Ch.224 – สำรวจถ้ำ

Provider : Muntra

 

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.224 – สำรวจถ้ำ

 

ศพนี้จบชีวิตลงในมุมๆหนึ่งของถ้ำ ทั้งยังมีรอยไหม้เกรียมบนกระดูก 

 

พอได้ลองมองดูดีๆแล้ว คาดว่าคงเสียชีวิตจากอบิลิตี้ไฟ

 

จากสภาพศพน่าจะตายมานานหลายปี ทว่าเสื้อผ้าของเขากลับยังอยู่ดี ไม่บุบสลายแต่อย่างใด ตรงกันข้าม มันเปล่งแสงเรืองรอง เพราะแสงนี้เองที่ทำให้ฉินเฟิงสังเกตเห็นศพดังกล่าว

 

“นี่มันผลิตภัณฑ์จากอารยธรรมขั้นสูง!”

 

มองไปยังเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายสวมใส่ ดวงตาของฉินเฟิงพลันเปล่งประกายสดใส

 

ทว่าก็อย่างที่บอกไป จากสภาพศพมันเหมือนจะผ่านมานานหลายปีแล้ว ดังนั้น นอกไปจากเรื่องที่ศพมาซ่อนอยู่ในรังจระเข้มังกร และมีสภาพถูกแผดเผาโดยสิ้นเชิง ก็ไม่มีเบาะแสอะไรอีกเลย

 

ฉินเฟิงลองสำรวจตามส่วนต่างๆของโครงกระดูก และพบว่ามีสร้อยที่ห้อยไว้ด้วยกุญแจสีเทาเงินคล้องอยู่บนคอของอีกฝ่าย 

 

เป็นอีกครั้งที่ดวงตาของฉินเฟิงสว่างสดใส

 

–นี่มันกุญแจมิติ!

 

มันคือรูปแบบแบบของอุปกรณ์รูนมิติที่หลอมรวมเข้าด้วยกันกับอารยธรรมขั้นสูง

 

ขนาดอุปกรณ์รูนมิติที่ใช้กันในโลกใบนี้ วัสดุของมันยังหาได้ยากเย็นยิ่ง ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงอุปกรณ์รูนมิติจากอารยธรรมขั้นสูงเบื้องหน้าเขา กระทั่งรูปทรงก็ยังแตกต่างกันออกไป

 

การจะสร้างอุปกรณ์มิติของอารยธรรมขั้นสูงมีเงื่อนไขที่ยุ่งยากกว่ามาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการพังทลายจากด้านใน ในชีวิตก่อนหน้า กว่าฉินเฟิงจะได้พบกับอุปกรณ์ประเภทนี้ ก็ปาเข้าไปเลเวล C แล้ว

 

แต่ตอนนี้ยังไม่ทันถึงเลเวล C เขาก็สามารถเจอมันและเก็บไว้ในครอบครอง

 

ฉินเฟิงถอดสร้อยคอออก และฉีดพลังสมาธิลงไป เขาค้นพบว่ามีอาวุธหลายชิ้นอยู่ในนั้น อย่างอื่นล้วนเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน และธนบัตรบางส่วน

 

ยังไงก็ตาม เห็นได้ชัดว่าธนบัตรเหล่านี้ไม่ใช่แบบที่ใช้กันในโลก

 

“มีพื้นที่มิติอยู่ราวๆ 20 ลูกบาศก์เมตร!” ฉินเฟิงพอทราบถึงขนาดของมันก็อดอุทานไม่ได้

 

เพราะแค่เฉพาะพื้นที่ของมัน กุญแจมิติก็มีมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญแล้ว!

 

“ไปกันต่อเถอะ ที่นี่จะต้องมีอะไรดีๆอยู่อีกแน่!”

 

ฉินเฟิงก้าวไปข้างหน้า 

 

เวลานี้ไป๋หลีเองก็เริ่มเกิดความสนใจขึ้นบ้างแล้วเช่นกัน

 

เนื่องจากได้อยู่กับฉินเฟิงมาเป็นเวลานาน ไป๋หลีเลยทราบว่า จำเป็นต้องใช้สิ่งใดถึงจะสามารถฝึกฝน แล้วยกระดับไปได้อีกขั้น หรืออะไรไม่จำเป็นต้องเข้าต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน

 

ทั้งยังรู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้เงินมา แล้วนำไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆที่ต้องการ

 

จากมุมมองของไป่หลี ตามความทรงจำที่สืบทอดกันมาของเธอ เป็นของแม่ที่อาศัยอยู่ในโลกของอารยธรรมดึกดำบรรพ์ กิจกรรมส่วนใหญ่นั้นเป็นการต่อสู้กัน แม้หลายๆเผ่าพันธุ์จะมีความฉลาดอยู่บ้าง แต่ที่เด่นกว่านั้นคือพลังต่อสู้

 

ช่วงเวลานี้ ทั้งสองราวกับนักล่าสมบัติ ร่วมเดินทางลัดเลาะไปตามโพรงใต้ดินของเกาะ

 

แม้ระหว่างทางจะมีจระเข้มังกรอยู่ประปราย แต่ทั้งหมดก็ถูกสังหารลงโดยฉินเฟิง

 

“นี่มันดอกหญ้าทมิฬ!” ฉินเฟิงมองไปในความมืดมิด และเห็นถึงสมุนไพรวิญญาณที่ใบของมันกำลังเปล่งแสงระยิบระยับ

 

“มันมีไว้ทำอะไรงั้นหรอ? ดูสวยมากเลย!” เมื่อพบเจอกับของสวยๆงามๆ ไป๋หลีก็อุทานออกมา

 

“เดี๋ยวฉันจะเก็บมันเอง!”

 

ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์คราม และค่อยๆยื่นเข้าหามันอย่างระมัดระวัง

 

แต่จู่ๆใบเล็กๆของต้นดอกหญ้าทมิฬก็พลันกลายเป็นคมกริบ! ชัดเจนว่าต้องการจะขัดขืน แต่ใบคมกริบเหล่านั้น ภายใต้คมกล้าของมีดกษัตริย์คราม ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด

 

บรัช!

 

ปรากฏแสงจากคมมีดสว่างวาบ ลำต้นดอกหญ้าทมิฬ ถูกตัดขาดออกจากรากของมัน ประกายระยิบระยับบนใบดอกหญ้าเริ่มแผ่วจางลง

 

ฉินเฟิงก้าวออกไป และรีบหยิบขึ้นมา

 

สำหรับสมุนไพรชนิดนี้ ใช่ว่ามันจะมีประโยชน์ไปซะทั้งต้น มีเพียงส่วนปลายสีขาวที่ราวกับดอกแดนดิไลออนเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้งานได้

 

“เจ้าสิ่งนี้มีมูลค่าไม่น้อย หลังจากกินลงไปแล้ว จะช่วยให้สามารถมองเห็นในยามค่ำคืนได้ ถือเป็นความสามารถสำคัญสำหรับคนส่วนใหญ่!”

 

ก็ดูอย่างฉินเฟิงสิ ทุกท่านก็น่าจะทราบแล้วว่ามันสะดวกสบายแค่ไหนที่สามารถมองเห็นในที่มืดได้ หากไม่มีอุปสรรคอย่างความมืดมิด จะไปที่ไหนก็หมดห่วง ไม่ต้องพะวงว่าจะถูกสัตว์ร้ายลอบจู่โจมจากในที่มืด

 

นี่ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติ ถือเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้ใช้พลัง

 

ดอกหญ้าทมิฬเล็กๆ เพียงต้นเดียว ก็มีค่ามากกว่า 2 ล้านเหรียญแล้ว ในขณะที่ฉินเฟิงสามารถเก็บเกี่ยวมาได้ก็กว่าหลายร้อยต้น สามารถฟันกำไรก้อนโต กล่าวได้ว่าเดินไปทางไหน ฉินเฟิงก็ได้รับของติดไม้ติดมือตลอดเวลา

 

“ไปกันต่อเถอะ”

 

ยิ่งสำรวจก็ยิ่งเจอสมบัติที่ซ่อนอยู่ มันทำให้ฉินเฟิงรู้สึกตื่นเต้น

 

เพราะทั้งหมดนี้มันเป็นของเขา!

 

ยิ่งมุ่งหน้าลึกเข้าไปเรื่อยๆ ฉินเฟิงก็พบกับสมุนไพรวิญญาณที่เติบโตในที่มืดเป็นจำนวนมาก เขาขุดมันขึ้นมาทั้งหมด อีกทั้งยังได้พบกับศพอีกจำนวนมาก เพียงแต่ว่าศพเหล่านี้ดูอ่อนแอไปหน่อย และใช่ว่าทุกศพจะครอบครองกุญแจมิติ ทั้งกระดูกศพยังแหลกเป็นผงไปตั้งนานแล้ว

 

แต่ถึงอย่างนั้น ฉินเฟิงก็ยังได้รับกุญแจมิติมาอีกกว่า 4 ดอก

 

นี่ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่!

 

ไม่นาน ฉินเฟิงก็เริ่มลึกเข้าสู่ใจกลางถ้ำมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเอง คลื่นแรงกดดันอันน่าสยองขวัญก็แผ่ออกมา

 

ฉินเฟิงกลั้นหายใจในทันใด

 

เพราะนี่คือกลิ่นอายของราชันย์สัตว์ร้าย!

 

“ครืด … ครืด … ”

 

เสียงกรนดังสนั่น อีกทั้งพ่นลมหายใจออกมาแต่ละทียังทำให้เกิดลมกรรโชกแรง

 

“ระวังตัวด้วยนะ อย่าให้มันพบเธอ” ฉินเฟิงกล่าวเสียงกระซิบ

 

ไป๋หลีเร่งพยักหน้า ยับยั้งกลิ่นอายของตนเอง

 

แม้ปกติไป๋หลีจะปกปิดกลิ่นอายของตนเองอยู่แล้ว แต้มันก็ยังไม่อาจรอดพ้นไปจากการรับรู้ของราชันสัตว์ร้ายในเลเวลเดียวกันไปได้

 

และหากราชันย์สัตว์ร้ายบังเอิญเผชิญหน้ากัน เหตุการณ์ต่อจากนั้นคงมีเพียงหนึ่งเดียว –นั่นคือสู้กันจนตายไปข้าง!

 

“ฉันจะไปเอง เธอซ่อนอยู่ที่นี่” ฉินเฟิงสั่ง

 

“รับทราบ” ไป๋หลีพยักหน้า

 

ว่าจบ ฉินเฟิงก็ปล่อยโอบกอดทมิฬปกคลุมร่างกายของเขา ย่างกรายในเงามืด หลังจากผ่านโพรงถ้ำเล็กๆน้อยๆ เขาก็พบกับพื้นที่หนึ่ง ซึ่งมีขนาดกว้างอย่างน้อยเทียบเท่ากับสนามฟุตบอล อีกทั้งยังมีบางส่วนจมอยู่ใต้น้ำทะเล แต่ก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงความกว้างใหญ่ของมัน

 

ณ ใจกลางสนามฟุตบอล สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่อย่างหาที่ใดเปรียบกำลังหลับไหลอยู่

 

เนื่องจากความแข็งแกร่งที่มากขึ้นของฉินเฟิง ทำให้ยามพบเจอสัตว์ร้าย เขาเลยพลอยเห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของมันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

นับตั้งแต่เขาเกิดใหม่ เจ้าตัวนี้ได้ขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่งในสัตว์ร้ายที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดที่ฉินเฟิงเคยเห็นมา มันแซงหน้าแม่พันธุ์แมงมุมเลือดขาเหล็กเป็นที่เรียบร้อย

 

ลำตัวของมันยาวกว่า 30 เมตร กว้าง 15 เมตร นี่คือขนาดคร่าวๆในตอนที่มันนอนแผ่อยู่บนพื้น ยังไม่นับรวมหางที่ม้วนอยู่

 

—มันคือจระเข้มังกรระดับราชันย์!!

 

แค่เท้าเพียงข้างเดียวของมัน ก็มีขนาดใหญ่กว่าฉินเฟิง 2 เท่า!

 

เป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวมาก

 

ข้างๆราชันย์จระเข้ กระจัดกระจายไปด้วยโครงกระดูก คาดว่าน่าจะเป็นสัตว์ร้ายทะเลตัวอื่นๆ ที่ถูกมันจับกินเนื้อจนหมด แต่ถ้าจะมีเหลือบ้างคงเป็นพวกเศษชิ้นส่วนกระดูกและขน พะเนินเป็นภูเขาขนาดมหึมา มองไกลๆคล้ายซากกองขยะ

 

อีกทั้งในมุมๆไหน ยังปรากฏกระดูกของมนุษย์อีกบางส่วน 

 

กลิ่นอายของฉินเฟิงยังคงถูกระงับเอาไว้ เก็บมันไว้ให้ลึกกว่าเดิม 

 

เพราะแม้เขาจะไม่หวาดกลัวราชันย์จระเข้ และกล้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย แต่ที่ฉินเฟิงต้องการคือกลยุทธ์โด้ของอย่างเงียบๆ เขาไม่คิดจะต่อกรกับราชันย์จระเข้ และไม่ต้องการให้ผู้ใช้พลังคนอื่นๆรู้ว่ามีถ้ำแห่งนี้อยู่

 

ฉินเฟิงซ่อนอยู่ในความมืดมิด อัดฉีดกำลังภายในเข้าสู่สองแขน สองขา ทักษะลับกลืนดารา พลังดึงดูดถูกปลดปล่อยออกมา เปลี่ยนมือเขาให้กลายเป็นตีนตุ๊กแก ปีนป่ายผ่านผนังโดยไร้ซึ่งสรรพเสียง

 

ค่อยๆคืบคลานจนใกล้ถึงศพมนุษย์ ฉินเฟิงก็มองเห็นปืนไฮเทคในอ้อมแขนของพวกเขา

 

แต่ฉินเฟิงยังไม่ว่างตรวจสอบมัน เขาเริ่มเก็บกุญแจมิติเข้าสู่มือก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากเก็บมันมาได้หลายอัน ฉินเฟิงยังค้นพบกล่องแบบล็อครหัสผ่าน

 

กล่องนี้มิได้มีขนาดใหญ่โตมากนัก มันถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยในที่เดียวกัน และมีหนึ่งในนั้นเปิดอยู่

 

มองลงไป จะพบกับคริสตัลใสที่บีบอัดพลังงานจนมีขนาดเท่ากับเหรียญ

 

“นี่มันเหรียญเงินพลังงาน!”

 

ฉินเฟิงเคยเห็นเงินสกุลนี้มาก่อน หลังจากยุคโลกาวินาศ รอยแยกมิติได้นำสิ่งต่างๆเข้ามามากมาย และหนึ่งในนั้นเป็นเทคโนโลยีบีบอัดที่มนุษย์ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งคริสตัลพลังงานที่ถูกบีบอัดโดยฝีมือมนุษย์ จะมีขนาดหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตร และไม่มีลวดลายใดๆ

 

อย่างไรก็ตาม เบื้องหน้าของฉินเฟิง มันราวกับผลงานทางศิลปะอันวิจิตร งดงามอย่างหาที่ใดเปรียบ

 

ฉะนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าสิ่งนี้จะต้องมีค่ามากอย่างแน่นอน

 

ก่อนเกิดใหม่ ฉินเฟิงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเล่ยเฉินได้รับสิ่งเหล่านี้ แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะยังไงซะ ข้อมูลที่เขาได้รับมา มันก็ไม่ต่างไปจากข่าวลือและการอ้างอิงเหตุการณ์ไปต่างๆนาๆอยู่แล้ว มันไม่มีใครหรอกนอกจากเล่ยเฉินเอง ที่จะทราบถึงปริมาณที่แท้จริงของสมบัติบนเกาะนี้

 

…ไม่มีเลยจนกระทั่งฉินเฟิงเสนอหน้าเข้ามา และชุบมือเปิบไปจนเกลี้ยง!