ตอนที่ 1332 สุสานที่หายไป (2)
แผนที่นั้นเป็นของแท้ และสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดก็ไม่สามารถปลอมได้ งั้นทำไมพวกเขาถึงไม่เจอมันล่ะ?
มีบางอย่างผิดปกติที่นี่
“อย่าเพิ่งร้อนใจกันเกินไป ทุกคนพักหายใจแล้วค่อยๆคิดให้ดีๆ” เมื่อเห็นเพื่อนๆพากันหดหู่สิ้นหวัง หรงรั่วก็พูดขึ้นทันที พวกเขาเหน็ดเหนื่อยกันมาตลอดทาง ร่างกายและจิตใจก็ถูกใช้งานอย่างสาหัส ตอนนี้สภาพจิตใจของพวกเขาจึงไม่มั่นคง แต่พวกเขาต้องไม่ทำให้ตัวเองผิดหวังจนเกินไป
“ทุกคนพักผ่อนกันเถอะ เจ้าทึ่มเฉียว ส่งถุงน้ำเจ้าให้ข้าหน่อย ของข้าหมดเกลี้ยงแล้ว หิวน้ำจะตายแล้วเนี่ย” เฟยเหยียนพูดพร้อมกับนั่งลงบนทุ่งดอกไม้ ยื่นมือออกไปรับถุงน้ำที่เฉียวฉู่โยนมาให้ ก่อนจะเงยหน้าเทน้ำลงในลำคอ
น้ำเย็นไหลผ่านลำคอของเขา ทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปเล็กน้อย พร้อมกันนั้นก็ทำให้ความปั่นป่วนในใจของเขาคลายลง
ทุกคนนั่งลงท่ามกลางทะเลดอกไม้สีม่วง พวกเขามาถึงขั้นที่ว่าไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว แทนที่จะโกรธและหงุดหงิด ทำไมไม่ให้ตัวเองพักสักหน่อยและทำให้หัวเย็นลงบ้าง ร่างกายที่เหนื่อยล้าก็จะได้พักฟื้นสักเล็กน้อย
ทุกคนใช้โอกาสพักที่หาได้ยากนี้พยายามฟื้นฟูพละกำลังของตัวเอง พวกเขาดื่มและกินอาหารเพื่อให้ท้องอิ่ม อาหารแห้งส่วนใหญ่ที่กินก็คือเนื้อที่แห้งและแข็ง เวลาเคี้ยวก็จะจืดชืดไร้รสชาติเหมือนกินท่อนไม้ ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังต้องกินของแบบนี้มาตลอดหนึ่งเดือน จนต่อมรับรสชาติของพวกเขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว
สิ่งที่เฉียวฉู่ปรารถนามากที่สุดในตอนนี้ก็คือ หลังจากที่พวกเขาออกจากผาสุดสวรรค์กลับไปที่แคว้นฉีได้ ขออาหารดีๆให้พวกเขากินสักมื้อ จะเป็นอะไรก็ได้ ต่อให้เป็นแค่ข้าวต้มธรรมดากับกับข้าวจานเล็กๆ เขาก็ไม่รังเกียจเลยสักนิด ตราบใดที่ไม่ต้องเคี้ยวเนื้อแห้งบ้าๆพวกนี้อีก!
“ตอนกลับไป ข้าอยากเลี้ยงฉลองติดต่อกันทั้งเดือน จะกินให้อ้วกเลย!” เฉียวฉู่บ่นพลางเคี้ยวเนื้อแห้งเหนียวๆ แล้วลงนอนกางแขนบนทุ่งดอกไม้ อุณหภูมิที่นี่อบอุ่นสบายเหมือนฤดูใบไม้ผลิ แตกต่างจากความหนาวจัดและร้อนจัดก่อนหน้านี้ เมื่อรวมกับกลิ่นหอมของดอกไม้และทิวทัศน์ที่สวยงาม ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ผิดที่ผิดเวลา เขาก็คิดว่านี่เป็นสถานที่ที่ดีทีเดียว
น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอยากชื่นชมมันเลยสักนิด
“ขอบ่อน้ำให้ข้าลงแช่น้ำก่อนเถอะ” เฟยเหยียนพูดพลางเอนหลังลง เขาสกปรกซะจนเกือบทนตัวเองไม่ได้แล้ว เนื่องจากที่ด้านล่างผาสุดสวรรค์ไม่มีแหล่งน้ำมากนัก ถึงมี ถ้าไม่มีสัตว์ประหลาดซ่อนอยู่ ก็เต็มไปด้วยพิษร้ายแรงถึงตาย ไม่มีแหล่งน้ำไหนที่ใช้ได้เลย
ตอนนี้เขาอยากอาบน้ำอุ่นๆ ล้างเนื้อล้างตัวเอาสิ่งสกปรกออกไปให้หมด
เสียงบ่นของเฉียวฉู่กับเฟยเหยียนคงทำให้เขาคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน ฟ่านจั๋วที่นั่งอยู่ท่ามกลางดอกไม้ก็เอ่ยถามฮัวเหยาที่มักจะเงียบอยู่เสมอว่า
“ตอนกลับไป เจ้าอยากทำอะไร?”
ฮัวเหยาหันไปมองฟ่านจั๋ว หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “อยากนอนหลับดีๆสักตื่น”
เขาจำครั้งสุดท้ายที่ได้นอนหลับอย่างสงบสุขไม่ได้แล้ว เวลาที่พวกเขาต้องพักผ่อนที่ด้านล่างของผาสุดสวรรค์นั้นสั้นมาก และมักจะถูกล้อมรอบด้วยอันตรายทุกรูปแบบ ต่อให้หลับได้ พวกเขาก็ไม่อาจปล่อยให้ตัวเองหลับสนิทเกินไปได้
ฟ่านจั๋วหัวเราะเบาๆและเอามือเท้าคางพลางพูดว่า “ข้าอยากกลับไปดูสำนักวายุประจิม” เขาอยากรู้ว่าพี่ชายของเขาที่ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ใหญ่เป็นยังไงบ้าง และเขาก็คิดถึงบ้านไม้ไผ่เล็กๆของเขาที่อยู่ที่นั่น
ความคิดที่มีความสุขช่วยให้จิตใจที่กระวนกระวายหงุดหงิดของพวกผู้เยาว์ค่อยๆสงบลง มุมปากของทุกคนมีรอยยิ้มบางๆขึ้นมา ในวัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเยาว์วัยเลือดร้อน พวกเขาจึงไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
“ที่จริงข้าสงสัยอะไรบางอย่างมาตลอดเลย” เฉียวฉู่พูดพร้อมกับลุกขึ้นนั่งอย่างกระทันหัน
“อะไร?” ฮัวเหยาถามพร้อมกับมองหน้าเขา
“เจ้าว่าสิบสองวิหารส่งคนมาตั้งเยอะแยะนับไม่ถ้วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่มีแค่พ่อแม่ของพวกเราที่พบที่ตั้งของสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด เจ้าไม่คิดว่ามันบังเอิญมากเกินไปบ้างเหรอ?” เฉียวฉู่ถามพลางเกาหัว