“หึ ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด” แววตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยเย็นเฉียบโดยสมบูรณ์
เขาถอยหลังหลายก้าวไพล่มือเอาไว้ข้างหลัง “จับตัวนางไว้”
“ขอรับ เลี่ยฉางเหล่า”
สมาชิกคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มตระกูลไป๋เซี่ยงแล้วมองเจียงหลีด้วยสายตาเยาะเย้ย “ข้าเตือนเจ้าแล้วให้ส่งของมาแต่โดยดี ดิ้นรนโดยไม่จำเป็นเสียเปล่า”
“แค่เจ้าคนเดียวหรือ” เจียงหลีส่ายหน้าล้อเลียน “ไม่พอหรอก”
“หึ! นางเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” แววตาของคนผู้นั้นดำดิ่งแล้วรีบปล่อยพลังวิญญาณออกมา ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีทองปะทุขึ้นข้างหลังของเขา
เกิดพายุบ้าคลั่งหมุนพัดเอาใบไม้ปลิวว่อนกลางอากาศ
“โฮกก!”
เสียงคำรามของสัตว์ดุร้ายดังขึ้นสองเสียง ปรากฏเนตรญาณสองดวงที่ด้านหลังของเขาแล้ววิญญาณยุทธ์กำลังส่งเสียงคำราม
หลิงเจี้ยง เจียงหลีกวาดสายตามองเรียบนิ่ง
ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของเชียนเหยียน รูปลักษณ์ภายนอกและการฝึกฝนของนางถูกปิดบังเอาไว้ แม้จะสัมผัสได้ แต่ก็รู้สึกเพียงพลังปราณของนางอยู่ระหว่างหลิงซื่อขั้นสูงและหลิงเจี้ยงขั้นต้น
มิน่าล่ะ หลิงเจี้ยงตระกูลไป๋เซี่ยงผู้นี้ช่างมั่นใจในตัวเองยิ่งนัก พึ่งพาตัวเองเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการกับนางได้
“ตอนนี้คุกเข่าขอร้องข้าซะ ข้าอาจเห็นแก่องค์หญิง เจ้าจะได้ไม่ต้องทรมานมาก” ภายใต้การปกคลุมของวิญญาณยุทธ์ของคนในตระกูลไป๋เซี่ยงผู้นั้นเริ่มมีพลังแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขามองเจียงหลีด้วยสายตาดูแคลนมากกว่าเดิม
“ข้าอยากบอกว่า ตอนนี้เจ้าคุกเข่าต่อหน้าข้าแล้วโขกหัวกับพื้นสามครั้ง จากนั้นถอยไปโดยดี สภาพเจ้าจะไม่อนาถเท่าใดนัก” เจียงหลีตอกกลับ
“เจ้าเด็กนี่ ยังกล้าพูดกับข้าเยี่ยงนี้อีกรึ” คนผู้นั้นคำรามเกรี้ยวกราดแล้วปล่อยทักษะการต่อสู้โจมตีเจียงหลีทันที
เจียงหลียืนอยู่กับที่ไม่ขยับ ราวกับตกใจกับพลังของเขาจนเสียสติ แต่ทว่านางกลับปรายตามองคนพวกนั้นจนทั่วอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของพวกเขาแต่ละคนต่างมองเรื่องสนุกบนความทุกข์ของผู้อื่นด้วยสีหน้าเย็นชา สายตาที่มองนางนอกจาดูถูกแล้วยังเหยียดหยามอีกด้วย
เปรียบตัวเองราวกับเมฆบนท้องฟ้าแล้วนางเป็นเพียงโคลนใต้พื้นรองเท้า!
ความโอหังเช่นนั้นไม่เพียงแต่พวกเขาคิดว่าเจียงหลีฝึกบำเพ็ญขั้นต่ำแล้ว ยังเป็นเพราะว่าพวกเขาเกิดมาเป็นตระกูลไป๋เซี่ยงด้วย
“ตายซะเถอะ!”
ชายผู้นั้นเหาะทะยานขึ้นฟ้า เงาร่างและวิญญาณยุทธ์ทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่ง ยกมือชูหมัดพุ่งเข้าหาเจียงหลี ลมหมุนรุนแรงมาพร้อมกับเสียงคำรามของวิญญาณยุทธ์ มันสั่นสะเทือนจนใบไม้บนต้นไม้โดยรอบร่วงหล่นปลิวไสวและก้อนหินบนพื้นกระเด็นกระดอน
เขาเข้ามาใกล้เจียงหลีจากทางอากาศ ยิ่งใกล้มากขึ้นเท่าไหร่สีหน้าก็ยิ่งดุดันมากเท่านั้น
เจียงหลียืนอยู่ที่เดิมเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ มองสีหน้าตื่นเต้นมุทะลุดุดันของเขาในสายตา จากนั้นยกแขนข้างขวาของตนขึ้นอย่างไม่รีบร้อนแล้วรวบมือกำหมัดแน่น
ในขณะเดียวกัน ผู้คนที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่รอบๆ เริ่มพูดคุยกัน แน่นอนเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นต่างก็ดูถูกเย้ยหยันเจียงหลีแล้วพูดจาถากถางนางกันอย่างท่วมท้น
“ฮ่าๆๆ นางบ้าไปแล้วหรือ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับหมัดของไป๋เซี่ยงเฉวียน อย่าว่าแต่นางเลยแม้กระทั่งพวกเราก็ยังไม่กล้าประลองมือ หมัดเล็กๆ ของนางปะทะเข้าไปแล้วเกรงว่ากระดูกแขนของนางข้างนั้นคงแตกละเอียดทั้งข้างแน่”
“ไม่ได้เป็นบ้าหรอก นางโง่ต่างหากเล่า แค่นางกำนัลตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะมารู้ถึงพลังทักษะการต่อสู้ของตระกูลไป๋เซี่ยงอย่างลึกซึ้งถ่องแท้ได้อย่างไร”
“ถุยๆๆ ไอ้หยาๆ ข้ามิอาจทนเห็นฉากนองเลือดที่ตามาได้ เสียดายจังเลย ยังสาวยังสวยแท้ๆ ต่อไปคงกลายเป็นคนแขนกุดขาด้วนเสียแล้วสิ”
“นั่นเป็นเพราะนางหาเหาใส่หัวเองต่างหากเล่า”
“…”
ในขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันราวกับตัดสินว่าเจียงหลีจะเป็นผู้ที่มีฉากน่าอนาถ ยังมาดมั่นถึงภาพชัยชนะอันรุ่งโรจน์ของไป๋เซี่ยงเฉวียน แม้กระทั่งบนใบหน้าของไป๋เซี่ยงเลี่ยยังปรากฏรอยยิ้มอันภาคภูมิใจ
ตู้ม!
ทั้งสองหมัดปะทะกันในที่สุด พลังวิญญาณมหาศาลระเบิดออกจากตำแหน่งที่สัมผัสกันแล้วกระจายสู่วงกว้างโดยรอบอย่างรวดเร็ว
กร็อบๆ!
เสียงกระดูดแตกหักดังขึ้น
“อ้ากกกๆๆๆๆ!”
เสียงร้องทุรนทุรายก็ดังขึ้นเช่นกัน
พวกคนในตระกูลไป๋เซี่ยงที่อยู่รอบๆ ยังไม่ทันได้ตื่นเต้นก็ต่างพากันหน้าถอดสี เสียงนั้นเป็นเสียงของไป๋เซี่ยงเฉวียน!
ภาพจินตนาการแห่งชัยชนะในหัวแตกยับ ขณะนี้พวกเขาเห็นว่าแขนของไป๋เซี่ยงเฉวียนเละเป็นโจ๊กด้วยหมัดเดียวของสาวน้อยผู้นั้น แขนทั้งข้างบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง แม้กระทั่งวิญญาณยุทธ์ด้านหลังของเขายังถูกหมัดสะท้านจนแตกสลายหายวับไปกับตา ส่วนเขาเองก็กระเด็นลอยไปไกล
เป็นไปได้อย่างไร!
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!
ทุกคนต่างตกตะลึงด้วยสีหน้าหวาดกลัวและสายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
นี่มันไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้!
เสียงร้องทุรนทุรายของไป๋เซี่ยงเฉวียนยังคงดัง ความเจ็บปวดจากแขนหักเป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการของคนทั่วไป เขาต้องการให้เจียงหลีลิ้มลอง แต่เขาดันลองเองก่อน
ร่างของไป๋เซี่ยงเฉวียนร่วงหล่นลงกลางกลุ่มคน
และในขณะนั้นเองเจียงหลีก็ชักมือกลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้ววิจารณ์อย่างเย้ยหยัน “เทียนเจียวของตระกูลไป๋เซี่ยงก็ได้แค่นี้เอง”
“อ้ากๆๆๆ!”
ไป๋เซี่ยงเฉวียนที่ร่วงลงพื้นร้องทุรนทุรายกลิ้งไปมา “เลี่ยฉางเหล่า ฆ่านาง ฆ่านางซะ! ฆ่านางขี้ข้าชั้นต่ำนี่ ฆ่านางๆ อ้ากกกกก”
ใบหน้าของไป๋เซี่ยงเลี่ยพลันมืดหม่น เจียงหลีกล้าที่จะใช้วิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้เพื่อจัดการกับไป๋เซี่ยงเฉวียนต่อหน้าเขา ความผิดนี้เพียงพอที่จะทำให้นางตายหลายพันครั้ง
“ไป ตัดแขนตัดขานางพากลับไปรับโทษที่ตระกูลด้วยกัน” ไป๋เซี่ยงเลี่ยออกคำสั่ง ฆ่าให้ตายง่ายๆ คงน้อยไปสำหรับนางกระมัง
“ในที่สุดก็ยอมทิ้งโฉมหน้าผู้รากมากดีของพวกเจ้าแล้วหรือ” สีหน้าของเจียงหลีไม่เกรงกลัวเลยสักนิด น้ำเสียงที่พูดของนางเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
ไป๋เซี่ยงเลี่ยยังคงมีสีหน้ามืดหม่น ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับนาง
สาวกและลูกศิษย์ของตระกูลไป๋เซี่ยงต่างลงมือปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์โจมตีล้อมรอบเจียงหลี
แน่นอนว่าพวกเขาทราบดีว่าการร่วมมือกันไม่ช่วยอะไร
ดังนั้นสาวกหลายพันคนที่จับเจียงหลีล้วนเป็นหลิงเจี้ยงระดับสูง ในขณะที่คนที่เหลือรวมตัวกันเหนียวแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้นางหลบหนี
สาวกหลายคนปิดล้อมเด็กสาว และเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอาจกล่าวได้ว่าตระกูลไป๋เซี่ยงได้เสียหน้า อย่างไรก็ตามสถานการณ์ที่น่าเศร้าของไป๋เซี่ยงเฉวียนช่างน่าอนาถ และพวกเขาไม่กล้าที่จะประมาทเกินไป
“นางมีบางอย่างแปลกไป พวกเจ้าอย่าได้ประมาท” ไป๋เซี่ยงเลี่ยเอ่ยเตือน
“เข้าใจขอรับ ฉางเหล่า!”
สาวกหลายคนตอบสนองในเวลาเดียวกันปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของพวกเขา แรกเริ่มทุกคนต่างปล่อยวิทยายุทธ์อันเลื่องชื่อของแต่ละคนออกมาเพื่อโจมตีเจียงหลี
“พวกเขาได้ซึมซับบทเรียนมาจากไป๋เซี่ยงเฉวียนจึงไม่ต่อสู้กับเจียงหลีในระยะประชิด
การโจมตีเยี่ยงนี้ พวกเขาแน่ใจว่าเจียงหลีไม่มีทางต้านทานได้และบาดเจ็บสาหัสจากนั้นไร้พลังสู้กลับมา แล้วปล่อยให้พวกเขาฆ่าแกงนาง
ตู้มๆ!
ความวาววับของทักษะการต่อสู้ที่หลากหลายนั้นเกี่ยวพันกันแพรวพราวและยอดเยี่ยมทิ่มแทงตา
เจียงหลีแทบจะไม่ขยับกระเตื้อง จึงทำให้การโจมตีเหล่านั้นตกลงมาใส่ร่างของนาง
“นางบ้าไปแล้วหรือไร”
“ตกใจจนโง่ไปแล้วหรือ”
ความผิดปกติเช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่เพียงแต่คิดในใจ แต่กลับลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้พวกเขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
ความแวววาวค่อยๆ สลายไปพร้อมกับฝุ่นละอองที่เพิ่มขึ้นเผยให้เห็นร่างสูงตระหง่านที่ยืนอยู่ข้างใน
“ปะ…เป็นไปได้อย่างไร ไม่เป็นไรเลยสักนิด” หนึ่งในสาวกเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึง
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น คนอื่นๆ ก็มองเจียงหลีอย่างหวาดผวาเช่นกัน นี่เป็นสัตว์ประหลาดที่ฆ่าไม่ตายหรือไร
จากนั้น ไป๋เซี่ยงเลี่ยกลับเห็นเงาของเต่าเสวียนกังเลือนรางที่ข้างหลังนาง และบนร่างของนางยังมีชุดเกราะแสนสวยงามอีกด้วย
เป็นนางนี่เอง!
ม่านตาของเขาหดลง
“ตอนนี้ถึงคราวของข้าแล้วสินะ” เจียงหลียกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั้นช่างชั่วร้ายและยั่วยวน
…………………………