“ท่านประมุข เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วขอรับ!หลายขุมอำนาจใหญ่ได้รวมตัวกันห่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เราไปไม่กี่พันลี้ มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยางสวี่ ราชวงศ์สุริยัน ตระกูลเซียวโบราณ และหลายขุมอำนาจใหญ่..”

“พวกมันคิดทำอะไร?พวกมันจะมาโจมตีเรา?”

ตอนนี้ ประมุขไท่เสวียนกำลังหารือกับกลุ่มผู้อาวุโสในโถงของประมุขศักดิ์สิทธิ์ แต่ศิษย์คนหนึ่งก็วิ่งหอบเข้ามารายงาน

สีหน้าของศิษย์ผู้นี้ขาวซีด เหนือสิ่งอื่นใด นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก

หลายขุมอำนาจใหญ่รวมตัวกันที่หน้าประตูพวกเขา และพวกเขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงความผันผวนรุนแรงไม่ไกลจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา จากวิธีที่อีกฝ่ายปลดปล่อยพลัง มันชัดเจนว่าพวกเขามารวมตัวกันเพื่อโจมตีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน!

ถึงแม้ดินแดนไท่เสวียนจะอ้างตนว่าแข็งแกร่งสุดในแดนบูรพา แต่แม้กระทั่งพวกเขาก็ยังอดสั่นสะท้านไม่ได้ถ้าเกิดหลายขุมอำนาจใหญ่รวมตัวกันมาโจมตีพวกเขา

แต่ทว่า ศิษย์ก็อดตกใจไม่ได้หลังรายงาน ไม่ว่าจะเป็นประมุขศักดิ์สิทธิ์หรือผู้อาวุโส ไม่มีใครแสดงท่าทีตื่นตระหนกเลยหลังฟังรายงานเขา

ทุกคนดูสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

“แค่นั้น?เจ้าตื่นตระหนกกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้?นี่คือวิธีที่ศิษย์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนควรจะประพฤติหรือไง?”

ตรงข้ามกับความคาดหวังของเขา ผู้อาวุโสคนหนึ่งขมวดคิ้วและก่นด่าเขา มันชัดเจนว่าไม่มีใครตรงหน้าเขาที่สนใจการผนึกกำลังกันของศัตรูเลย

“ท่านประมุข ท่านมองการณ์ไกลกว่าเรามาก!ท่านคาดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ท่านถึงได้กระชับความสัมพันธ์กับคุณชายกู่!’

ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสคนอื่นพากันฉีกยิ้มและเริ่มประจบประมุขไท่เสวียนสำหรับความสามารถมองการณ์ไกล แม้ดินแดนไท่เสวียนจะรู้ว่าพวกผู้อาวุโสแค่พูดไปงั้นและไม่ได้ชื่นชมเขามากอย่างที่แสดงบนหน้า เขาก็ยังอดภูมิใจตัวเองไม่ได้

แต่ทว่า เขาก็ยังรักษาท่าทาง และไม่ลดบารมีของประมุขลง เขาโบกมือและพูด“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเราอยู่ในสภาพวิตกมานับตั้งแต่ผู้อาวุโสสูงสุดของเราดับสูญไป มันต้องขอบคุณคุณชายกู่ที่ลงมาอาณาจักรเบื้องล่างเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต เราถึงมีโอกาสได้สร้างความสัมพันธ์กับเขา แทนที่จะประจบข้า พวกเจ้าควรไปขอบคุณคุณชายกู่!”

ประมุขไท่เสวียนอดรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้พอพูดคำเหล่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด กู่ฉางเกอคือนายน้อยอัจฉริยะจากอาณาจักรเบื้องบน ผู้มีภูมิหลังและตัวตนสุดยิ่งใหญ่

ยกเว้นเหล่าผู้อาวุโสกับศิษย์ในนิกายบางคนที่ไว้ใจได้ ไม่มีใครในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่รู้เรื่องนี้ มันเพราะประมุขไท่เสวียนอยากทำให้หลายขุมอำนาจแปลกใจ

ต้องยอมรับว่าประมุขศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเป็นคนฉลาดมาก เขาคาดถึงสถานการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว

“ท่านประมุข ดูเหมือนท่านหญิงกับคุณชายกู่จะสนิทกันมากขึ้นในช่วงสองสามวันมานี้ ข้าเกรงว่าถ้าเราไม่มีท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนไท่เสวียนเราอาจประสบกับหายนะจริง”

“ถูก ถูกต้องแล้ว!มันต้องขอบคุณท่านประมุขที่มีลูกสาวดี!”

เหล่าผู้อาวุโสต่าปงระจบกันอย่างอิจฉาและการกระทำของพวกเขาก็ทำให้รอยยิ้มของประมุขไท่เสวียนกว้างขึ้น

ถูกต้อง!มันต้องขอบคุณลูกสาวแสนล้ำค่าของเขา ไม่งั้น พวกเขาจะไปมีโอกาสเกาะแข้งเกาะขาคุณชายกู่ได้ไง?

สำหรับศิษย์ที่มารายงาน?สมองน้อยๆของเขาไม่อาจประมวลผผลได้ทัน

ผู้อาวุโสสูงสุดไท่เสวียนตายแล้ว?

นายน้อยลึกลับนั่นคือแผนการของพวกเขา?

หัวของศิษย์อื้ออึ้งขณะจ้องเหล่าผู้อาวุโสกับประมุขไท่เสวียนคุยกันอย่างอารมณ์ดี

‘เปิดประตูและตามข้ามา!ไปพบพวกที่มาเยือนบ้านเรากัน”

รังสีแสงสีทองบินผ่านรูม่านตาของประมุขไท่เสวียนขณะที่กลิ่นอายของเขาพุ่งทะยานและเดินออกไปพบกับศัตรูอย่างหาญกล้า

..

[ในศาลาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน]

“คำพูดของคุณชายกู่น่าสนใจจริงๆ อาณาจักรเบื้องบนใหญ่ขนาดนั้นเชียว?”

ซูชิงเกอเม้มปากและถาม

ในเวลาเดียวกัน นางก็สะบัดข้อมือนางเบาๆ เผยให้เห็นส่วนเล็กๆของข้อมือที่ละเอียดอ่อนและไร้ที่ติของนาง คล้ายกับรากดอกบัวหะมิ เพื่อเติมถ้วยชาที่ว่างเปล่าของกู่ฉางเกอ

เรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรเบื้องบนที่ออกจากปากของกู่ฉางเกอทำให้ซูชิงเกอหลงใหล

หลังนางปล่อยวางอคติในใจและอยู่กับกู่ฉางเกออีกสักครั้ง นางก็พบว่าความรู้สึกที่ได้อยู่กับเขาต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แม้กู่ฉางเกอจะมีอารมณ์ลึกซึ้งและเข้าใจยาก แต่นางก็อดโดนเขาดึงดูดไม่ได้…นั่นเป็นเสน่ห์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของเขาต่อเพศตรงข้าม

ในฐานะท่านหญิงแห่งแดนไท่เสวียนและคนที่มีสองวิญญาณในร่างเดียว ซูชิงเกอได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะมาตั้งแต่เด็ก ตลอดหลายปี นางได้พบกับคนมีพรสวรรค์มามาก แต่ไม่มีใครสามารถเทียบได้กับกู่ฉางเกอเลยหากนางพูดตามตรง

พูดง่ายๆคือ นางคิดว่ามันคงเป็นการดูถูกกู่ฉางเกอด้วยซ้ำถ้านำเขาไปเทียบกับ’อัจฉริยะ’เหล่านั้น ด้วยหน้าตาหล่อเหลาของเขา ความคิดที่เข้าใจยาก และท่วงท่าแสนงดงาม…ไม่มีใครเทียบเขาได้เลย!

ไม่ต้องพูดถึงกู่ฉางเกอที่มีความรู้อย่างลึกซึ้ง ความอดทน ทักษะการพูดจา ฐานบ่มเพาะและภูมิหลัง

แม้แต่พ่อของนางก็ยังบอกว่าเขาอาจสู้กับกู่ฉางเกอไม่ได้

ไม่ว่าจะมองกู่ฉางเกอยังไง เขาก็คือสามีในฝันของหญิงหลายคนในโลก และซูชิงเกอก็ไม่เว้น

กู่ฉางเกออดยิ้มไม่ได้พอได้ยินคำถามของซูชิงเกอ

“ทำไมเจ้าไม่ขึ้นไปดูด้วยตาตัวเองเล่าว่าอาณาจักรเบื้องบนใหญ่โตแค่ไหน?”

พวกเขาสนิทกันมากขึ้นแล้ว จนถึงจุดที่ซูชิงเกอแทบเปิดเผยต่อเขาหมด แต่กู่ฉางเกอก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมค่าโชคของเขาถึงยังไม่เพิ่ม

เขาได้ข้อสรุปแล้วว่าโชคของซูชิงเกอไม่เกี่ยวกับเย่เฉิน

นางเองก็เป็นลูกรักของสวรรค์?

หรือมันเพราะแม่ของนางมาจากอาณาจักรเบื้องบน นางจึงสืบทอดเส้นชีพจรที่พิเศษมา

หรือนางเป็นการกลับชาติมาเกิดใหม่ของผู้ยิ่งใหญ่ยุคโบราณ?

แม้กระทั่งระบบก็ไม่อาจอธิบายถึงการดำรงอยู่ของนางได้

‘ดูเหมือนโลกจะไม่ขาดคนที่มีโชคอำนวยพร’

กู่ฉางเกอคิด

ในเวลาเดียวกัน กู่ฉางเกอก็ยังเดาว่าเขายังสามารถใช้ซูชิงเกอเพื่อเก็บเกี่ยวจากเย่เฉินได้ เนื่องจากเย่เฉินยังไม่ยอมแพ้ในตัวซูชิงเกอ

“มีแค่คนในอาณาจักรเทพเสมือน(กึ่งเทพ)ถึงสามารถทำลายสิ่งกีดขวางระหว่างโลกและทะยานขึ้นไป!ผู้บ่มเพาะธรรมดาจากอาณาจักรเบื้องล่างอย่างเราจะไปอาณาจักรเบื้องบนง่ายๆได้ไง?”

ซูชิงเกอตอบอย่างเสียใจ

เหนือสิ่งอื่นใด ยอดฝีมืออาณาจักรเทพเสมือนคือจุดสูงสุดของอาณาจักรเบื้องล่างแล้ว ไม่ต้องพูดถึงในแดนบูรพา มันจะไม่มีทางพบเห็นพวกเขาในแดนเหนือ ตก หรือแดนอื่นของอาณาจักรเบื้องล่าง

แม้กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็ยังเป็นแค่ครึ่งก้าวราชาเซียน แต่ก็ยังตายระหว่างการบ่มเพาะ

ตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของแดนบูรพาทั้งหมดอาจเป็นแค่ครึ่งก้าวราชาเซียนเท่านั้น

สำหรับว่ามันยากแค่ไหนที่จะไปถึงจุดที่สามารถทะยานขึ้นสู่อาณาจักรเบื้องบน ซูชิงเกอไม่อาจเข้าใจได้