ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 217 ลอบสังหาร!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นคนหนุ่มสองคนกำลังค้อมคำนับมาทางตนพร้อมกัน

ชื่อและสมญานามของตระกูลเหลียนแห่งเกาะทราย เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ยินมาตอนที่ผ่านมาทางวายุพิภพครั้งนี้เช่นกัน พวกเขาเป็นขุมกำลังระดับสองในเขตแดนเกาะทรายซึ่งพึ่งพาอาศัยพรรคกระบี่วายุคำราม

ในขอบเขตการควบคุมปกครองของตระกูลแซ่เหลียน มีน้ำพุทรายมรกตบ่อหนึ่ง มีชื่อเสียงประปราย คุณค่าไม่ธรรมดา สำนักเขากว่างเฉิงมีผู้อาวุโสปฏิบัติกิจตั้งมั่นอยู่ที่นั่น ทุกๆ ปีจะแบ่งส่วนจากน้ำพุมาให้ส่วนหนึ่ง

ทว่าความเข้าใจของเยี่ยนจ้าวเกอที่มีต่อตระกูลเหลียน ก็จำกัดอยู่เพียงประมาณเท่านี้

ชายหนุ่มหันกลับไปมองจวินลั่ว อีกฝ่ายกล่าว “ข้ารู้จักกับเหลียนหยิงและเหลียนเฉิงมาตั้งแต่ยังเล็ก ออกมาคราวนี้ก็ไม่คิดว่าจะได้พานพบพวกเขา พวกเขาถูกคนจู่โจม ข้าก็เลยช่วย”

“หลังโจมตีศัตรูจนล่าถอย พวกข้าทั้งสามคนกลับถูกพายุปิดล้อมไว้ โชคดีที่พวกท่านผ่านมา”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเอ่ย “ครั้งนี้เจ้ากลับเป็นหญิงงามช่วยวีรบุรุษเสียอย่างนั้น”

จวินลั่วย่นจมูกน้อยเบาๆ ทั้งยังยิ้มกล่าว “นั่นก็ใช่”

เขาหลุดหัวเราะพลางส่ายศีรษะ แล้วหันไปมองพี่น้องตระกูลเหลียนอีกครั้ง ซึ่งทั้งสองก็เป็นคนหนุ่มที่ดูมีกิริยาสุภาพ ร่างกายบอบบางอยู่บ้าง

หากต้องพูดขึ้นมาจริงๆ ละก็ แม้ว่าจะยังเป็นขั้นจอมยุทธ์ระดับหลอมกายทั้งหมด ระดับขั้นพลังฝึกปรือมีจำกัด กระนั้นก็เอาชนะชายร่างแข็งแรงกำยำทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกยุทธ์ได้ขาดลอยเช่นกัน

ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกของสองพี่น้องนี้ กลับให้ความรู้สึกอ่อนโยนบอบบาง

เทียบอุปนิสัยเฉพาะตัวกับเพศชายที่อ่อนโยนแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็นมาไม่น้อยแล้วเช่นกัน เพียงแต่สองพี่น้องร่วมตระกูลที่ล้วนออกมาเหมือนกันเช่นนี้ กลับพบไม่บ่อยนัก

เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “ลั่วลั่ว ข้าเข้ามาในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกคราวนี้ เพราะมีเรื่องที่ต้องจัดการ หากพาพวกเจ้าร่วมเดินทาง ไม่เพียงแต่จะไม่สะดวกแล้ว กลับยังจะทำให้พวกเจ้ายิ่งอันตรายเสียด้วยซ้ำไป เพราะข้าต้องเข้าไปลึกในมหาทะเลทรายแดนตะวันตก”

จวินลั่วได้ยินเช่นนั้น ก็ผงกศีรษะอย่างรู้ความ “ข้าเข้าใจ”

คนทั้งสองข้างกายนาง เหลียนเฉิงเป็นกังวลอยู่บ้าง ทว่าไม่กล้าพูด ใบหน้าเหลียนอิ๋งเผยสีหน้าอารมณ์ที่ทั้งอุตลุดทั้งห่อเหี่ยวออกมา

เดินตามเยี่ยนจ้าวเกอน่ะหรือ เข้าไปในมหาทะเลทรายแดนตะวันตกลึก นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาไม่กล้าจะคิด หากแต่จะหลีกหนีก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว

กระนั้นหากเยี่ยนจ้าวเกอจะทิ้งพวกเขาไว้ อย่างนั้นพวกเขาก็กลับไปเกาะทรายไม่ได้อยู่ดี

จวินลั่วกลับไม่กังวล นางเชื่อว่าเยี่ยนจ้าวเกอต้องมีแผนเป็นแน่แท้

ชายหนุ่มมองโดยรอบทั้งสี่ทิศ แล้วกล่าวกับผู้อาวุโสหลี่ว่า “จุดสนับสนุนตามแผนเดิมตั้งอยู่ที่ใดหรือขอรับ”

เดินอยู่ในทะเลทราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้สภาพแวดล้อมของมหาทะเลทรายแดนตะวันตกเช่นนี้ โดยทั่วไปล้วนตั้งจุดสนับสนุนตามความเคยชินทั้งสิ้น

ผู้อาวุโสหลี่เข้าใจความหมายของเยี่ยนจ้าวเกอ หลังคำนวณอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวตอบว่า “ทางที่ดีที่สุดเดินหน้าไปได้อีกหน่อย”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ท่านรู้จักสถานการณ์ของที่นี่เป็นอย่างดี ให้ท่านจัดการก็แล้วกัน”

จากนั้นเขากล่าวกับพวกจวินลั่วทั้งสามคนว่า “ข้าจะพาพวกเจ้าเดินหน้าไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากตั้งจุดสนับสนุนแล้ว ก็จะปล่อยพวกเจ้าอยู่ที่นั่น จะมีจอมยุทธ์สำนักข้าคุ้มกัน พวกเจ้าคอยท่าอยู่ที่นั่น ตอนที่ข้าเดินทางกลับ ค่อยพาพวกเจ้าออกจากทะเลทรายพร้อมกัน”

“ถ้าหากข้าต้องหยุดอยู่นานเกินไป ก็จะส่งคนพาพวกเจ้าออกไปอีกที”

ทั้งสามพลันผ่อนลมหายใจ จวินลั่วยิ้มกล่าว “ครานี้ลำบากศิษย์พี่เยี่ยนและท่านผู้อาวุโสสำนักเขากว่างเฉิงแต่ละท่านจริงๆ แล้ว”

ฝูงชนเคลื่อนกายออกเดินทาง ครั้นความคิดของจวินลั่วผ่อนคลายลงแล้ว ก็พลันถูกพ่านพ่านดึงดูดทันใด

ถึงแม้ว่าพ่านพ่านในขณะนี้จะขยายร่างกลับคืนแล้ว ขนาดร่างมหึมาเอาเรื่องอยู่บ้าง ใหญ่โตยิ่งกว่าช้างทั่วไปเสียอีก ทว่ายามไม่ได้เจอศัตรู มันมักจะมีท่าทีซุกซนไร้เดียงสาเช่นนั่นเสมอ ทำให้สาวน้อยเห็นแล้วชอบใจอย่างมาก

มองดูท่าทางของจวินลั่วที่กระโจนทั้งกายไปบนตัวพ่านพ่าน ร่างกายจมเข้าไปในขนหนาๆ ถูไปถูมา เยี่ยนจ้าวเกอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “พลังฝึกปรือเจ้ายังเบาบาง พรวดเข้ามาในสถานที่มหาทะเลทรายแดนตะวันตกเช่นนี้ได้อย่างไร”

จวินลั่วหัวเราะด้วยความเก้อเขินเล็กน้อย ดวงตาลอกแลก

เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตา “เป็นวันที่หวังจะถือกระบี่ท่องยุทธจักร ปล่อยอารมณ์ตามอำเภอใจ? คิดว่าฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ไม่มีที่ใดที่ตัวเองไปไม่ได้อย่างนั้นรึ? อยากจะซึมซับทัศนียภาพที่ทั้งเลื่องชื่อทั้งมีเอกลักษณ์ในโลกหล้าให้ดีอย่างนั้นรึ?”

นางหัวเราะแหะๆ พลางกล่าว “ส่วนใหญ่ตอนเด็กๆ ได้ยินศิษย์พี่เยี่ยนเล่าเรื่องเช่นนี้มากมาย…”

เด็กสาวที่มีกลิ่นอายของเด็กผู้ชายนางนี้ หยอกเย้าเยี่ยนจ้าวเกอให้รู้สึกขบขำเสียแล้ว “โอ้ หมายความว่าโทษข้างั้นสิ?”

จวินลั่วรีบร้อนโบกมือพลางยิ้มกล่าว “ไม่กล้า ไม่กล้า หลังจากกลับไป ยังต้องขอให้ศิษย์พี่เยี่ยนพูดแก้ต่างให้ข้าสักสองสามประโยค…”

ชายหนุ่มยิ้มกล่าว “ข้ามาคราวนี้ ผ่านเส้นทางพรรคกระบี่วายุคำราม แต่ไรก็อยากจะเข้าเยี่ยมคารวะท่านอาจวินอยู่แล้ว แต่เขาออกไปทัศนาจรภายนอก หากเจ้ารีบกลับไปที่ประตูพรรคกระบี่วายุคำรามได้ ก่อนที่เขาจะกลับมาละก็…”

ดวงตาจวินลั่วทอประกาย “ต้องได้แน่ ต้องได้แน่ ถึงเวลานั้นท่านอย่าลืมช่วยปิด…”

พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อไปว่า “…ภายหลัง ข้ายังต้องยกไปกล่าวกับท่านอาจวินอยู่ดี”

จวินลั่วพลันตาค้างตะลึง ห่อเหี่ยวราวกับมะเขือยาวเผาอย่างไรอย่างนั้น

เฟิงอวิ๋นเซิงและอาหู่ต่างก็เบิกบานใจ มองภาพฉากนี้ด้วยความสนใจยิ่ง เหลียนเฉิงและเหลียนอิ๋งจ้องมองจวินลั่วกระเง้ากระงอดราวกับเด็กอยู่ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

ฝูงชนเดินหน้า หลังจัดตั้งจุดสนับสนุน ภายใต้การประสานกันของยันต์ค่ายกลและของวิเศษหนุนเสริม ร่วมกันเปิดค่ายกลคงที่ที่สามารถคงอยู่ต่อเนื่องไปได้ระยะเวลาหนึ่ง สกัดกั้นพายุทรายด้านนอกไว้

จอมยุทธ์กว่างเฉิงผู้ซึ่งมากความสามารถและประสบการณ์หลายคนหยุดอยู่ดูแลตามคำสั่งของผู้อาวุโสหลี่ ซึ่งที่หยุดรอคอยร่วมกันยังมีกลุ่มจวินลั่วทั้งสามคน

ส่วนกลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอเดินทางต่อ

ก่อนหน้านี้มีจอมยุทธ์จากเขากว่างเฉิงเบิกทางสู่จุดหมายปลายทางเอาไว้แล้ว เพียงแต่ว่าลู่ทางค่อยๆ ถูกฝังกลบไปอีกครั้ง ตามความรุนแรงของพายุนิมิตทมิฬก่อนหน้านี้ ทว่าด้วยความที่ยังมีร่องรอยให้พอตามได้ ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอลองเดินทางดูแล้ว ก็ยังนับว่าง่ายดายอยู่

ผ่านหนทางยาวไกลอันแสนลำเข็ญ ในที่สุดซากเสาหินที่ตั้งสูงตระหง่านเสานั้น ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอจดจ้องลายริ้วบนเสาหินไม่วางตา เนิ่นนานไร้คำพูด

ผู้อาวุโสหลี่โบกมือ ก่อนจะกระจายตัวออกไปรอบนอกพร้อมกับบรรดาผู้ใต้บัญชา ตั้งเขตค่ายกลขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อขวางกั้นพายุทราย

ถึงแม้ว่าจะถึงจุดหมายแล้ว แต่ภารกิจนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่ใช่ประเดี๋ยวเดียวก็สำเร็จลุล่วงไปได้

ขณะเดียวกัน ซากวัตถุที่คล้ายกับล้ำค่าเช่นนี้ ผู้อาวุโสหลี่ที่อยู่ในระดับผู้อาวุโสปฏิบัติกิจ ไม่มีอำนาจที่จะแตะต้องแต่อย่างใด ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงจอมยุทธ์ในบัญชา

ผู้อาวุโสหลี่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวด หน้าที่ของตนทั้งหมด นอกเหนือจากนำทางให้เยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เมื่อถึงสถานที่ ก็ระวังภัยอยู่รอบนอกเท่านั้น

“ผู้อาวุโสหลี่ขอรับ คาดไม่ถึงจริงๆ เลยว่า คุณชายเยี่ยนจะศึกษาเหล่าซากวัตถุโบราณขนาดนี้” จอมยุทธ์วัยกลางคนผู้หนึ่งตามติดอยู่ข้างกายผู้อาวุโสหลี่ ย้ายไปอยู่หลังเนินทรายหนึ่งพร้อมกับเขา แล้วจึงกล่าวชื่นชมว่า “ยิ่งคาดไม่ถึงอีกว่า คุณชายเยี่ยนมีขอบเขตอำนาจระดับผู้อาวุโสสูงสุดได้กด้วย”

“อย่าได้ดูแคลนเขา เขาคือผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง มีวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะการคุ้มครองของผู้อาวุโสเยี่ยนเสียทั้งหมด…” ผู้อาวุโสหลี่เอ่ย

ขณะที่พูดกล่าว ผู้อาวุโสหลี่พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดด้านหลังของตน!

“…ข้ารู้หน่า ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องซอกแซกเช่นนี้” จอมยุทธ์วัยกลางคนข้างกายเขา ยิ้มพลางกล่าว

ผู้อาวุโสหลี่รู้สึกเพียงว่าชะตาชีวิตของตนกำลังผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำ แม้จะอ้าปาก แต่กลับส่งเสียงไม่ออก

เขาสะดุ้งหันศีรษะไปทางชายวัยกลางคนที่เดิมทีตนควรจะไว้เนื้อเชื่อใจได้ แต่กลับเห็นภาพที่ยิ่งทำให้เขาหวาดหวั่นพรั่นพรึง

อีกฝ่ายอมยิ้ม ทว่ารูปลักษณ์หน้าตา กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ อย่างคาดไม่ถึง ยิ่งเปลี่ยนยิ่งคล้ายกับผู้อาวุโสหลี่เสียเอง!

………………..