เล่ม 1 ตอนที่ 357 นางคือหลิงหลิงหลิง

ราชินีพลิกสวรรค์

บ้าอย่างนั้นหรือ

รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเจียงหลี นางกลับรู้สึกว่าตอนนี้ไป๋เซี่ยงเลี่ยมีสติตื่นรู้ยิ่งกว่าที่เคยมีเสียอีก

การฆ่าล้างตระกูลเช่นนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ใจสลาย แต่เขากลับสามารถหาทางออกที่ดีที่สุดภายในช่วงฉุกละหุก เขาฆ่าปิดปากทุกคนแล้วโยนความผิดทุกอย่างมาให้นาง ส่วนเขาจะอยู่ให้ห่างจากเรื่องนี้ซะ

แม้จะหนีไปได้คนสองคนแต่ก็ต้องมาเจอเขาไล่ฆ่าอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ได้อยากฆ่าคนในตระกูลแต่เขาอยากฆ่านาง ต่อให้คนในตระกูลเหล่านั้นไม่พอใจแล้วจะถือสาคนบ้าได้อย่างไร

แน่นอนว่าอย่างหลังเป็นเพียงแผนการที่เลวร้ายที่สุด

สิ่งที่ไป๋เซี่ยงเลี่ยทำคืออย่างแรกที่กล่าวมา คือฆ่าทุกคนเพื่อลบเลือนข้อผิดพลาดทั้งหมด

แปะๆๆ!

เมื่อคนในตระกูลไป๋เซี่ยงคนสุดท้ายล้มจมกองเลือด เจียงหลีก็ปรบมือด้วยท่าทางเกียจคร้าน สายตายียวนและเย็นชาของนางมองไป๋เซี่ยงเลี่ยที่เหมือนคนบ้าจริงๆ

ไป๋เซี่ยงเลี่ยที่ฆ่าทุกคนตายหมดแล้ว ยามนี้ดูเหมือนเขาจะสงบสติอารมณ์ได้ เมื่อเขาได้ยินเสียงปรบมือก็ค่อยๆ หันร่างกลับมา ใบหน้าอาบเลือด ดวงตาที่ดำดิ่งสงบและน่ากลัวจ้องไปที่เจียงหลีเขม็ง

“ละครฉากนี้ที่เลี่ยฉางเหล่ากำกับเองและแสดงบทบาทเองช่างน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ” เจียงหลีเอ่ยยกย่องเขา ไม่ต้องเปลืองแรงนาง ไป๋เซี่ยงเลี่ยก็ฆ่าทุกคนตายหมดมันช่วยนางได้หลายเรื่องเลยทีเดียว

ตอนนี้ขอเพียงฆ่าเลี่ยฉางเหล่าให้ตายก็ได้แล้วใช่ไหม

เขาต้องการโยนให้นางเป็นแพะรับบาปที่ฆ่าทุกคนก็นับว่าไม่ใช่การใส่ร้าย เพราะเจียงหลีเองก็คิดจะทำเช่นนี้เหมือนกัน

ล้อเล่นรึ สุภาพชนอย่างไป๋เซี่ยงเลี่ยบีบบังคับโลภเอาสมบัติของนางจนต้องการจะฆ่านาง นางต้องแสร้งทำเป็นแม่พระใจกว้างมีเมตตาต่อทุกสรรพสิ่งอย่างนั้นหรือ

“ฆ่าเจ้า…ฆ่าเจ้า…ข้าจะฆ่าเจ้า”

ราวกับไป๋เซี่ยเลี่ยไม่ได้ยินในสิ่งที่นางพูด ปากท่องคำนั้นซ้ำไปมาไม่หยุด

เจียงหลีได้ยินคำที่เขาท่องก็ยกมือเอานิ้วอุดหูตัวเองก่อนจะเอ่ยขำ “ที่นี่นอกจากข้ากับเจ้าก็ไม่มีคนอื่นแล้ว เลิกเล่นละครสักทีได้ไหม”

“ฆ่าเจ้า…ข้าจะฆ่าเจ้า…”

เจียงหลีเอามือลงแล้วมองเขาด้วยสายตาซุกซน “คนที่เป็นบ้ายังสามารถตัดสินใจชัดเจนได้หรือ กำจัดสาวกสองสามคนที่คุกคามคุณตั้งแต่แรกใช่หรือไม่ ไม่ต่อกรกับพวกเขาทั้งยังกำจัดฐานการฝึกบำเพ็ญของพวกเขาอย่างชาญฉลาดอีกด้วยเพราะเกรงว่าจะทำให้แผนการสังหารของเจ้าเป็นไปอย่างยากลำบากใช่หรือไม่ ถึงอย่างไรสถานการณ์ก็โกลาหลอยู่แล้ว สำหรับเจ้ามันกลับยิ่งเป็นประโยชน์ ในฐานะที่เป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลไป๋เซี่ยง เจ้าอยากฆ่าปิดปากมันอาจจะจัดการได้ง่ายกว่าข้าเยอะเลย”

ประโยคนี้ทำให้ไป๋เซี่ยงเลี่ยเลิกเสแสร้งสักที

ในที่สุดเขาก็ไม่ท่องคำนั้นแล้วสงบนิ่งจ้องนางเขม็ง

เจียงหลีหัวเราะออกมา “ไม่พูดไม่ได้ว่า เจ้าก็เป็นบุคคลเพื่อล้างบาปจากการฆ่าเผ่าพันธุ์ตัวเอง คิดไม่ถึงว่าจะลงมือได้โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ ก็เลย…”

จู่ๆ นางก็หยุดและไม่ได้เอ่ยประโยคหลังออกมา

ไป๋เซี่ยงเลี่ยรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นนางพูดอะไรต่อจึงเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้งไม่น่าฟัง “แล้วก็อะไร”

“อ๋อ ไม่เล่นละครต่อแล้วหรือ” แววตาเจียงหลีเป็นประกายวูบไหว ยิ้มตาหยีสบตาเขา

“เหอะ!” ไป๋เซี่ยงเลี่ยสบถเสียงเย็น

เจียงหลียังคงยิ้มให้ ความลุ่มหลงที่ออกมาจากกระดูกทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตา “มันเป็นแค่การขาดความรับผิดชอบ”

ม่านตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยหดตัวอย่างรุนแรง ตะโกนออกไปด้วยความโกระเกรี้ยวเต็มประดา “เจ้าจะเข้าใจอะไร ล้วนเป็นเจ้าที่ทำร้ายข้าจนต้องเป็นเช่นนี้”

ความเกลียดแค้นกลั่นมาจากเลือดของเขาแล้วพุ่งออกมาทางสายตา ทำให้บรรยากาศโดยรอบแช่แข็ง

เจียงหลีกระตุกคิ้วไม่พูดอะไร

“ฆ่าล้างตระกูล แล้วกลับไปรับโทษรับผิดชอบทุกอย่างใช่ไหม เหอะ ข้ารับผิดข้าก็ต้องตาย แต่เจ้าเป็นฆ่าคนพวกนี้ ข้าตายไม่ได้แล้วข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่ออย่างดีด้วย หากเป็นเจ้า ระหว่างเจ้าตายกับพวกเขาตายเจ้าจะเลือกอย่างไหนล่ะ” ไป๋เซี่ยงเลี่ยมองนางด้วยแววตาประชดประชัน

“อย่าเอาข้าไปรวมกับคนอย่างเจ้า ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนเจ้าที่ปกป้องตัวเองโดยไร้ซึ่งความรับผิดชอบ” เจียงหลียิ้มเย็นชาประชดเขากลับไป

หากเป็นนางที่ฆ่าพวกตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ นางไม่มีทางหนีไปจากทุกสิ่งโดยพยายามปกปิดความจริง นางทำได้เพียงกล้าที่จะเผชิญหน้าแล้วชดใช้ความผิด

“ดูเหมือนว่าสิ่งที่ตระกูลไป๋เซี่ยงทำได้ดีที่สุดคือการฝึกฝนคนหน้าซื่อใจคดที่แท้จริง!” เจียงหลีหัวเราะเยาะ

ไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่ได้โกรธ ในตอนนี้เพียงแค่ยิ้มเยาะมองไปที่ดวงตาของเจียงหลีราวกับว่าเขากำลังมองไปที่คนตายก็มิปาน “โฉมหน้าและท่าทางเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ดูแล้วคงทำเป็นเสแสร้งถึงไม่ให้ข้ามองเจ้าออกตั้งแต่แรกเห็น” หากเขามองผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ออกตั้งแต่แรกเห็น ทุกอย่างในภายหลังคงไม่เกิดขึ้น

“ข้าก็คิดไม่ถึงว่าผ่านไปตั้งนานแล้วเจ้ายังลืมข้าไม่ลง!” เจียงหลีเอ่ยขำ

ความเกลียดชังในดวงตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยรุนแรงยิ่งขึ้น เขากัดฟันและเอ่ยขึ้น “เจ้ากลับพูดจ้อสบายๆ ใช่ หลายปีมานี้เจ้าฝึกราบรื่นไหม แล้วข้าล่ะ”

เจียงหลีแปลกใจแล้วมองเขาด้วยความสงสัย ตอนแรกข้าไม่เพียงแต่แย่งวิญญาณยุทธ์เต่าเสวียนกังใช่หรือไม่ แค้นข้าราวกับข้าทำผิดที่ฆ่ายกครัวเขา

ความสงสัยบางอย่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นในจิตใจของเจียงหลี เมื่อนางเจอไป๋เซี่ยงเลี่ยอีกครั้ง นางสังเกตเห็นว่าราศีของเขาไม่เสถียรไม่แข็งแกร่งเหมือนตอนที่เขาอยู่ในอาณาเขตหลิงอู่ ตอนนี้การฝึกบำเพ็ญของเขาไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เขาเกลียดตัวเองมาก…มีอะไรเกิดขึ้นโดยที่นางไม่รู้ใช่หรือไม่

เจียงหลีนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นนางพยายามเสี่ยงที่จะหลอมรวมเข้ากับเต่าเสวียนกัง ในขณะกำลังหลอมรวมที่คนภายนอกไม่รับรู้ ตอนนั้นมีเพียงเจียงเฮ่าที่อยู่ในสถานการณ์ นางเคยสั่งเขาไว้ว่าหากสู้ไม่สำเร็จให้วิ่งหนีไป ตอนที่นางฟื้นขึ้นมาก็กลับไปยังสถาบันไป๋หยวนแล้ว หลังจากที่เจียงเฮ่ากลับไปสำนักหลิงอู่อย่างปลอดภัยแล้วก็เกิดเรื่องราวต่างๆ นางไม่มีโอกาสถามเจียงเฮ่าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น พอผ่านไปเป็นเวลานานนางก็ลืมติดตามถามเสียแล้ว”

“เจ้าช่างโชคดีจริงๆ ตอนเข้าไปในอาณาเขตหลิงอู่ก็มีเนี่ยนจงแอบตามไปเงียบๆ เจ้าแย่งเต่าเสวียนกังไปไม่ว่า แต่คิดไม่ถึงว่าเนี่ยนจงผู้นั้นจะฆ่าพวกข้าให้ตายในอาณาเขตหลิงอู่จึงทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัส การฝึกฝนถดถอยได้รับความเสียหายอย่างหนัก ข้าเสียเวลาตั้งหลายปีกว่าจะทำให้อาณาเขตกลับมาเสถียรมั่นคง…”

เนี่ยนจง!

แววตาของเจียงหลีตกตะลึง ประโยคท้ายที่ไป๋เซี่ยงเลี่ยเอ่ยถึง นางไม่ได้ยินถึงความโกรธแค้นที่มีต่อนาง แต่นางรู้เพียงว่า เนี่ยนจงผู้นั้น มีความเป็นไปได้ว่าคือลู่เจี้ย ตอนที่นางอยู่ในอาณาเขตหลิงอู่ คิดไม่ถึงว่าลู่เจี้ยจะเข้าไปด้วย

ทั้งยังฆ่าคนในอาณาเขตหลิงอู่อีกด้วย

เขาทำเพื่อนางหรอกหรือ…

อารมณ์ของเจียงหลีเกิดความหวั่นไหว

แล้วไป๋เซี่ยงเลี่ยก็จับผิดถึงความหวั่นไหวในตัวนาง เขายิ้มเยือกเย็น ความแค้นในดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นไอสังหารที่ดำดิ่งมานานแสนนาน

ในขณะนั้นมีความบ้าคลั่งอย่างแท้จริงในดวงตาของเขา ราวกับว่าตื่นเต้นมากที่เจียงหลีปรากฏตัวต่อหน้าต่อตาเขาอีกครั้ง

ตู้มมม

ไอสังหารกะทันหันปกคลุมเจียงหลี ทำให้นางตื่นคืนสติจากความหวั่นไหว

นางถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว เกราะเสวียนกังด้านหลังนางสวยยั่วยวนยิ่งขึ้น ถอยกลับไปป้องกันด้านหลัง พลังรัศมีของเจียงหลีพุ่งพรวดอย่างรวดเร็วจนทะลุจุดสูงสุดของหลิงเจี้ยง…

“เจ้าๆๆ…หลิงๆๆ…” พลังที่แปรผันอย่างรวดเร็วทำให้ไป๋เซี่ยงเลี่ยตกตะลึงจนพูดติดอ่าง

………………………………