หยวนยังคงเล่นกับเสี่ยวฮัวตลอดทั้งคืนโดยไม่สนโลก ในขณะเดียวกันผู้เล่นคนอื่นๆ ก็พยายามหาวิธีที่ดีที่สุดในการเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง หรืออยู่ในขั้นตอนการฝึกฝนความแข็งแกร่ง และพลังอื่นๆ
ผู้เล่นยังเสพติดความแข็งแกร่งของพวกเขา ด้วยพลังในการทุบก้อนหินเพียงหมัด เดียวและพุ่งข้ามไปหลายเมตรในระยะไกล มันทำให้พวกเขารู้สึกเหนือกว่าร่างกายเดิมของพวกเขา นั่นทำให้พวกเขารู้สึกดีกับตัวเองอย่างมาก
อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่พิการและตาบอกในโลกความเป็นจริงอย่างหยวน หยวนก็ไม่ได้คิดที่จะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเล่นกับเสี่ยวฮัวเพียงอย่างเดียว
โลกใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนดูเหมือนจะหยุดนิ่งโดยมีสิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวได้คือร่างเงาสองร่าง และลูกบอล
“เสี่ยวฮัว ไม่เป็นอะไรใช่ไหมที่มาเล่นที่นี่จนดึกดื่นขนาดนี้ พ่อแม่ของเธอจะไม่เป็นห่วงหรอ ถ้าไม่รีบกลับบ้านตอนนี้”
หยวนถามเธอหลังจากสังเกตว่าเธออยู่ที่นี่เล่นกับเขาเกือบทั้งวัน
“ไม่เป็นไร เสี่ยวฮัวมักจะออกไปเล่นคนเดียวอยู่เสมอ ดังนั้นพวกเขาก็ชินแล้ว”
“…”
ความสงสารของเขาที่มีต่อเธอเพิ่มขึ้นทุกช่วงเวลาที่เขาใช้ร่วมกับเธอ
“เสี่ยวฮัว พวกเราพักผ่อนจากการเล่นก่อนไหม และให้พี่เล่าเรื่องอื่นๆให้เธอฟัง”
“เรื่อง??”
ดวงตาของเสี่ยวฮัวเริ่มสั่นไหว ราวกับดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เมื่อได้ยินคำพูดจากหยวน เธอนั่งลงข้างๆต้นไม้ทันที
หยวนเดินตามมานั่งข้างๆ เธอ
“เรื่องราวของพี่จะเล่าให้ฟังวันนี้ เป็นเทพนิยายจากบ้านของพี่เอง”
“เทพนิยายหรอ เหมือนเทพนิยายและตำนานอย่างนั้นหรอ”
“อืมม ไม่แน่นะ เทพนิยายเป็นเรื่องสั้นที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงมากกว่าตำนานและพวกนั้นเป็นนิยายล้วนๆ ไม่ใช่เรื่องจริง”
“แล้วต่างกันยังไงหรอพี่”
“เธอจะรู้เองเมื่อได้ยินมัน”
หยวนเริ่มเล่านิทานคลาสสิกที่มีชื่อเสียง เมื่อเขายังเด็ก เช่น หญิงสาวถูกวางยาพิษ และเธอที่ตื่นขึ้นมาเพราะจูบจากเจ้าชาย นางเงือกในมหาสมุทร และโจรสลัดที่ต่อสู้ในทะเล
แม้ว่าจะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่หยวนได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ แต่เขาก็ยังจำได้อย่างชัดเจน และสร้างความบันเทิงให้กับเสี่ยวฮัวเป็นอย่างมาก
“คนพวกนี้ เขาเป็นมนุษย์หรือเปล่า”
จู่ๆ เธอก็ถามเขาขึ้นมา
“ในความคิดของพี่ ใช่ พวกเขาเป็นมนุษย์”
“นี่ไม่เหมือนกับเรื่องราวของสัตว์ในตำนานที่ปกครองโลก หรือสัตว์อมตะที่พลิกคว่ำสวรรค์ เป็นเรื่องปกติ แต่มันก็สนุกมากๆเลย”
เธอไม่รู้ว่ามนุษย์จะสนุกสนานได้ขนาดนี้แม้ว่าจะเป็นจุดสำคัญของเรื่องราวเหล่านี้ก็ตาม
“พี่มีเทพนิยายอะไรอีกไหม ที่จะเล่าให้เสี่ยวฮัวฟัง” เธอถาม
“น่าเสียดายที่พี่จำไม่ได้ทั้งหมด แต่พี่จะหาเรื่องอื่นๆมาเล่าให้เธอฟังทีหลังแล้วกันนะ”
“สัญญานะ”
“สัญญา” หยวนยิ้ม
“เอาละ ถึงตาของเสี่ยวฮัวอ่านแล้ว”
เธอเปิดหนังสือเล่มเดียวกับที่เธอสอน ศิลปะลับแห่งสวรรค์ ให้กับหยวน
“นั่นสินะ”
หยวนสงสัยว่าเสี่ยวฮัวจะสอนทักษะอื่นๆให้เขาหรือเปล่า
“แม้ว่าพี่หยวนจะเรียนรู้เทคนิคไปแล้ว แต่พี่ยังไม่เชี่ยวชาญมันอย่างเต็มที่ ยังไงก็ตามด้วยทักษะการเข้าใจที่ทรงพลังของพี่ เสี่ยวฮัวเชื่อว่าพี่หยวนจะเชี่ยวชาญในเวลาอีกไม่นาน”
หลังจากนั้นเสี่ยวฮัวก็เริ่มอ่านหนังสือ
แต่ในครั้งนี้หยวนสามารถเข้าใจทุกอย่างได้ในช่วงเริ่มต้น และเริ่มกลับมาไม่เข้าใจในตอนที่เสี่ยวฮัวเริ่มเล่าเข้าสู่บทต่อไป หยวนรู้สึกเหมือนเขากำลังฟังเรื่องราวที่มีพล็อตเรื่องที่ลึกลงไปเรื่อยๆ ยิ่งเล่าไปไกลขนาดไหน เรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องที่ลึกลับและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
เสี่ยวฮัวใช่เวลาเกือบชั่วโมงในการอ่านหนังสือที่มีความหนาเพียง 12 หน้าเท่านั้น
เมื่อเธออ่านเสร็จ เธอก็หันไปมองที่หยวนเพื่อดูว่าในตอนนี้หยวนเป็นยังไงบ้าง เขานั่งนิ่ง หลับตา และบนใบหน้าของเขามีสีหน้าสงบราวกับว่าเขาตกอยู่ในภวังค์
‘พี่หยวนเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง…’
เธอพึมพำกับตัวเอง
‘สิ่งที่ทำให้คนอื่นๆ หลายคนพยายามเข้าใจ พี่ใช้เวลาฟังเพียงครั้งเดียว สิ่งที่ต้องใช้เวลาหลายปีในการเรียนรู้ของคนอื่น พี่เรียนรู้ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง’
สายตาของเสี่ยวฮัวจ้องไปที่ใบหน้าของหยวนไม่หยุด ดูเหมือนว่าเธอจะหลงเสน่ห์ในความสามารถของหยวนไปแล้ว
‘พี่เป็นใครกันแน่นะ?’
เมื่อหยวนลืมตาขึ้นอีกครั้ง เสี่ยวฮัวก็วางศีรษะเธอไว้บนตักของเขา และท้องฟ้ายามค่ำคืนก็ผ่านไปนานแล้ว เขาลืมตาขึ้นมาพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้า
“เช้าแล้วหรอ?”
เขาสงสัยว่าเขาตกอยู่ในภวังค์นั้นมานานแค่ไหน
“อ๋อ..พี่ตื่นแล้วหรอพี่หยวน”
เสี่ยวฮัวขยี้ตาลุกขึ้นนั่ง
“พี่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ในระหว่างการหลับของพี่รึเปล่า”
ความรู้สึกนี้คืออะไร?
“อืมม…ใช่แล้ว พี่มาถึงขั้นที่สองของศิลปะลับแห่งสวรรค์แล้ว และเรียนรู้การใช้ดาบแยกสวรรค์”
เสี่ยวฮัวมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างกว่าปกติเล็กน้อย และเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เก่งจังเลยพี่หยวน”
เธอยกนิ้วให้เขาในเวลาต่อมา
“แต่ฐานการฝึกพลังของพี่ยังขาดอยู่ ดังนั้นมันจะไม่สามารถใช้ได้ในทันที”
“ใช่แล้ว มันบอกว่าพี่ต้องการ 10,000 ฉี เพื่อเปิดใช้งานมัน เป็นฉีแบบเดียวกับที่พี่ฝึกไปรึเปล่า”
เธอพยักหน้าให้กับคำถามของเขา
“มันบอกว่าพี่มี 5,010/10,000 ฉีในตอนนี้ ถ้าพี่ทำให้มันเต็มและใช้ทักษะนี้ ฉีของพี่จะไม่หมดลงหรอ และพี่ต้องฝึกใหม่จนกว่าจะได้มันกลับมาหรอ”
“พลังฉีที่หมดลงของพี่จะฟื้นขึ้นเองตามธรรมชาติจนกว่ามันจะกลับมาเท่าเดิม ดังนั้นพี่ไม่ต้องฝึกฝนทุกครั้งที่ใช้เทคนิคพวกนี้ ยังไงก็ตามการฟื้นพลังฉีตามธรรมชาติ ต้องใช้เวลา และมันจะทำให้การฝึกฝนของพี่ช้าลง นั่นคือเหตผลที่ผู้ฝึกพลังไม่ใช้ฉีอย่างไร้จุดหมาย”
เสี่ยวฮัวอธิบายให้เขาฟังราวกับว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญ
“นอกจากนี้หากพลังฉีของพี่ลดลงต่ำกว่าหนึ่งจุด ร่างกายของพี่จะอยู่ในสภาพอ่อนแอจนกว่าจะฟื้นพลังฉีได้ ในกรณีที่มันรุนแรงมากอาจจะทำให้หมดสติหรือหมดความสามารถในการฝึกพลังไปเลย”
หยวนทบทวนสิ่งที่เสี่ยวฮัวพูดมาทั้งหมดและกำลังทำความเข้าใจมัน
“ถ้าพี่มี 100 ฉี และพี่ใช้ทักษะที่ต้องใช้ 10 ฉี พี่จะเหลือ 90 ฉี และในส่วนที่พี่ใช้ไป จะฟื้นขึ้นมาเป็น 100 ฉีเองโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องฝึกเพื่อเพิ่มมันกลับมาอย่างนั้นใช่ไหม” หยวนถามเสี่ยวฮัว
เมื่อเห็นเธอพยักหน้า หยวนก็เข้าใจระบบอย่างถ่องแท้
“ดังนั้นมันก็เหมือนกับเกมอื่นๆ แค่มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยต้องใช้การจัดการมากขึ้น ฉี จำเป็นสำหรับทักษะ แต่ยังจำเป็นสำหรับความก้าวหน้าในการฝึกฝนด้วย มันจะไม่ดีแน่ๆถ้าหากใช้มันมากเกินไป ยกเว้นแต่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้”
“ขอบคุณเสี่ยวฮัว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ตอนนี้พี่คงยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“พี่หยวน ความกตัญญูแสดงด้วยการกระทำไม่ใช่ด้วยคำพูด”
เธอเอามือจับหัวตัวเอง ทำให้เขาหัวเราะ
“ถูกต้อง ขอบคุณมากนะ…”
หยวนพูดพร้อมวางมือลงบนศีรษะของเธอ
หลังจากที่เสี่ยวฮัวพอใจ หยวนก็ยืนขึ้น และพูดว่า
“ถึงเวลาที่พี่จะต้องออกเดินทางอีกครั้งแล้ว แต่พี่จะกลับมาใหม่ในภายหลังนะ”
เสี่ยวฮัวไม่ได้หยุดเขาในครั้งนี้ และพยักหน้า
“ลาก่อนพี่หยวน ไว้พี่มาเล่นกับเสี่ยวฮัวอีกครั้งนะเมื่อพี่กลับมาที่นี่ พี่สามารถใช้สิ่งนี้เพื่อโทรหาหนูได้”
เธอยื่นสร้อยคอที่เธอเพิ่งถอดออกจากคอให้กับหยวน
หยวนรับสร้อยคอมาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
“งั้นไว้เจอกันใหม่นะ”
เขาโบกมือให้เธอก่อนจะหายไปกับแสงราวกับเป็นภูตผี
หลังจากหยวนออกจากระบบไปแล้ว เสี่ยวฮัวก็มองไปที่จุดที่หยวนเคยยืนอยู่
“ขอบคุณที่เล่นกับเสี่ยวฮัวนะ…”
ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มสั่นไหว และร่างกายของเธอก็เปล่งแสงสว่างออกมา
“มันสนุกมาก…สนุกจริงๆ….”
ร่างของเสี่ยวฮัวค่อยๆ แตกสลายเป็นแสงเล็กๆ คล้ายหิ่งห้อยก่อนที่จะลอยเข้าหากลุ่มเมฆและหายไป
“พี่หยวน…”
ในคืนนั้นเสียงเด็กหวานๆ ดังก้องไปทั่วท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว