ตอนที่ 15 รอยร้าวระหว่างศิษย์อาจารย์

สวรรค์ลิขิตข้าให้เป็นตัวร้าย I Am the Fated Villain

เย่เฉินไม่ได้แค่มีใจอคติต่อกู่ฉางเกอ เขายังแทบรอโอกาสที่จะบดขยี้กู่ฉางเกอจนตายไม่ได้ด้วยซ้ำ

หัวของเย่เฉินมีแต่เสียงอื้ออึงพอได้ยินคำพูดของอาจารย์ที่เคารพรัก

แค่คำพูดไม่กี่คำกับเม็ดยาก็พอจะซื้อใจอาจารย์เขาแล้ว?

ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดใจ

หยานจีไม่เข้าใจว่าทำไมเย่เฉินถึงจงเกลียดจงชังกู่ฉางเกอขนาดนี้ แต่นางเดาว่ามันอาจเกี่ยวกับผู้หญิงที่ชื่อซูชิงเกอ

ไม่ว่าจะเอาสักกี่คนมามอง กู่ฉางเกอก็เหนือกว่าเย่เฉินเห็นๆ

ความอิจฉาริษยาคือบาปที่เลวร้ายสุด

สุดท้าย เย่เฉินยังเด็กเกินไป เขายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ เขายังเป็นแค่ผู้เยาว์ ความคิดของเขายังไม่เติบใหญ่ เขารู้แต่การใช้อารมณ์เป็นหลัก

“เสี่ยวเฉิน เจ้าไม่จำเป็นต้องมีใจริษยาต่อคุณชายกู่ ข้าเชื่อว่าความสำเร็จในอนาคตของเจ้าจะไม่ด้อยไปกว่าเขา…”

หยานจีโน้มน้าวเสียงอ่อน พยายามสุดความสามารถเพื่อแก้ไขความขุ่นเคืองใจระหว่างทั้งสอง

เหนือสิ่งอื่นใด ถ้ากู่ฉางเกออยากฆ่าเย่เฉินจริง เขาคงไม่รอจนถึงตอนนี้ แน่นอน นางไม่รู้ว่าสถานะของเย่เฉินคือบุตรฟ้าประทาน

ถ้าไม่ใช่เพราะโชคลาภบัดซบคอยคุ้มครองเย่เฉินในที่ลับ กู่ฉางเกอคงตบเยเฉินจนตายไปแล้ว

“คุณชายกู่นั่น คุณชายกู่นี่!ถ้าท่านชอบเขามาก ทำไมไม่ไปอยู่ข้างเขาเสียละ…”

“ทำไมต้องมาเห็นใจข้าและอยู่ข้างข้าที่นี่ด้วย?”

เย่เฉินคำรามใส่หยานจีอย่างขาดสติ ดวงตาของเขาไม่เหลือสีขาวอีก ตอนนี้เขาเหมือนสัตว์อสูรคลุ้มคลั่ง

ซูชิงเกอก็ทอดทิ้งเขาไปแล้ว และตอนนี้ แม้แต่อาจารย์ ผู้เป็นที่พึ่งเดียวของเขาก็ยังชอบพอศัตรูของเขาอีก!

เย่เฉินทนไม่ได้ ความเกลียดชังกับความบ้าคลั่งของเขาพุ่งทะลุเพดาน

ถ้าเขาเป็นคนธรรมดา เขาคงกระอักเลือดและนอนหมดสติไปแล้ว มันแค่เพราะว่าจิตใจของเย่เฉินเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดามาก เขาถึงสามารถทนความบอบช้ำทางจิตเช่นนี้ได้โดยไม่เป็นบ้า!

การกู่ร้องนี้ของเขาทำให้หยานจีตกตะลึง นางอดก้มหัวด้วยความผิดหวังไม่ได้

นางไม่คิดเลยว่าคำพูดแบบนี้จะออกจากปากเย่เฉิน

พฤติกรรมเช่นนี้ไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำว่าอิจฉาริษยาอีก เขาคือคนโง่อย่างถ่องแท้

เขาไม่เห็นหรือว่านางปฏิเสธกู่ฉางเกอแม้เขาจะพยายามเชื้อชวนนางไปอยู่ข้างเขาแค่ไหน?

เย่เฉินไม่เข้าใจจริงเหรอว่านางเป็นคนแบบไหน?

หยานจีอดถอนหายใจไม่ได้ ความเสียใจปะปนไปกับลมที่พ่นออกจากปากนาง มันจะดีแค่ไหนถ้าคนที่ช่วยปลุกนางขึ้นมาไม่ใช่เย่เฉิน แต่เป็นคุณชายกู่?

“เสี่ยวเฉิน ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไงก็ตาม ข้าก็จะกินเม็ดยานี้เข้าไปแน่!ต่อให้กู่ฉางเกอจะมีแผนอื่น เขาก็อาจคิดไม่ถึงว่าข้าจะช่วยเจ้าหลบหนีจากคุกใต้ดิน”

หยานจีพูดต่อ มันแค่ว่าเสียงของนางไม่อ่อนโยนเหมือนเดิม และเย็นชากว่าเดิม

การกิน[เม็ดยารวมวิญญาณ]ไม่เพียงจะช่วยรักษาสภาพปัจจุบันของนาง แต่ยังสามารถปรับสมดุลวิญญาณนาง ช่วยให้นางฟื้นพลังบางส่วนได้

‘ช่วยข้าหลบหนี?’

‘นั่นคือสิ่งที่อาจารย์คิดจะทำ?’

เย่เฉินคิดกับตัวเองและไม่พูดอะไรอีก ความคิดของเขายุ่งเหยิง และเขาก็ต้องสงบจิตสงบใจ

แต่ลึกๆในใจเขาก็ยังรู้สึกเหมือนเสียของที่สำคัญมากไป มันแค่ว่าเขาไม่อาจทำอะไรได้

..

[ติ้ง!ท่านสร้างรอยร้าวระหว่างเย่เฉินกับอาจารย์สำเร็จ!เย่เฉินเสียค่าโชคลาภ 80 แต้ม ท่านได้รับค่าโชคชะตา 400 แต้ม!]

กู่ฉางเกออดยิ้มไม่ได้ขณะฟังเสียงแจ้งเตือนระบบ

ตอนนี้เขาอารมณ์ดีมาก

ทุกอย่างเป็นไปตามเส้นทางที่เขาลาก และในเวลาไม่กี่วัน ค่าโชคของเย่เฉินที่มีกว่า 500 ก็ลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว

แม้เย่เฉินจะยังเหนือกว่าคนธรรมดา และก็ยากสำหรับผู้อื่นที่จะเทียบเคียง นี่ก็ต้องเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สุดในชีวิตเขา

นางเอกของเขายอมจำนนต่อตัวร้าย และรอยร้าวก็ยังปรากฏในใจของอาจารย์เขา…

มันดูเหมือนบุตรฟ้าประทานผู้นี้จะไม่สามารถอวดโอ้ต่อหน้าเขาไปดี้อกนาน

หลังจากนั้น กู่ฉางเกอก็เปิดหน้าต่างสถานะของเขา

ไม่ว่ายังไง จุดประสงค์แท้จริงเบื้องหลังการจัดการกับเย่เฉืนคือตัดโชคลาภอีกฝ่ายและเพิ่มพลังของเขาเอง

เขาไม่สามารถปล่อยให้ความสำเร็จชั่วขณะทำให้เขาตามืดบอดได้

เพียงแค่คิด หน้าต่างสถานะก็ปรากฏ

เจ้าของ : กู่ฉางเกอ

ตัวตน : ศิษย์แท้จริงวังเต๋าเซียนสวรรค์

เส้นชีพจร : ใจมาร กระดูกเต๋า

ฐานบ่มเพาะ : ราชาเซียน(ขั้นต้น)

เคล็ดวิชา : เคล็ดเต๋าเซียนสวรรค์(ขั้นเจ็ด) กายหมื่นปีศาจจำแลง(พรสวรรค์) วิชาเซียนปีศาจกลืนกิน

ค่าโชคชะตา : 1100

ค่าโชคลาภ : 50 (มืด)

ร้านค้าระบบ : เปิด

คลัง : เครื่องรางทำลายเขตแดนx1 หนึ่งในสามชิ้นส่วนเมล็ดพันธุ์โลกx1

“จากประสบการณ์ก่อนหน้า ข้าสงสัยว่าพันแต้มโชคชะตาจะช่วยให้ข้าทะลวงผ่านขั้นแปดของเคล็ดเต๋าเซียนสวรรค์ได้ไหม มากสุด มันก็คงเพิ่มความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับขั้นเจ็ดได้บ้าง

“เคล็ดเต๋าเซียนสวรรค์นี้ต้องเป็นเคล็ดบ่มเพาะระดับสูงมาก ข้าจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นมันตอนนี้”

“สำหรับวิชาเซียนปีศาจกลืนกินนี้ มันเป็นสิ่งที่ข้าไม่อาจใช้ต่อหน้าเซียนคนอื่นได้ ข้าต้องระมัดระวังตอนใช้วิชาลับนี้”

“เหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถที่ช่วยให้กลืนกินเซียนคนอื่นได้ถือเป็นการต่อต้านสวรรค์ เมื่อถูกเปิดเผย ข้าจะเป็นศัตรูของคนทั้งโลก!”

กู่ฉางเกอวิเคราะห์ และจากนั้นก็เปิดร้านค้าระบบ

หลังตรวจค้นความทรงจำของเจ้าของร่าง วิชาเหล่านี้เหมาะกับคนที่เป็นสุดยอดตัวร้ายมาก

แม้กระทั่งในอาณาจักรเบื้องบน [วิชาเซียนปีศาจกลืนกินนี้]ก็ถือเป็นวิชาต้องห้ามที่อาจทำให้ใครหลายคนหน้าเปลี่ยนสีได้

มันถูกกลบฝังในแม่น้ำแห่งเวลาไปนาน และไม่มีใครกล้าพูดถึง การเรียกมันว่ามรดกต้องห้ามถือว่าไม่ผิด

“ดูเหมือนข้าจะถูกลิขิตให้เดินต่อไปบนถนนแห่งความชั่วร้าย.”

กู่ฉางเกอเปลี่ยนความสนใจไปยังของในร้าน

มันคล้ายกับที่เขาคาดไว้ และมันก็แบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ

[วิชายุทธ์] [พรสวรรค์]และ[ของใช้]

กู่ฉางเกอเปิดหน้าวิชายุทธ์ก่อนและมองของที่มีให้ซื้อ

ระดับสวรรค์ ระดับเทพ ระดับศักดิ์สิทธิ์ ระดับสูงสุด….

“ค่าโชคชะตาไม่พอ และก็เปิดวิชายุทธ์ระดับสูงสุดไม่ได้?”

“วิชายุทธ์ที่ต่ำกว่าระดับสวรรค์จะไม่ถูกบันทึก”

“วิชายุทธ์เหล่านี้ถูกไปหน่อยไหม? ระดับสวรรค์ที่ช่วยให้ผู้บ่มเพาะไปถึงอาณาจักรเทพเสมือนได้กลับมีราคาแค่ 50 แต้มโชคชะตา?”

“หรือมันเพราะค่าโชคชะตามีอำนาจซื้อจ่ายสูงในร้านค้าระบบ?”

“วิชายุทธ์สวรรค์ เทพสุริยัน รวบรวมพลังหยางบริสุทธิ์เพื่อ..”

“วิชายุทธ์สวรรค์ เทพจันทรา รวบรวมพลังหยินเพื่อ…”

กู่ฉางเกอแปลกใจเล็กน้อย

พูดได้ว่าวิชายุทธ์ระดับสวรรค์เพียงอย่างเดียวมากพอจะสร้างพายุเลือดในแดนบูรพา