“ศิษย์พี่เฟิง!”

เห็นเฟิงเจ๋อที่ถูกอัดจนลงไปนอนกับพื้น ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกอีกสองคนก็ตกใจขึ้นมาทันที พวกเขามองดูเซี่ยปิงด้วยแววตาที่แอบแฝงไปด้วยจิตสังหาร

“ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทำให้ศิษย์พี่เฟิงบาดเจ็บเช่นนี้ ตายไปซะ!”

“ไม่ต้องพูดจาไร้สาระอะไรกับเขาอีก สังหารเขาทันที!”

ทั้งสองคนมองหน้าซึ่งกันและกัน จากนั้นก็ได้เคลื่อนไหวออกมาอย่างกะทันหัน คนหนึ่งไปทางซ้าย อีกคนหนึ่งไปทางขวา พุ่งออกไปราวกับสายฟ้า

“ไสหัวไปซะ!”

เซี่ยปิงมองอย่างที่ไม่ต้องการมอง เขายกหมัดขึ้นมา ทักษะหมัดเกลียวทมิฬ!

ทันใดนั้นบนอากาศเกิดเป็นคลื่นระรอกขึ้นมา ทับซ้อนในแต่ละชั้นๆ ทำให้พลังอำนาจทวีคูณขึ้นมา

“อ๊าก!”

ทั้งสองคนมีสีหน้าที่แตกตื่น พวกเขาค้นพบว่าพลังหมัดของตนเองนั้นถูกดูดกลืนเข้าไปโดยหลุมวนนี้ ไม่มีพลังอำนาจหลงเหลืออยู่เลย แม้แต่ร่างกายของพวกเขาก็ยังควบคุมไม่ได้

วินาทีต่อมา พลังหมัดก็ได้เจาะเข้าไป ร่างกายของพวกเขาถูกอัดกระเด็นออกไปทันที เหมือนกับเผชิญหน้ากับการโจมตีสายฟ้าฟาดก็ว่าได้ พลังอำนาจของคลื่นระรอกที่น่าสะพรึงกลัวได้ทำให้อวัยวะภายในของพวกเขาบาดเจ็บโดยตรง

ปัง พวกเขาดูเหมือนกับเป็นลูกฟุตบอลที่กระแทกลงไปกับพื้น ไถลออกไปไกล2-3กิโลเมตร จนในที่สุดก็พุ่งชนเข้ากับภูเขาลูกหนึ่ง กระแทกเข้าไปจนกลายเป็นหลุมรูปมนุษย์ เศษหินแตกกระจายออกมา

ทั้งสองคนต่างก็พ่นฟองออกมาจากปาก หมดสติไปทันที ไม่มีพลังอำนาจในการต่อสู้อีกต่อไป

“แม่เจ้า ลูกศิษย์สามคนของนิกายหวนคืนปรโลกถูกอัดจนลงไปนอนกองกับพื้น”

“นี่มันตลกสิ้นดี อันที่จริงใครเป็นลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่กัน ทำไมเจ้าอู๋ไท่โต่วนี่ถึงได้ทรงอำนาจยิ่งนัก?”

“ใช่ นี่เขาไม่ใช่เป็นนักบ่มเพาะอิสระหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นแกนพลังฉีของเขาก็อยู่ในระดับสมปรารถนาขั้นเริ่มต้น เป็นไปได้อย่างที่จะเป็นคู่มือให้กับเฟิงเจ๋อได้ ทว่าทำไมสถานการณ์มันถึงพลิกกลับตาลปัตรเช่นนี้?”

“หรือว่าเจ้าเฟิงเจ๋อนี่จะเป็นผู้ที่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง? อันที่จริงที่ไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เห็น”

“ผายลม ความแข็งแกร่งของเฟิงเจ๋อนั้น ในระยะเวลาหลายวันนี้เจ้าไม่ได้เห็นหรือ? พลังอำนาจของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องสงสัย”

“หากนั่นเป็นความจริง การที่อู๋ไท่โต่วสามารถเอาชนะเฟิงเจ๋อได้นั้นจะหมายความว่าอะไรกัน?”

ผู้คนต่างก็ตกใจและตกตะลึง พวกเขาไม่กล้าที่จะเชื่อสายตาของตนเอง เฟิงเจ๋อลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ถูกเจ้านักบ่มเพาะอิสระนี้อัดจนไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรในตอนนี้

แม้แต่ลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกสองคนที่พยายามร่วมมือกันลอบโจมตีนั้น ก็ยังถูกอัดจนบาดเจ็บสาหัสภายในหมัดๆเดียว ไม่มีพลังอำนาจที่จะต่อสู้ต่อไป พลังการต่อสู้เช่นนี้นั้นช่างเหนือจินตนาการของพวกเขาไปอย่างมาก

เมื่อไหร่กันที่นักบ่มเพาะอิสระจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้

ก่อนหน้านี้พวกเขายังเหยียดหยามเจ้านี่ คิดว่าเป็นเพียงแค่ขยะที่ต้องการเกาะแข้งเกาะขาของพวกเขา หากขยะสามารถเอาชนะเฟิงเจ๋อได้ จากนั้นพวกเขาซึ่งอ่อนแอยิ่งกว่าเฟิงเจ๋อนั้นจะเป็นอะไรกัน ด้อยยิ่งกว่าขยะอีกอย่างนั้นหรือ?!

“พี่ใหญ่อู๋ ช่างร้ายกาจจริงๆ”

หวังเฉินและคนอื่นๆต่างก็ตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขานั้นล่วงรู้มานานว่าเซี่ยปิงนั้นเป็นนักวิทยายุทธที่ล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้ ทว่าการที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถที่จะยืนยันได้ถึงความแข็งแกร่งของเซี่ยปิง

ทว่าตอนนี้เซี่ยปิงได้แสดงพลังอำนาจที่แท้จริงให้พวกเขาได้เห็นแล้ว ซึ่งพวกเขาก็มีท่าทางที่เหมือนกับคนอื่นๆ ช็อกอย่างมาก

เห็นได้ชัดว่าทุกๆคนนั้นต่างก็เป็นผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนาเหมือนๆกัน ทว่าเซี่ยปิงนั้นกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขาอย่างมาก ดูเหมือนกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงอำนาจซึ่งหลุดออกมาจากออีกห้วงมิติหนึ่งก็ว่าได้

หลิวหยูหลานมีสีหน้าที่สงบนิ่ง เพราะว่าการที่เธอและเซี่ยปิงได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนนั้น เธอก็ล่วงรู้อย่างชัดเจนถึงความเหนือธรรมชาติของผู้ชายคนนี้ ต่อให้เธอจะอยู่ในช่วงเวลาที่มีพลังอำนาจสูงสุด เธอก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของผู้ชายคนนี้

ทว่าเธอก็แอบถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม ดูเหมือนว่าความแตกต่างระหว่างปีศาจต่างถิ่นนั้นก็มีมากเหมือนกัน ไม่ใช่ปีศาจต่างถิ่นทุกคนที่จะร้ายกาจเหมือนกับเจ้าหื่นกามนี่ ยังมีความแตกต่างในระดับอยู่เช่นกัน

ปัง!

เซี่ยปิงเดินเข้าไปและมองเฟิงเจ๋อด้วยสีหน้าที่ดูถูก

“บัดซบ เจ้าบัดซบ ไม่คาดคิดว่าจะกล้าทำให้ข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้” เฟิงเจ๋อดิ้นรนและจ้องมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เป็นเหมือนกับสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ

“รอข้าก่อนเถอะ การที่ท้าทายนิกายหวนคืนปรโลกนั้น เจ้าจะไม่ได้พบกับจุดจบที่ดี รอให้ข้าได้สังหารเจ้าในภายหลัง รอให้ข้าได้สังหารเจ้า”

เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง การที่ถูกเซี่ยปิงอัดจนมีสภาพที่บาดเจ็บเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนจำนวนมากนั้น นี่ทำให้เขาเสียหน้าอย่างแท้จริง เป็นความอับอายที่ยิ่งใหญ่

ความอับอายเช่นนี้ มีเพียงแค่การลบล้างด้วยเลือดเท่านั้น

“ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่ได้อยู่เห็นวันนั้น เพราะว่าเจ้าจะต้องตายในตอนนี้” เซี่ยปิงมีน้ำเสียงที่นิ่งเฉย สุขุมและเยือกเย็นอย่างมาก ทว่าความสุขุมนี้ที่ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆรู้สึกหวาดกลัว

โดยเฉพาะเฟิงเจ๋อ เขารู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่ปกคลุมร่างกาย อุณหภูมิของร่างกายเหมือนกับว่าลดฮวบลงไปเหลือลบสามสิบองศาก็ว่าได้ แม้แต่อากาศก็เหมือนกับว่าใกล้ที่จะแช่แข็ง

เขาล่วงรู้ว่าเจ้านี่ไม่ได้กำลังล้อเล่น แต่ต้องการที่จะสังหารเขาจริงๆ

ในตอนนี้ ในที่สุดเขาก็แสดงความหวาดกลัวออกมา ทั่วทั้งร่างกายสั่นเทา ตะโกนออกมาเสียงดัง “ศิษย์พี่ฟ่าน เร็ว ช่วยข้าเร็ว มีบางคนที่ต้องการสังหารข้า ต้องการที่จะสังหารศิษย์น้องของท่าน”

เขาตะโกนขอความช่วยเหลืออกไป เสียงนั้นได้ถ่ายทอดออกไปไกลหลายกิโลเมตร

“คิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือหรือ? ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้” เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างนิ่งเฉย

เฟิงเจ๋อตะโกนออกมา “อู๋ไท่โต่ว เจ้าเสียสติหรือ? เจ้ามีสถานะใด ข้ามีสถานะใด หากเจ้ากล้าที่จะสังหารข้า เจ้าจะต้องกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของนิกายหวนคืนปรโลกอย่างแน่นอน”

“เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เจ้าจะออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณ ทั่วทั้งจักรวาลก็จะไม่มีที่ให้เจ้าหลบซ่อน ไม่มีที่ให้เจ้าหลบซ่อน เจ้ารู้ไหม? เจ้าลองคิดเกี่ยวกับผลที่จะตามมาอย่างรอบคอบ”

เขาได้ข่มขู่เซี่ยปิง ใช้ทั้งการโน้มน้าวและการข่มขู่ หวังว่าจะทำให้เซี่ยปิงหวาดกลัวสถานะของนิกายหวนคืนปรโลก

“กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของนิกายหวนคืนปรโลกหรือ? เจ้านี่ช่างมองตัวเองสูงส่งจริงๆ เชื่อว่าถ้าข้าสังหารเจ้า นิกายหวนคืนปรโลกจะไม่จัดการอะไรข้า เจ้านั้นทำได้เพียงแค่ตายไปอย่างไร้ค่าเท่านั้น ไม่มีใครที่จะหลั่งน้ำตาให้กับเจ้าแม้แต่หยดเดียว”

เซี่ยปิงแสยะออกมา

เฟิงเจ๋อก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วทั้งร่างกาย เขาล่วงรู้ว่าคำพูดของอู๋ไท่โต่วนั้นไม่ได้เป็นการโกหก ถึงแม้ว่าเขานั้นจะเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก ทว่าปัญหาก็คือว่าลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลกนั้นมีจำนวนมากเกินไป มีนับพันล้านคน การที่ตายไปเพียงคนเดียวนั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง

หากเขาเป็นลูกศิษย์ของเซนต์นั้น ก็อาจจะมีสถานะที่แตกต่างออกไป ทว่าน่าเสียดายอย่างมาก เขานั้นเป็นเพียงแค่ลูกศิษย์ธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถที่จะทำให้นิกายหวนคืนปรโลกล้างแค้นให้กับการตายของเขาได้

“สหายนักวิทยายุทธ โปรดแสดงความเมตตา”

ในตอนนี้ ระยะที่ห่างออกไปนั้นมีเสียงที่ดังขึ้นมา ชายที่สวมใส่ชุดสีขาวซึ่งมีดาบพาดอยู่ข้างหลังกำลังบินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขานั้นมีออร่าของขุมนรกที่แผ่ออกมา

คนๆนี้ก็คือผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง มีพลังอำนาจในการกำราบทุกสิ่งทุกอย่าง

“ศิษย์พี่ฟ่านหมิง เร็ว รีบมาที่นี่โดยเร็ว สังหารไอ้ลูกหมาที่อาจหาญอย่างถึงที่สุดคนนี้ สังหารเขาทันที”

เห็นคนๆนั้นที่ปรากฏตัวขึ้นมา เฟิงเจ๋อก็มีความสุขอย่างมาก แสดงความยโสโอหังของตนเองออกมาทันที “ก่อนหน้านี้เขากล้าที่จะข่มขู่ข้าอย่างไม่คาดคิด ยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ไม่ได้เห็นนิกายหวนคืนปรโลกของพวกเราอยู่ในสายตา หากไม่สังหารเขานั้น นิกายหวนคืนปรโลกของพวกเราคงจะกู้หน้ากลับคืนมาไม่ได้”

เขานั้นมีความมั่นคงดั่งขุนเขาไท่ซาน การที่มีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์หนุนหลังนั้น เขาก็ไร้ซึ่งความเกรงกลัว

“ตายไปซะ!”

เซี่ยปิงมองอย่างที่ไม่ต้องการมอง เขาได้ชี้นิ้วออกไป เล็งไปที่หน้าผากของเฟิงเจ๋อ

“บัดซบ เจ้าหนู เจ้าต้องการที่จะทำอะไร รีบหยุดทันที เจ้ากล้าที่จะสังหารลูกศิษย์ในนิกายหวนคืนปรโลกของข้าหรือ?!” ชายที่สวมชุดคลุมสีขาวเห็นการกระทำของเซี่ยปิง ทันใดนั้นก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก

ทว่าเขานั้นอยู่ห่างจากเซี่ยปิงมากเกินไป ต่อให้จะเป็นผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ ทว่าก็ยังคงไม่สามารถเข้าไปขัดขวางได้ทันเวลา

“เจ้า!”

เฟิงเจ๋อรู้สึกงุนงง เขาไม่คาดคิดว่าการที่ศิษย์พี่ของนิกายหวนคืนปรโลกปรากฏตัวขึ้นมา มีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้ เจ้านี่ก็ยังกล้าที่จะลงมือ

ตึบ พลังงานฉีได้พุ่งทะลวงหน้าผากของเขาไปอย่างกะทันหัน

วินาทีต่อมา เลือดก็กระเซ็นออกมา หน้าผากของเขาปรากฏเป็นรูเลือดขนาดใหญ่ เลือดไหลออกมา ดวงตาเบิกกว้าง ส่วนลึกของม่านตากำลังจะสูญเสียวี่แววของชีวิตไป

เฟิงเจ๋อเสียชีวิตแล้ว!