บทที่ 370 เจียงไคเซิน
บทที่ 370 เจียงไคเซิน
“หืม? ปลายทางคือฮ่องกงไม่ใช่เหรอ?”
เรือสำราญสุดหรูเริ่มชะลอความเร็วและพร้อมที่จะเทียบท่า ในห้องของจืออี้ เธอสวมชุดฤดูร้อนเย็นสบาย ลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กออกมา แว่นกันแดดขนาดใหญ่บดบังหน้าผากของเธอ เธอดูมีเสน่ห์และสง่างาม แต่วิธีที่เธอเดินยังคงดูผิดธรรมชาติอยู่เล็กน้อย และยังดูเหมือนจะเดินกะเผลก
จืออี้ที่กำลังจะลงจากเรือก็พูดแปลก ๆ หลังจากเหลือบมองไปยังแผนที่โดยไม่ได้ตั้งใจ
“เรามาเทียบท่าในประเทศเลยเหรอ? ดีแล้ว ประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย ไปกันเถอะ”
เซียวเฟิงยังคงสวมชุดลำลอง ทุกอย่างเรียบง่าย เขาเดินนำหน้าและประคองจืออี้ด้วยมือของเขาและกล่าว
ที่เขาบอกว่าประหยัดเวลาไปได้เยอะ ย่อมหมายถึงปัญหาในการลักลอบกลับจากฮ่องกงไปยังแผ่นดินใหญ่นั้นคลี่คลายไปแล้ว สาเหตุหลักก็คือการซ่อนนกสีดำนั้นยากเกินไป
“อืม ไปกันเถอะ”
จืออี้ยังกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่แยแส เซียวเฟิงตั้งใจจะประคองเธอด้วยมือของเขา แต่เธอกลับควงแขนของเซียวเฟิงไว้แทน
เซียวเฟิงส่ายหัวและปล่อยให้เธอทำตามใจ เขาเปิดประตูห้องและเดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวไป
ทว่าความคิดของเซียวเฟิงเกี่ยวกับการเปลี่ยนจุดหมายปลายทางนี้ตื้นเขินไป เพราะสถานที่ที่เรือสำราญมาเทียบท่านั้นไม่ได้เป็นแค่ท่าเรือส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังมีกองทัพติดอาวุธอยู่ที่ท่าเรือด้วย นักท่องเที่ยวทุกคนถูกคุมตัวเมื่อลงจากเรือสำราญ!
“เซียวเฟิง มีบางอย่างผิดปกติ! ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นท่าเรือส่วนตัวของตระกูลเจียง!”
จืออี้ที่กำลังหัวเราะกับเซียวเฟิง ก็ได้เห็นกลุ่มกองทัพในท่าเรือทันทีที่เธอเดินมาบนดาดฟ้าเรือ ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เนื่องจากเจียงโจวตายด้วยน้ำมือของเซียวเฟิง และเรือสำราญได้เบี่ยงเบนไปจากเส้นทางเดิมเข้าสู่ท่าเรือส่วนตัวของตระกูลจาง
นอกจากนี้ยังมีกองทัพรออยู่ ทันใดนั้นสีหน้าของจืออี้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เผยให้เห็นความวิตกกังวล
“ไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่แล้ว”
เซียวเฟิงโอบเอวบางของจืออี้จากด้านหลังไว้เพื่อทำให้สบายใจ สีหน้าของชายหนุ่มไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก นี่เป็นความมั่นใจในตัวเองที่มาจากความแข็งแกร่งของเขา
“รีบเดินและเข้าแถวที่ด้านล่างซะ! มาเลย อย่าชักช้า!”
มีทหารที่ขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือเพื่อยึดเรือสำราญแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นเซียวเฟิงและจืออี้หยุดพวกเขาก็เข้ามาทันทีและชี้ปืนไปที่ทั้งสองคน
เสียงจากที่นี่ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่ที่ท่าเรือด้านล่าง หนึ่งในลูกเรือมองมาและเปลี่ยนสีหน้าทันทีที่เขาเห็นจืออี้ เขาวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาชายชราในชุดเหมา จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางจืออี้และพูดอะไรบางอย่าง
“ดูเหมือนว่าปัญหากำลังมาอย่างเร็วเลย”
เซียวเฟิงไม่ได้ขยับเท้าของเขา อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องขยับเท้าเพราะทีมทหารพยุงชายชราในชุดเหมาขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ และล้อมเซียวเฟิงกับจืออี้
“เขาคือเจียงไคเซิน!”
จืออี้หลบอยู่หลังเซียวเฟิงโดยเกาะแขนของเซียวเฟิงไว้และกระซิบที่หูของเขา
ที่จริงแล้ว ต่อให้เธอไม่ย้ำเตือน เซียวเฟิงก็เคยเห็นชายชราผู้ดูแข็งแรงนี้ในหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์รายใหญ่! เขาเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในฮัวเซีย เจียงไคเซิน! เขาเป็นคนที่ควบคุมเศรษฐกิจภาคตะวันออกของประเทศแต่เพียงผู้เดียว!
“นี่มันคุณซีเฟยจากตระกูลซางกวนไม่ใช่เหรอ? ฉันชื่อเจียงไคเซิน และฉันขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม?”
ทีมทหารรายล้อมเซียวเฟิงและจืออี้โดยตรง ชายชราที่ชื่อเจียงไคเซินมองที่เซียวเฟิงเป็นเวลาหนึ่งนาทีเต็มแล้วถามจืออี้ที่อยู่ข้างหลังเขา
สีหน้าของชายชราดูสงบ ไม่มีใครเห็นความสุขหรือความโกรธบนใบหน้าของเขา รวมไปถึงน้ำเสียงที่ฉายแววไม่แยแสราวกับว่าเขากำลังคุยเล่น
“ลุงเจียง นั่นไม่ใช่วิธีถามคำถามนะ” จืออี้มองไปที่ทีมทหารที่ล้อมเธอกับเซียวเฟิงอยู่ มีปืนมากกว่ายี่สิบกระบอกหันเข้าหาพวกเขา และเธอก็พูดด้วยรอยยิ้ม
“เพราะว่าเจียงโจว ลูกชายที่ไม่ได้ความของฉันถูกฆ่าตายบนเรือสำราญลำนี้ ฉันอยากจะถามคุณซีเฟยหน่อยว่าคุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนทำ?”
ดวงตาของเจียงไคเซินหรี่ลง เผยให้เห็นถึงความเฉียบคมของเขา ทำให้ผู้คนไม่กล้าสบตา แม้เขาจะถามจืออี้ แต่เขาก็ยังคงมองเซียวเฟิงจากมุมตาของตัวเอง
“ฉันไม่รู้”
จืออี้ตอบไปตรง ๆ ในขณะเดียวกัน เธอก็แอบบีบมือของเซียวเฟิงอย่างกังวล มองทหารถือปืนที่บรรจุกระสุนอยู่รอบตัวพวกเขาอย่างหวั่น ๆ
“คุณซีเฟย เจียงโจว ลูกชายของฉันมีความรู้สึกดี ๆ ต่อคุณมาตลอด ตามคำให้การของลูกเรือ เขาหายตัวไปหลังจากเข้าไปในห้องของคุณ ฉันเชื่อว่าคุณซีเฟยต้องรู้รายละเอียดแน่นอน อย่าเอาความปลอดภัยของตัวเองมาเสี่ยงเพื่อปกป้องคนอื่นเลย” น้ำเสียงของเจียงไคเซินเริ่มคุกคาม ทหารที่อยู่รอบตัวเขาก็ราวกับรู้ความต้องการของชายชรา ซึ่งจะเห็นพวกเขาทั้งหมดชักปืนขึ้นรอรับคำสั่งได้ทุกเมื่อ
“ฉัน…” จืออี้อดไม่ได้ที่จะกลั้นใจของเธอ เธอกำลังจะพูดปฏิเสธต่อไป แต่เซียวเฟิงบีบมือของเธอในขณะนี้ ขัดจังหวะพูดของเธอ
“อย่ากลัวเลย ฉันอยู่นี่แล้ว” จืออี้มั่นใจว่าเซียวเฟิงไม่ได้คิดถึงทหารมากกว่ายี่สิบคนรอบตัวเขาเลย เขามองไปที่เจียงไคเซินตรงหน้า แล้วพูดน้ำเสียงเรียบ ๆ
“เจียงโจวถูกฉันฆ่าเองแหละ แล้วไงต่อ?”
“ดีมาก!” เจียงไคเซินมองไปที่เซียวเฟิง เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “เจียงโจวเป็นลูกคนที่สองของฉัน เขายังเป็นลูกชายคนเล็กของฉันด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ความ แต่เขาก็ได้ความรักทั้งหมดของฉัน ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ไม่ว่าตัวตนของแกคืออะไร ในเมื่อแกฆ่าลูกชายของฉัน แกก็ต้องตายด้วย! ในเมื่อกล้ายอมรับ! ฉันก็จะทนต่อความเกลียดชังที่รุนแรงและฝังลึกนี้ด้วยชีวิตของแก! ฉันจะเว้นครอบครัวแกไว้! และฉันจะไม่นับว่าตระกูลซางกวนต้องรับผิดชอบด้วย!”
เมื่อกล่าวเช่นนั้นเจียงไคเซินก็หันไปหาจืออี้ “คุณซีเฟย โปรดหลีกไปด้วย คนคนนี้ต้องชดใช้ชีวิตลูกชายของฉันด้วยชีวิตของเขา! คุณจะปกป้องเขาไม่ได้!”
“ถ้าอยากทำก็ทำไป ฉันจะอยู่และตายไปพร้อมกับเขา” จืออี้ไม่ฟังเขาเลย เธอกำนิ้วของเซียวเฟิงแน่นและพูดโดยไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว
“ถ้าเช่นนั้น คุณซีเฟย…โปรดชดใช้ชีวิตของลูกชายของฉันด้วยชีวิตของคุณด้วย ฉันเชื่อว่าถ้าเขาที่ล่วงลับไปรู้เรื่องนี้ เขาจะมีความสุขมากที่จะได้พบคุณซีเฟยอีกครั้ง” น้ำเสียงของเจียงไคเซินเย็นชา เขาโบกมือให้ทหารรอบตัวเขา!
“ลงมือได้!”
ทีมทหารไม่ลังเล ทุกคนเหนี่ยวไกพร้อมกัน ทว่าก่อนหน้านั้นสองเงาดำได้ตกลงมาจากฟากฟ้าและลงจอดในวงล้อมของพวกเขา พวกเขาแยกกันไปขวางกระสุนคนละทาง นั่นคือข้างหน้าและข้างหลังเซียวเฟิง
ปัง ปัง ปัง!
ปืนมากกว่ายี่สิบกระบอกพ่นเปลวไฟออกมาพร้อมกัน สิ่งนี้ควรฉีกร่างกายมนุษย์ออกจากกันได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ไม่มีร่องรอยของเลือดในที่เกิดเหตุเลย กลับมีประกายไฟบินว่อนแทน!
กิ๊ง กิ๊ง กิ๊ง
ตรงหน้าเซียวเฟิง ชายผิวดำคนหนึ่งซึ่งสูงเท่ากับหอคอยเหล็กได้ยืนขวางหน้าเซียวเฟิงราวกับคิงคองสีดำ กระสุนที่พุ่งเข้าใส่เขาทั้งหมดกระเด็นออกไปราวกับกระแทกกับผนังโลหะผสม ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
ด้านหลังเซียวเฟิงมีนกสีดำขนาดใหญ่ที่มีความสูงสองเมตรเมื่อมันยืนขึ้น มันกางปีกกว้างของมันและคลุมเซียวเฟิงและจืออี้ทั้งตัว กระสุนที่สาดมาราวกับฝนไม่สามารถแม้แต่จะเจาะขนของมันได้ กระสุนทั้งหมดกระเด็นออกไปพร้อมประกายไฟ!
แก๊ก แก๊ก
กองทหารทั้งหมดตกตะลึง แม็กกาซีนว่างเปล่าและหนึ่งในนั้นก็ลืมเปลี่ยนแม็กกาซีน พวกเขาทั้งหมดมองกลางวงล้อมด้วยสีหน้าแข็งทื่อและตกใจ
“นายท่าน เป็นอะไรไหมครับ?”
เมื่อเห็นว่าการยิงรอบตัวเขาหยุดลงแล้ว คิงคองขยับร่างที่เหมือนหอคอยของเขาและหันไปหาเซียวเฟิง
แกว๊ก!
นกสีดำทำเสียงที่ไม่น่าฟังเหมือนเสียงเป็ด มันสะบัดปีกของมันและหุบลง มองไปที่เซียวเฟิงพร้อมเอียงคอ
“ฉันไม่เป็นไร”
เซียวเฟิงส่ายหัวแล้วหันกลับมาตรวจสอบว่าจืออี้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ โชคดีที่เธอไม่บาดเจ็บ กระสุนทั้งหมดถูกสกัดกั้นไว้ได้
“แก…แกเป็นใครกันแน่!”
เจียงไคเซินตกตะลึงกับฉากที่น่าตกใจเช่นเดียวกับทหารรอบตัวเขา แต่เขาเป็นคนแรกที่ตอบสนอง เขามองไปที่คิงคองกับนกสีดำ และถามเซียวเฟิงด้วยความตกใจ
“เขามาจากตระกูลจาง…” จืออี้ก็ตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็พร้อมที่จะตอบด้วยความภาคภูมิใจหลังจากได้ยินคำถามนี้
แต่เธอถูกขัดจังหวะโดยเซียวเฟิง
“ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใครหรอก ยังไงแกก็ต้องตายอยู่ดี” เซียวเฟิงส่ายหัว ดวงตาของเขาไม่แยแส คิงคองก้าวเข้ามาหาเจียงไคเซินแล้วพ่นลมหายใจแห่งความตายอันเย็นเฉียบ
“เดี๋ยวก่อน! เซียวเฟิง นายจะฆ่าเขาไม่ได้นะ!”
จืออี้จับมือเซียวเฟิงและพูดทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เธอส่ายหัวเบา ๆ หลังจากที่เซียวเฟิงหันมามอง
“เขาไม่ใช่บุคคลที่ลบให้หายไปเฉย ๆ ได้อย่างเจียงโจว ตัวตนของเจียงไคเซินนั้นพิเศษเกินไป หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา เศรษฐกิจของทั้งฮัวเซียจะปั่นป่วน” จืออี้กระซิบกับเซียวเฟิง
เซียวเฟิงขมวดคิ้ว
จากนั้นคิงคองก็เดินไปจับหัวเจียงไคเซินไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วยกเจียงไคเซินขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาไม่ได้รับคำสั่งประหารจากเซียวเฟิง จึงมองย้อนกลับมาที่เซียวเฟิงอีกครั้งเพื่อรอคำสั่ง
“ปล่อยเขาไป”
เซียวเฟิงมองไปที่ดวงตาที่สวยงามและร้องขอของจืออี้อยู่สองสามวินาที จากนั้นเขาก็ยอมอ่อนข้อและพูดกับคิงคอง
“ครับนายท่าน!”
คิงคองตอบอย่างบึ้งตึง เขาปล่อยมือและเจียงไคเซินก็ตกลงสู่พื้นดาดฟ้าเรือ
“แค่ก แค่ก…” เจียงไคเซินรีบปิดคอของเขาและไออย่างรุนแรง ตอนที่ชายชราถูกยกหัวขึ้น เขารู้สึกว่าคอของเขาเกือบจะหักแล้ว
“ลุงเจียง เราก็ไม่ได้มีเจตนาให้เกิดอุบัติเหตุกับเจียงโจว แต่เหตุผลก็เพราะเขาคิดไม่ดีกับฉันและอยากใช้ความรุนแรงกับฉันก่อน ฉันเชื่อว่าลุงเจียงรู้ดีว่าเจียงโจวเป็นคนแบบไหน การตายของเขาสามารถกล่าวได้ว่าคู่ควรกับบาปของเขาแล้วเท่านั้น ฉันรู้ว่าลุงเจียงเป็นคนฉลาดและรู้ว่าต้องทำยังไง”
จืออี้ก้าวไปข้างหน้าและพูดกับเจียงไคเซินอย่างใจเย็น จากนั้นเธอก็เริ่มจับมือเซียวเฟิงแล้วพาออกจากดาดฟ้าเรือ
กองทัพที่เดิมควบคุมท่าเรือตลอดจนลูกเรือและนักท่องเที่ยวมองดูเซียวเฟิงและคนอื่น ๆ จากไปอย่างเงียบ ๆ
…
“ตอนที่พวกเขายิง พวกเขาทำให้ฉันกลัวจริง ๆ นะ! ฉันคิดว่าชีวิตของฉันจบลงแบบนี้แล้ว! แต่แล้วฉันก็คิดได้ว่าฉันจะอยู่กับคุณก่อนที่ฉันจะตาย และฉันก็ไม่กลัวเลย”
บนรถกระบะที่นั่งสองแถว คิงคองเป็นคนขับรถ เซียวเฟิงและจืออี้นั่งอยู่บนที่นั่งด้านหลัง จืออี้ตบหน้าอกใหญ่ของเธอ
“ฉันบอกแล้วว่าถ้าฉันอยู่ด้วยก็ไม่เป็นไรน่ะ” เซียวเฟิงส่ายหัว
“แล้วนกสีดำนั่นมันอะไร? ทำไมมันถึงกันกระสุนได้?” จืออี้เหลือบมองไปที่กระบะหลังและถามเซียวเฟิง นกสีดำซ่อนตัวอยู่ในกระบะหลังโดยมีผ้าใบกันน้ำคลุมไว้อยู่
“เธอคิดซะว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ ซึ่งเป็นชนิดที่ทรงพลังมาก” เซียวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเธออาศัยอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปส่งเธอก่อน”
“หมายความว่ายังไงที่ฉันอาศัยอยู่ไหน? ฉันจะอยู่ที่ที่คุณอยู่!” จืออี้บ่น
“เธอหมายความว่าไง?” เซียวเฟิงหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“คุณจะไม่ยอมรับหลังจากที่นอนกับฉันแล้วงั้นเหรอ? ฉันจะไปอาศัยอยู่กับคุณไง!”