ตอนที่ 176 หลับด้วยกันให้สบายเถิด (2)

ลวงเล่ห์ร้ายชายาร้อยพิษ

ชิวเยี่ยไป๋ที่ยืนหลังห่อของมหึมาอยากหัวร่อดังๆ สองคนนี้กลับสื่อสารกัน ‘เข้าใจ’ ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร น่าสนใจจริง

 

 

จากนั้นเขาก็เหลือบดูรองพ่อบ้านที่อยู่ข้างตน รองพ่อบ้านรู้ใจรีบล้วงถุงผ้ามงคลอันวิจิตรประณีตสองใบยื่นให้เจ้านายของตน

 

 

เหมยซูยื่นถุงแพรใบน้อยให้หยวนเจ๋อยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “นี่เป็นเงินทำบุญถวายแด่พระโพธิสัตว์ ยังหวังว่าไต้ซือจะรับไว้ด้วย”

 

 

หยวนเจ๋อแลดูถุงแพรใบน้อยและรับไว้อย่างไม่เกรงใจ “อามิตาภพุทธ พระโพธิสัตว์จะคุ้มครองผู้ใจบุญเช่นประสก”

 

 

เดิมทีเหมยซูจะรอให้คนที่ยืนหลบอยู่หลังห่อของออกมารับถุงแพรเพื่อจะได้รู้ว่าสารรูปเป็นอย่างไร นึกไม่ถึงว่าคนที่ยืนอยู่หลังห่อของกลับยื่นมือออกมารับและกล่าวเสียงทุ้มหนักกังวานหลังของห่อใหญ่ “ขอบพระคุณประสก”

 

 

เหมยซูเห็นมือข้างนั้นเรียวงามกว่าบุรุษทั่วไปอยู่บ้างและขาวผ่องเป็นยองใย

 

 

แต่หลังอีกฝ่ายรับถุงแพรแล้วก็หดมือกลับไปกล่าวเสียงทุ้มหนักเช่นเดิมว่า “อาเจ๋อ พวกเรากลับกันเถิดสายแล้ว”

 

 

หยวนเจ๋อแหงนมองฟ้าทันที ถอนใจคราหนึ่งกล่าวว่า “นั่นนะสิ ค่ำมืดขนาดนี้ เราน่าจะไปกันแล้ว”

 

 

เหมยซูกับรองพ่อบ้านและพวกพากันแหงนดูตะวันยามเช้าตามสัญชาตญาณ ค่ำมืดที่ไหนกัน

 

 

หรือว่าคำจำกัดความของวันและคืนของบรรพชิตต่างจากคนทั่วไป

 

 

หยวนเจ๋อถอนใจอีก “ขืนยังไม่กลับไป คงอดนอนด้วยกันแล้ว”

 

 

พริบตานั้นกลุ่มคนตระกูลเหมยพลันแลดูหยวนเจ๋อและ ‘หลวงจีน’ ที่อยู่หลังห่อของด้วยแววตาประหลาด

 

 

คำพูดนี้ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็ล้วนส่อแววลามกอยู่ดี หลวงจีนสองรูปนี้ช่าง ‘พิลึก’ จริง

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ที่หลบอยู่หลังข้างของห่อใหญ่ยังนึกภาพออกว่าเมื่อพวกเขาได้ยินแล้วสีหน้าจะเป็นอย่างไร นางถอนใจเบาๆ และกระตุกแขนเสื้อหยวนเจ๋อจากใต้ห่อของ ลากเขาเดินต่อ

 

 

เหมยซูเห็นหยวนเจ๋อยกโถพระกระโดดกำแพงแล้วจากไปแต่โดยดีพร้อมกับ ‘หลวงจีน’ อีกคนที่ไม่ยอมโผล่หน้า

 

 

แสงตะวันสีทองสาดส่องร่างทั้งสอง หนึ่งสูงหนึ่งเตี้ยระยะห่างกันอยู่บ้าง แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าฝีเท้าเข้าจังหวะกันอย่างเหมาะเจาะ

 

 

เหมยซูหรี่ตาจ้องมองที่ ‘หลวงจีน’ ตัวเตี้ยกว่า รู้สึกว่าร่างอ้อนแอ้นนั้นคุ้นตามาก

 

 

เขาเป็นพ่อค้าที่เก่งกาจมาก หนึ่งในความสามารถพิเศษของเขาคือการดูคนเป็น

 

 

แต่คนคนนี้เหมือนใครหนอ…

 

 

รองพ่อบ้านเห็นนายของตนเอาแต่จ้องมองนักบวชสองคนจึงขยับเข้าใกล้กล่าวเบาๆ ว่า “จะให้บ่าวสั่งคนสะกดรอยไหม ดูสิว่าพวกมันเป็นใครกันแน่”

 

 

เหมยซูครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็น ที่นี่เป็นถิ่นของหลินชงลั่ง เดี๋ยวเข้าใจผิดกันจะไม่ดี”

 

 

รองพ่อบ้านกล่าวอย่างดูแคลน “ไอ้พวกชาวยุทธจักรพวกนี้ ถ้าคุณชายใหญ่อยาก…”

 

 

เหมยซูโบกมือ ขัดคำพูด “พอแล้ว”

 

 

รองพ่อบ้านรู้ว่าพูดไปจะไม่ดี จึงก้มหน้าลงทันทีกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ขอรับ”

 

 

ไม่ว่าจะทำอะไรคุณชายใหญ่รอบคอบเสมอ

 

 

เหมยซูพยักหน้า ยิ้มที่มุมปาก “พวกเราเข้าไปเถิด”

 

 

พูดจบก็ชำเลืองดูเงาร่างสองสายที่ค่อยๆ หายลับไป แล้วหันกายนำคณะเข้าสู่จวี้อี้ถาง

 

 

พวกเขาอ้อมเงากำแพง พริบตาแรกที่เห็นสภาพในจวี้อี้ถางเหมยซูก็หยุดเท้า แทบจะนึกว่าตนเอง…มาผิดที่

 

 

จากแดนมนุษย์เข้าสู่แดนโลกันตร์

 

 

พวกคนตระกูลเหมยด้านหลังเขายิ่งหน้าซีดเผือด ไม่กล้าเชื่อสายตาในสภาพของจวี้อี้ถาง

 

 

หลินชงลั่งมองดูเหล่าอาคันตุกะที่จู่ๆ ก็เข้ามา กลับมิได้แสดงความประหลาดใจ สั่งให้ลูกน้องแคะคนตายที่ฝังในผนังและเสาออกมาพลางแลดูเหมยซู ยิ้มเย้ยหยันตนเองกล่าวว่า “คุณชายเหมย ขอต้อนรับสู่โลกันตร์ในแดนมนุษย์”

 

 

……

 

 

ชิวเยี่ยไป๋พาหยวนเจ๋อกลับถึงบ้านพักของตนเอง ชี้ไปที่ห้องเขากล่าวว่า “อาเจ๋อ เจ้าเข้าไปนอนเถิด”

 

 

แต่ด้านหลังไม่มีใครตามมา ชิวเยี่ยไป๋หันไปดูก็พูดไม่ออก

 

 

ไต้ซือเมิ่งอี๋ยืนหลับตาเงียบๆ ราวกับกำลังครุ่นคิดความหมายที่ล้ำลึกของฟ้าดินและชีวิตมนุษย์อยู่กลางลานบ้าน

 

 

แม้เขาจะแบกห่อของมหึมา และในมือยังโอบโถพระกระโดดกำแพงไว้ แต่มิได้กระทบกระเทือนต่อความสง่าแม้แต่น้อย

 

 

เสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของอีกฝ่ายทำให้ชิวเยี่ยไป๋รู้ว่า…เขาหลับไปแล้ว!

 

 

นางคลึงหว่างคิ้ว ไม่รู้ว่าควรหัวร่อหรือร่ำไห้ดี

 

 

นี่เป็น…ครั้งแรกที่นางเห็นคนหลับได้ทั้งที่เดินอยู่!

 

 

และจะหลับก็หลับไปเถิด โถพระกระโดดกำแพงในมือและห่อของมหึมาที่แบกไว้อุตส่าห์มั่นคงไม่กระทบกระเทือนแม้แต่น้อย

 

 

ชิวเยี่ยไป๋จนใจ คิดไปคิดมาจึงกระตุกลากแขนเสื้อเขา ปรากฏว่าเขาก็ก้าวตามก้าวหนึ่ง นางยิ้มน้อยๆ แล้วจูงแขนเสื้อเขาเข้าไปในห้องนอน

 

 

หลวงจีนที่หลับอยู่เดินตามแต่โดยดี

 

 

หลังเข้าไปในห้อง ชิวเยี่ยไป๋เอื้อมมือจะรับโถพระกระโดดกำแพงออกจากอ้อมอก แต่นางดึงอยู่หลายครั้ง กลับพบว่าหมดหนทางนำโถอาหารออกจากตัวหลวงจีนที่ยืนหลับ

 

 

ชิวเยี่ยไป๋กุมหน้าผากอย่างอดมิได้ หลับไปแล้วยังห่วงของกินอีก ไอ้หมอนี่ช่างยึดมั่นถือมั่นต่ออาหารมิมีใดเทียม

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ลองอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จ จึงลดเสียงลงกล่อมว่า “อาเจ๋อ ถึงห้องแล้ว เจ้านอนได้แล้ว ข้าจะช่วยเจ้าเก็บของเอง ไว้เจ้าตื่นมาค่อยกินดีไหม”

 

 

ตามหลักแล้วนางควรจี้สกัดจุดหลับของเขา แล้วโยนไอ้หมอนี่ลงกับเตียงเลย

 

 

แต่ฉาก ‘สวดส่งวิญญาณ’ ของหยวนเจ๋อฉากนั้นสะท้านใจผู้คนจริงๆ แม้แต่นางที่ใจกล้าเสมอมาก็ยังกริ่งเกรง เกิดไอ้หมอนี่บ้าขึ้นมาเพราะของกิน ที่นี่มีนางแค่คนเดียว!

 

 

ถ้าไม่ไหวจริงๆ คงต้องปล่อยให้ไอ้หมอนี่ยืนหลับทั้งๆ ที่แบกของและกอดโถพระกระโดดกำแพงก็แล้วกัน

 

 

เมื่อนางไม่หวังอะไรแล้ว แต่ลองขยับโถพระกระโดดกำแพงอีกครั้ง กลับพบว่านำออกมาได้

 

 

ชิวเยี่ยไป๋งงงัน รีบนำโถไปตั้งไว้อย่างดี แล้วจึงแก้มัดห่อของออกจากตัวของเขา นำอาหารห่อใหญ่จัดวางให้ดี

 

 

จากนั้นนางจึงจูงหลวงจีนที่หลับอุตุไปที่ข้างเตียง ขณะคิดจะจับแขนนอนลง นึกไม่ถึงว่าไต้ซือเมิ่งอี๋เหมือนจะรู้สึก พอแตะถูกเตียงก็หัวทิ่มลงอย่างไม่ลังเลแล้วหลับต่อ!

 

 

ชิวเยี่ยไป๋ดูแล้วก็ส่ายหน้าเตรียมจะจากไป นึกไม่ถึงว่าเพิ่งก้าวขาก็โดนฉุดไว้ นางไม่ทันระวังจึงล้มลงบนตัวหยวนเจ๋อ

 

 

จากนั้นคนที่หลับอยู่ก็ใช้ทั้งมือทั้งขากอดรัดนางไว้ ให้นางตกอยู่ในอ้อมกอดอย่างไม่เกรงใจ

 

 

พริบตานั้นชิวเยี่ยไป๋ตัวแข็ง รู้สึกว่าอีกฝ่ายใช้คางถูที่หน้าผากตนแล้วริมฝีปากก็สัมผัสกับหน้าผาก ราวกับสัตว์ตัวน้อยกำลังหาของกิน ถูซ้ายถูขวาถูไปถูมาจนชิวเยี่ยไป๋ขนลุกทั้งตัว