บทที่ 50 เย่เฉินลงมือ
ภายใต้ความยินดีเย่เฉินได้นำตำราเก้าเสวียนเทียนยัดเข้าในอกทันที
ผลที่ได้คือหนังสือเล่มนี้กลายเป็นฝุ่นผงหายไปในทันใด
ทว่าทุกตัวอักษรในหนังสือกลับสลักอยู่ในหัวของเย่เฉินอย่างชัดเจน
ในเวลานี้พ่อตาที่หนีไปได้ถูกชายร่างใหญ่หลายคนคุมตัวกลับมาด้วยความป่าเถื่อน
เห็นใบหน้าทั้งสองด้านของเขาที่ทั้งแดงทั้งบวมคงเป็นเพราะโดนเล่นงานตอนโดนจับได้!
เย่เฉินมองท่าทางสะบักสะบอมของเขาแล้วอยากหัวเราะในใจ
ตาแก่คนนี้ก่อเรื่องแล้วยังอยากโยนปัญหามาให้ตน มีเรื่องแบบนี้ได้ซะที่ไหน! ให้เขาโดนสั่งสอนสักหน่อยถือว่าเป็นการลงโทษเขาเช่นกัน
พ่อตาเซียวฉางควนในเวลานี้มีสภาพสะบักสะบอม เมื่อกี้เขาพยายามหนีสุดชีวิต เหนื่อยจนเหลือจะทน
แต่เขาเองก็ไม่มีกุญแจรถ อายุเยอะแล้ว รูปร่างก็อ้วนจะวิ่งก็วิ่งไม่ไว ใช่คู่ต่อสู้ของวัยรุ่นพวกนี้ที่ไหนกัน
ดังนั้นไม่นานนักเขาก็โดนจับมัดกลับมา ยังโดนตบไปอีกหลายที น่าสมเพชจริงๆ
คนพวกนั้นจับเซียวฉางควนกลับมา ผู้จัดการโจวเหลียงเวิ่นกัดฟันพูด “ตาแก่ ทำแจกันของพวกเราแตกแล้วจะหนีงั้นเหรอ? คุณไม่สืบเบื้องหลังจี๋ชิ่งถังของพวกเราดูหน่อยล่ะ! ”
พ่อตาพูดอย่างหวาดกลัว “ผมไม่ได้ตั้งใจนะ เป็นเพราะแจกันมันลื่นเกิน……”
โจวเหลียงเวิ่นพูดเสียงเย็น “ไม่ต้องพูดมาก! ผมให้เวลาคุณช่วงบ่ายไปหาเงินมา หากไม่มีเงินชดใช้ ผมจะแจ้งตำรวจว่าคุณตั้งใจทำลายทรัพย์สินผู้อื่น มูลค่าคดีห้าล้านกว่าพอที่จะให้คุณติดคุกอีกนาน! ”
เซียวฉางควนตกใจจนสั่นไปทั้งร่าง มองเย่เฉินราวกับมองเห็นเส้นฟางช่วยชีวิต “เย่เฉิน ลูกเขยคนดีของฉัน! แกจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยไม่ได้นะ! ”
เย่เฉินพูดอย่างจนปัญญา “พ่อครับ ผมเองก็ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นนะ! ”
เซียวฉางควนพูดออกมาอย่างรีบร้อน “งั้นแกไปติดคุกแทนฉันสิ! ตระกูลเซียวของฉันเลี้ยงดูแกมาตั้งนานถึงเวลาที่แกต้องรู้จักทดแทนบุญคุณแล้ว! ”
ในใจเย่เฉินคิด คุณยังมีหน้ามาพูดคำพูดพวกนี้อีกเหรอ?
กำลังจะปฏิเสธ ชายวัยกลางคนคนนั้นก็ชิงพูดตัดหน้าก่อน “คนก่อหนี้ก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ จี๋ชิ่งถังของพวกเราทำธุรกิจโดยเน้นหนักความน่าเชื่อถือ เป็นคุณที่ทำแจกันแตกก็ต้องเป็นคุณที่ชดใช้! ”
พูดแล้วเขาก็พูดกับเย่เฉินต่อ “คุณไปได้แล้ว แต่ว่าทางที่ดีช่วยเขาหาเงินให้ครบ ไม่อย่างงั้นพ้นบ่ายวันนี้ไปฉันจะส่งเขาให้ตำรวจ”
เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ
เซียวฉางควนตระหนกสุดขีด พูดทั้งน้ำตา “ลูกเขยคนดีแกไปไม่ได้นะ! แกไปแล้วฉันจะทำยังไง! ”
เย่เฉินเห็นเขาตระหนกจนเป็นแบบนั้นก็อดตลกไม่ได้
แต่แน่นอนว่าบนใบหน้านั้นไม่อาจยิ้มออกมาได้
เขากำลังคิดจะใช้ข้ออ้างไปหาเงินเพื่อออกไป ให้พ่อตาลำบากอยู่ที่นี่สักหน่อย
แต่ว่าในหัวเขาพลันคิดได้ เมื่อกี้ในตำราเก้าเสวียนเทียนมีวิธีเก่าแก่ที่ใช้ซ่อมเครื่องลายคราม เขาจึงเกิดความคิดขึ้นแล้วพูด “ผู้จัดการโจว ถ้าหากผมซ่อมขวดใบนั้นได้ คุณจะปล่อยพ่อตาผมไปได้ใช่ไหม? ”
โจวเหลียงเวิ่นหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูด “คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ยังบอกจะซ่อมวัตถุโบราณ บอกคุณตามจริงผมได้ส่งรูปให้ผู้เชี่ยวชาญการประเมินวัตถุโบราณจินหลิงดูแล้ว ฝั่งนั้นบอกว่าแตกแบบนี้นั้นไม่สามารถซ่อมได้อีก”
เย่เฉินส่ายหน้าพูด “แจกันของคุณใบนี้ยังไงก็แตกไปแล้ว ปล่อยไว้ก็ไร้ประโยชน์ ผมลองดูก็ไม่เสียหายอะไร……”
โจวเหลียงเวิ่นหัวเราะเยาะออกมาแล้วพูด “ได้สิ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ? เอาเลย ผมจะคอยดูว่าคุณมีฝีมืออะไร! ”
เย่เฉินพูด “เตรียมกระดาษเซวียนจื่อให้ผมหนึ่งแผ่น พู่กันหนึ่งด้าม ไข่ไก่ห้าฟอง เอาไข่ไก่ดิบนะ” โจวเหลียงเวิ่นที่รอดูว่าเย่เวิ่นจะทำเรื่องโง่ๆ ยังไงก็ไม่ลังเล ไม่นานก็หาไข่ไก่ดิบมาให้เย่เฉินได้ตะกร้าหนึ่ง
ทว่าเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดเยาะ “ใช้ไข่ไก่ซ่อมโบราณวัตถุ ผมยังไม่เคยได้ยินวิธีแบบนี้มาก่อน ผมขอเตือนคุณอย่าทำอะไรตุกติก ไม่คุณเอาเงินมาชดใช้ ไม่ก็พวกเราฟ้องศาลพ่อตาของคุณ ห้าล้านพอที่พ่อตาของคุณจะติดคุกไปทั้งชีวิต”
เย่เฉินพยักหน้าพูด “ถ้าผมซ่อมได้ล่ะ? ”
โจวเหลียงเวิ่นพูดเสียงเย็น “ถ้าผ่านการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญว่าซ่อมได้เรียบร้อยจริงๆ แล้วกอบกู้ความเสียหายส่วนใหญ่เอาไว้ได้ ถ้างั้นพวกคุณก็ไปได้! ”
“ดี! ” เย่เฉินพยักหน้า “พูดคำไหนคำนั้น! ”
พูดจบเขาก็ไม่พูดมากอีก หยิบพู่กันขึ้นมาร่างโครงของขวดบนกระดาษเซวียนจื่อ
ต่อจากนั้นเขาก็กะเทาะไข่ไก่เป็นรูใหญ่ ใช้นิ้วชี้จุ่มไข่เหลวนิดหน่อยถูบนลงเศษแจกันอันหนึ่งนำมันมากดลงบนโครงกระดาษ จากนั้นก็ทำอีกชิ้นกดลงไป โครงกระดาษค่อยๆ ถูกเศษวัตถุโบราณแปะกันเต็ม……
ทุกคนสงบปากสงบคำเกรงว่าจะรบกวนขั้นตอนการซ่อมแซมของเขา
ไม่นานก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
รอจนเมื่อเย่เฉินลุกขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทุกคนคือขวดพอร์ชเลนอวี้หูราชวงศ์ถังที่ราวกับของใหม่
เขาพูดยิ้มๆ กับโจวเหลียงเวิ่น “คุณลองดูได้ ยังมีตำหนิตรงไหนอีก”
โจวเหลียงเวิ่นหยิบแจกันขึ้นมา พินิจดูอยู่หลายรอบถึงได้พูดออกมาอย่างเยาะหยัน “คุณล้อผมเล่นเหรอ? ใช้ไข่เหลวมาทาติดรอบหนึ่งก็ถือว่าซ่อมแล้ว? ผมตีขาคุณให้หักแล้วใช้ไข่ขาวทาติดให้คุณเหมือนกันได้ไหม? ”
“อย่าแตะต้องแจกันใบนั้น! ”
ขณะนี้เองพลันมีเสียงใสร้อนรนดังขึ้นมาจากทางหน้าประตู
จากนั้นสาวงามที่ใส่ชุดสูทกึ่งทางการสีขาวก้าวเดินเข้ามา
ใบหน้าของหล่อนสวยใส เรือนร่างสูงสมบูรณ์แบบ ส่วนสูงเกือบ170ซม. แผ่กลิ่นอายสูงส่ง ดวงตาที่สวยงามคู่นั้นมองเข้ามาในห้อง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหยิ่งแสนเยือกเย็น ราวกับเป็นราชินีน้ำแข็ง
โจวเหลียงเวิ่นสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่เห็นผู้หญิงคนนี้ กุลีกุจอก้มหัวพูดอย่างนอบน้อม “คุณหนูใหญ่มาได้ยังไงกันครับ? ”
ผู้มาคือผู้ครอบครองตัวจริงของจี๋ชิ่งถัง คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลซ่ง ตระกูลแนวหน้าเมืองจินหลิง ซ่งหวั่นถิง
ซ่งหวั่นถิงแค่นเสียง พูดด้วยสีหน้าโมโห “ฉันกลัวว่าหากฉันไม่มานายคงทำร้านเจ๊งพอดี! นี่เกิดอะไรขึ้น? ”
โจวเหลียงเวิ่นยิ้มเหยเก รีบพูดตอบ “ตอนดูแจกันมีแขกคนหนึ่งพลั้งมือทำแจกันแตก ลูกเขยของเขาใช้ไข่ขาวซ่อมแซม ผมกำลังบอกว่าซ่อมแบบนี้มันไร้คุณค่า จะเจรจากับพวกเขาเรื่องชดใช้ครับ”
ซ่งหวั่นถิงขยับเข้ามาด้านข้างแจกัน พินิจอยู่ชั่วครู่สีหน้าพลันเปลี่ยน!
จากนั้นหล่อนหันกลับมาตำหนิโจวเหลียงเวิ่นด้วยความโกรธ “รีบวางลง! ใครให้นายจับซี้ซั้วโดยไม่รู้เรื่องกัน! ”
โจวเหลียงเวิ่นพลันงงงัน “คุณหนูใหญ่หมายความว่า? ”
ซ่งหวั่นถิงพูดอย่างโมโห “นี่คือโบราณวัตถุที่เพิ่งซ่อมเสร็จ นอกจากผู้เชี่ยวชาญในการซ่อมแล้ว คนอื่นยังไม่สามารถใช้มือแตะได้ กฎแค่นี้นายก็ไม่รู้เหรอ? ”
โจวเหลียงเวิ่นพูดด้วยความลังเลเล็กน้อย “นี่……ใช้ไข่ขาวทาติดหนึ่งรอบไม่นับว่าเป็นการซ่อมมั้ง? ”
ดวงตาสวยงามของซ่งหวั่นถิงส่อความโมโห พูดตำหนิ “เจ้าโง่นี่ แจกันใบนี้หลังจากซ่อมแซมมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว แต่เพราะนายใช้มือสัมผัสค่าเสียหายเริ่มต้นสองล้าน! นายไปเก็บของซะ พรุ่งนี้ไม่ต้องมาอีก! ”
ก่อนหน้านี้หล่อนอยู่ที่งานประมูลที่เมืองก่าง เคยเห็นจานลายครามในยุคสมัยเดียวกับขวดพอร์ชเลนอวี้หู
ประวัติของจานลายครามใบนั้นน่าสนใจมาก มันคือเครื่องลายครามในสมัยราชวงศ์ถัง ถูกคนทำแตกในสมัยราชวงศ์ซ่ง จากนั้นช่างผู้ชำนาญในสมัยราชวงศ์ซ่งได้ใช้วิธีการเดียวกันในการซ่อมแซม
และเพราะฝีมือการซ่อมแบบนี้หายากเป็นอย่างมาก หายสาบสูญไปจากประวัติศาสตร์ ดังนั้นราคาซื้อขายสุดท้ายของจานลายครามใบนั้นคือสิบสามล้าน เกินจากมูลค่าโดยแท้ของจานลายครามไปมาก
ตอนนี้ขวดพอร์ชเลนอวี้หูใบนี้ถูกเย่เฉินใช้วิธีที่หายสาบสูญในการซ่อมแซม มูลค่าของแจกันใบนี้จะเพิ่มขึ้น
สีหน้าโจวเหลียงเวิ่นซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าตนเองเพียงสัมผัสขวดพอร์ชเลนอวี้หูนิดหน่อยจะทำให้เกิดความเสียหายสูงขนาดนี้ แล้วยังเสียงานไปอีก
ซ่งหวั่นถิงพูดต่อ “ท่านอาจารย์ที่ซ่อมแจกันใบนี่ล่ะ? รีบพาฉันไปเข้าพบหน่อย”