองหน้ากัน “หรือบางที .. เราอาจลองไปดูสักหน่อย”