ภาค 2 ไร้เทียมทานเย้ยยุทธจักร บทที่ 330 ปรมาจารย์นักพรตเต้าฉงหยาง

จอมศาสตราพลิกดารา

ตอนนี้เจียงชิวไป๋ก็งงเป็นไก่ตาแตกเช่นกัน

บนโลกใบนี้ เรื่องที่ทำให้เขาที่เป็นเทวะอึ้งตะลึงได้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยแลว

และตอนนี้ เบื้องหน้าก็เกิดขึ้นแล้วเรื่องหนึ่ง

จินตนาการออกหรือไม่ ภาพของหมาป่าขาวที่ชาวที่ราบทุ่งหญ้ามองว่าเป็นสัตว์มงคลและสัตว์เทพ ยามเมื่อราชาหมาป่าสิบสี่ตัวปรากฏขึ้นพร้อมกันราวกับต้อนรับองค์ราชา สิ่งที่เดินออกมากลับไม่ใช่จักรพรรดิแห่งแสงสว่างรุ่นใหม่ แต่เป็นเพียงสุนัขอ้วนที่ค่อนไปทางสุนัขจรจัดเสียนี่?

เจียงชิวไป๋รู้สึกว่าโลกและทิวทัศน์ที่เขาเคยได้พบเห็น ต้องไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปแทบทุกคนบนโลกนี้เทียบได้แน่นอน

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่อาจจินตนาการเรื่องที่เหลวไหลแบบนี้ได้เลย

เขาคือจ้าวแห่งวิหารเทพหมาป่าคนปัจจุบัน กล่าวได้ว่าคุ้นเคยกับฝูงหมาป่าขาวบนที่ราบทุ่งหญ้าเป็นอย่างดี แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าสุนัขตัวหนึ่งจะควบคุมฝูงหมาป่าได้? แถมยังเป็นฝูงราชาหมาป่าขาว?

เขาอดขยี้ตาแล้วมองให้ละเอียดไม่ได้

ตรงกันข้ามกัน สุนัขประหลาดตาสองสีขนสั้นสีดำขาวไล่ระดับนั่งอยู่ท่ามกลางราชาหมาป่าทั้งสิบสี่ตัว เอียงหัวดุกดิกไปมาพลางมองประเมินเจียงชิวไป๋และซ่างกวนอวี่ถิง สายตาของมันจับจ้องอยู่ที่ร่างซ่างกวนอวี่ถิงหลายครั้ง อ้าปากหอบแฮ่กๆ แลบลิ้นยาวอย่างเคยชิน สีหน้าท่าทางดูแล้ว…เอ่อ หลากหลายยิ่งนัก

ภายใต้การขับเน้นอยู่ท่ามกลางราชาหมาป่าขาวที่องอาจดุดัน สุนัขบ้านประหลาดตาสองสีตัวนี้มองแวบแรกเหมือนนักโทษถูกคุมตัว แต่หากมองให้ละเอียด จะเห็นว่าราชาหมาป่าสีขาวทั้งสิบสี่ตัวเคารพและยำเกรงมันมาก ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าหายใจดัง ขาหน้างอลงเล็กน้อย หากอยู่ในสังคมมนุษย์ นี่คือระดับการคุกเข่าที่ขุนนางแสดงต่อองค์ราชา นับความนอบน้อมในระดับสูงสุด และแสดงให้เห็นได้ว่าสุนัขบ้านตัวนี้คือจักรพรรดิของฝูงหมาป่าขนาดใหญ่ฝูงนี้

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เจียงชิวไป๋ก็ยังคงรู้สึกขบขันมาก

เหมือนกับ…อืม เหมือนกับกองทัพที่เหี้ยมหาญเชี่ยวชาญการศึก กลุ่มขุนพลองอาจดุดัน แต่ผู้ที่บัญชาการพวกเขากลับเป็นจักรพรรดิอ้วนฉุไม่ได้เรื่อง?

ใช่แล้ว เป็นจักรพรรดิที่ไม่ได้เรื่อง

เจียงชิวไป๋รู้สึกเช่นนี้ทันที

แถมยังเป็นจักรพรรดิไม่ได้เรื่องที่หน้าตาอัปลักษณ์อีกด้วย

ทว่าปัญหาคือฝูงหมาป่าขาวไม่ใช่สังคมมนุษย์ที่ใช้สายเลือดหรือการถ่ายทอดอำนาจตัดสินตำแหน่งราชา แต่ใช้พลังและระดับพลังล้วนๆ ตัดสินระดับชั้นของกันและกัน นี่คือตำแหน่งที่ต้องฝ่าฟันเพื่อให้ได้มาอย่างแท้จริง สุนัขประหลาดตาสองสีที่ดูแล้วท่าทางเจ้าเล่ห์และประจบประแจงหน่อยๆ มีความสามารถอะไรกันแน่ ถึงได้สยบฝูงหมาป่าขาว รวบรวมฝูงหมาป่าขาวสิบสี่ตัวแห่งที่ราบทุ่งหญ้าเอาไว้ได้ ทั้งยังทำให้ราชาหมาป่าขาวพวกนี้ฟังคำสั่งของมัน

ในใจของเจียงชิวไป๋อดไม่ได้ อยากจะทดสอบพลังของสุนัขบ้านประหลาดตัวนี้สักหน่อย

และในตอนนี้เอง ก็เห็นสุนัขบ้านตาสองสีตัวนั้นเห่าอย่างดีใจ กระโดดอยู่กับที่อยู่สามสี่ที คล้ายกำลังทำท่าน่ารัก จากนั้นจึงพุ่งจากเนินหิมะมายังทั้งสองอย่างรวดเร็ว เห่าไปด้วยวิ่งไปด้วย ซ้ำยังยิ้มอย่างเป็นมิตรยิ่งให้กับพวกเขา สีหน้าแปลกประหลาดมาก แต่ก็เหมือนว่าจะ…น่ารักอยู่บ้าง?

น่ารัก?

เจ้าเป็นถึงราชาในหมู่ราชาหมาป่าขาวเชียวนะ ทำไมถึงเข้ากับคำจำพวกน่ารักได้กัน

เจียงชิวไป๋รู้สึกว่าเรื่องราววันนี้น่าหัวเราะจนเกินสมควรไปนิด

เขากุมขมับ

นี่ไม่ใช่หมาป่าขาวที่วิหารเทพหมาป่าเอามาเป็นสัญลักษณ์แน่

ไม่ใช่อย่างแน่นอน

จู่ๆ ซ่างกวนอวี่ถิงที่อยู่ข้างกายเขาก็ร้องตกใจขึ้นมา

เจียงชิวไป๋มองไปตาก็แทบจะถลนทันใด เดิมทีสุนัขประหลาดตาสองสีพุ่งมาถึงเนินหิมะได้ครึ่งทาง จู่ๆ ก็เสียหลัก หัวทิ่มไปในกองหิมะ หน้ากระแทกพื้นก่อน จากนั้นก็เห็นมันหกคะเมนตีลังกาจนมึนหัว เพราะวิ่งเร็วเกินเลยกลิ้งมาพร้อมกองหิมะ ประเดี๋ยวเดียวก็กลายเป็นก้อนหิมะลูกใหญ่กลิ้งขลุกๆ ลงมา…

ซ่างกวนอวี่ถิงหันไปมองเจียงชิวไป๋อีกครั้ง

นี่ก็คือ…สิ่งมีชีวิตที่งดงามสง่าที่สุดในที่ราบทุ่งหญ้า? จักรพรรดิแห่งแสงสว่างองค์ใหม่?

ทำไมเหมือนล้อกันเล่นเลย?

เจียงชิวไป๋ตอนนี้จนคำพูดไปเรียบร้อย

ทำไมสุนัขตัวหนึ่งถึงได้ควบคุมฝูงหมาป่าขาวได้

หรือในที่ราบทุ่งหญ้าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น?

ในฐานะที่เขาเป็นจ้าววิหารเทพหมาป่า ผู้กุมอำนาจหนึ่งในสำนักเทพทั้งเก้า เขาไม่อาจทนให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ

สายเลือดบริสุทธิ์ของหมาป่าขาวถูกสุนัขบ้านตาสองสีตัวหนึ่งทำให้แปดเปื้อนหมดแล้ว

ทว่าพริบตาที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ข้างขาก็พลันขยับ ก่อนจะมีเสียงน้ำดังขึ้น เมื่อก้มลงมองก็เห็นสุนัขบ้านตาสองสีตัวนั้นมาอยู่ข้างกายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ และตอนนี้มันยังยกขาหลังฉี่ใส่รองเท้าเขาอีกด้วย…

เป็นไปได้อย่างไร?

เจียงชิวไป๋ตะลึงครั้งใหญ่

เขาคือเทวะแห่งยุคสมัยนี้ เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งวิถียุทธ์ ทำไมสุนัขประหลาดตาสองสีตัวนี้ถึงได้หลอกการรับรู้ ทำลายการป้องกันของเขาได้ อีกทั้งยังฉี่ใส่รองเท้าเขาก่อนที่เขาจะตั้งตัวได้อีกด้วย…เจียงชิวไป๋พลันคิดขึ้นได้ว่า ทำไมก่อนหน้าที่ราชาหมาป่าขาวสิบสี่ตัวจะปรากฏตัวขึ้น เขาถึงสัมผัสถึงตัวตนของสุนัขประหลาดตาสองสีตัวนี้ไม่ได้ ตามหลักแล้วด้วยพลังของเขา ภายในอาณาบริเวณหลายพันลี้ เขาสามารถพบความผิดปกติทุกอย่างได้ทันที

เจียงชิวไป๋พบว่านอกจากมองเห็นด้วยตาเนื้อแล้ว ตนไม่อาจรับรู้การมีตัวตนของสุนัขตัวนี้ได้ด้วยวิธีอื่น?

อีกทั้งยังขัดขวางไม่ได้อีกด้วย?

สุนัขบ้านตัวนี้ประชิดมาข้างกายเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว?

ในชั่วขณะที่ความคิดนี้ผุดขึ้น ก็เห็นสุนัขประหลาดตัวนี้ไปถึงข้างกายซ่างกวนอวี่ถิงแล้ว สีหน้าท่าทางประจบประแจง ใช้หัวปุกปุยของมันเกยกับขาของซ่างกวนอวี่ถิง ส่งเสียงหืดหาดสอพลอ ไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ ที่กำลังอ้อนเจ้าของ หางกระดิกอย่างกับไม้กวาด ตบไปบนพื้นหิมะจนหิมะปลิวฟุ้งขึ้นมา

เหมือนสุนัขประหลาดตัวนี้ทะลุมิติได้อย่างไรอย่างนั้น เสี้ยวขณะก่อนหน้านี้ยังฉี่ใส่รองเท้าของเจียงชิวไป๋ เสี้ยวขณะต่อมาก็มาออดอ้อนอยู่ข้างซ่างกวนอวี่ถิงแล้ว ความเร็วแบบนี้ต่อให้เป็นเจียงชิวไป๋ก็ตั้งตัวไม่ทัน

สุนัขตัวนี้…พิลึกมาก

เจียงชิวไป๋ตื่นตะลึงในใจ

จากนั้น ฝ่ามือของเขาก็พลันรู้สึกถึงความชื้นอุ่นๆ

มองไปอีกครั้งก็เห็นว่าสุนัขประหลาดตาสองสีตัวนั้น ตอนนี้มาปรากฏอยู่ข้างกายเขาอีกแล้ว และกำลังเลียฝ่ามือของเขาอย่างประจบเอาใจ

แต่ปัญหาคือในเหตุการณ์ปกติ ต่อให้เป็นเทวะคนอื่นที่อยู่จุดสูงสุดแห่งวิถียุทธ์ในระดับเจ้าแห่งสำนักเทพทั้งเก้า ก็แตะมือของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัวไม่ได้ นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกัน สุนัขตัวหนึ่งเนี่ยนะ?

ไม่ๆๆ เจียงชิวไป๋ก็นึกขึ้นได้อย่างประหม่าเล็กน้อย เจ้าบ้านี่มันไม่ใช่สุนัข

สุนัขตัวหนึ่งทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้

กระนั้นแล้ว….

“โฮ่งๆ! โฮ่งๆๆ!”

สุนัขตาสองสีเห่าเสียงดังกังวาน แลบลิ้น ส่ายหางให้เขา

ก็ได้ เป็นสุนัข

เป็นสุนัขจริงๆ

สุนัขแบบนี้มาจากไหนกัน

ในพริบตาต่อมา สุนัขประหลาดตาสองสีก็มาปรากฏข้างกายซ่างกวนอวี่ถิงอีกครั้ง จมูกดมกลิ่นฟุดฟิด เหมือนว่าค้นพบอะไร ใบหน้าฉายแววตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด หางสะบัดอย่างเริงร่ายิ่งขึ้น ทั้งยังเห่าโฮ่งๆ อีกด้วย มันเดินวนรอบซ่างกวนอวี่ถิง ท่าทางดีอกดีใจมาก

และครั้งนี้ เจียงชิวไป๋ก็ยังคงมองไม่เห็นว่าสุนัขประหลาดตาสองสีตัวนี้เคลื่อนย้ายไปด้วยวิธีใดเช่นกัน

……

ดาบเดียวต้านทานคนนับร้อยนับหมื่น

เรื่องที่เกิดขึ้นที่ด่านเมืองมังกรแพร่ออกไปราวพายุลมกรด

ข่าวที่ไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ปรากฏตัวขึ้นที่ด่านเมืองมังกรก็กระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งตามไปด้วย

และเรื่องที่เล่าลือออกไปดุจพายุคลั่งในขณะเดียวกันนี้ ยังมีข่าวที่ชายแดนป้องกันทั้งหลายของฉินตะวันตกถูกยึดไปกว่าครึ่งในคืนเดียว

พลังลึกลับกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นจากกระแสคลื่นใต้น้ำโดยไม่มีสัญญาณเตือน ร่วมมือกับบางเผ่าของที่ราบทุ่งหญ้า วิหารเทพ และกองกำลังทหารชายแดนของซ่งเหนือ โจมตีกองกำลังทหารชายแดนของฉินตะวันตกเสียย่อยยับ จักรวรรดิฉินตะวันตกที่ไร้การคุ้มกันจากเมืองชายแดน ประตูเมืองชายแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลก็เปิดออก นี่หมายความว่าขอแค่ซ่งเหนือและชาวที่ราบทุ่งหญ้ายินดี พวกเขาก็จะสามารถบุกรุกเข้ามาในดินแดนฉินตะวันตกได้ทุกเวลา

หากไม่ใช่ว่าไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ปรากฏตัวขึ้น เกรงว่าชายแดนฉินตะวันตกคงย่ำแย่ไปกว่านี้แน่นอน

ดาบเดียวของหลี่มู่ฟาดฟันจนกองทัพเผ่าหมานแห่งที่ราบทุ่งหญ้าที่อยู่ภายใต้การควบคุมจากวิหารเทพแมงมุมล่าถอยไปร้อยลี้ ทำให้พวกเขาไม่กล้าส่งทหารสอดแนมไปยังด่านเมืองมังกรหนึ่งวันเต็มๆ กระทั่งว่าภายใต้การข่มขวัญจากประโยคที่ว่า ‘ผู้ก้าวเข้ามาในด่านนี้ ตาย’ ของหลี่มู่ กองทัพจากทุ่งหญ้าก็กระเจิดกระเจิง สุดท้ายทิ้งแผนรบโจมตีด่านเมืองมังกร ถอยเข้าไปในเขตลึกของที่ราบทุ่งหญ้า

เพราะนี่เป็นถึงคำเตือนจากเทวะองค์หนึ่ง

เทวะปกป้องเมืองเมืองหนึ่ง นั่นก็หมายความว่าใครโจมตี คนนั้นตาย

ไม่ใช่แค่นั้น ขั้วอำนาจกองทัพรวมถึงเมืองอื่นๆ ที่โจมตีและยึดด่านชายแดนต่างๆ ของฉินตะวันตกก็สั่นสะท้านไปด้วยเช่นกัน

เพราะไม่มีใครรู้ว่าตกลงแล้วไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ลงมือเพราะสบโอกาส หรือสู้เพื่อเชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตกจริง หากเป็นแบบหลัง เช่นนั้นสำหรับผู้บุกรุกผลลัพธ์ก็จะกลายเป็นหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะแค่เทวะออกคำสั่ง ของที่เขากินเข้าไปก็ยังต้องคายออกมา เช่นนั้นจะเท่ากับว่าแผนการความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้มลายหายสิ้น ใครจะไปทนได้กันเล่า

แต่ว่า ไม่นานนักก็มีข่าวที่ยิ่งเป็นที่ฮือฮามากกว่าลือไปทั่วแผ่นดินกว้างใหญ่

เต้าฉงหยางเจ้านายแห่งสำนักเทพเขาเมืองมรกตที่พิทักษ์จักรวรรดิซ่งเหนือจะมายังฉินตะวันตกเพื่อท้าสู้กับ ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ หลี่พั่วเยวี่ย บุคคลอันดับหนึ่งด้านการฝึกยุทธ์แห่งฉินตะวันตก

ข่าวนี้ช่างน่าตื่นตะลึงยิ่งนัก

ชาวที่ราบทุ่งหญ้าแห่งสำนักทุ่งปิดภูผากับนักพรตของเขาเมืองมรกต ตลอดมามีน้อยครั้งนักที่จะผูกแค้นอาฆาตกัน ต่อให้เป็นช่วงที่ฉินตะวันตกและซ่งเหนือความสัมพันธ์ย่ำแย่ที่สุดก็ตาม เมืองเขามรกตและทุ่งปิดภูผาไม่เคยมีข้อพิพาทใหญ่โตอะไรมาก ทว่าครั้งนี้ หลังจากกองกำลังชายแดนของซ่งเหนือ เผ่าหมานแห่งที่ราบทุ่งหญ้า และขั้วอำนาจลึกลับรวมสามฝ่ายร่วมมือกันโจมตีฉินตะวันตก ปรมาจารย์นักพรตเต้าฉงหยางแห่งสำนักเต๋าที่ได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งในหล้าจะท้าทายเจ้าสำนักทุ่งปิดภูผา นี่ไม่ได้หมายความว่าซ่งเหนือและฉินตะวันตกเข้าสู่ยุคสงครามที่ดุเดือดที่สุดในรอบพันปีแล้วหรอกหรือ?