บทที่ 175 ตอนนี้ยังมีคำว่า แบ่งปัน อยู่อีกนะ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 175 ตอนนี้ยังมีคำว่า ‘แบ่งปัน’ อยู่อีกนะ

“เถ้าแก่ คุณมาแล้ว ฉันจะได้รายงานความคืบหน้าการทำงานล่าสุดพอดีเลย”

เมื่อจ้าวอิ๋งเห็นฟางหนิงเดินเข้ามาในห้องทำงาน เธอก็รีบวางงานในมือลงแล้วลุกขึ้นทักทายเขา

ฟางหนิงมาที่นี่ก็เพราะอยากฟังรายงาน เขาอยากควบคุมสถานการณ์แนวหน้าให้ได้มากกว่านี้อีกหน่อย อย่างน้อยก็เข้าใจทรัพย์สินของตนเองให้แจ่มแจ้ง ถึงตอนนั้นถ้ากุนซือเกิดทำงานพลาดต้องไปอุดอู้ในห้องมืดเล็กๆ

เขานั่งลงบนโซฟาข้างๆ อีกฝ่ายอย่างสบายอารมณ์ พยักหน้าแล้วพูดว่า “คุณสรุปมาแล้วกัน สองวันนี้ผมอยากจะพักผ่อน พอดีมีธุระต้องทำนิดหน่อย อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับแล้ว…”

จ้าวอิ๋งบ่นในใจ คงเป็นเกมหรือไม่ก็นิยายออกใหม่ล่ะสิ…

แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดออกไปตรงๆ แต่พูดเรื่องงานต่อ “ตอนนี้เรื่องสำคัญของที่นี่ก็คือเมืองร้านอาหารระดับไฮเอนด์ที่กำลังก่อสร้างค่ะ พวกเรามีเงินทุนเพียงพอ ความคืบหน้ารวดเร็ว ภายในสิ้นปีนี้ก็น่าจะสร้างเสร็จแล้ว หลังจากตกแต่งเรียบร้อยเดือนพฤษภาคมปีหน้าก็คงเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการได้”

“จนถึงตอนนั้นร้านแฟรนไชส์ ​​’รสชาติของฟางซื่อ’ สาขาอื่นๆ ในท้องถิ่นก็จะย้ายเข้ามาด้วย กลายเป็นศูนย์ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มระดับไฮเอนด์ที่ครบวงจร…”

ฟางหนิงพยักหน้า เขารู้มาจากมนุษย์กลไกตัวแทนตั้งแต่เมื่อคืนวาน แผนการรวมกลุ่มจัดเลี้ยงระดับชาติที่จ้าวอิ๋งวางไว้ก่อนหน้านั้นล้มเหลวไปกว่าครึ่ง เนื่องจากเกิดเรื่องแปลกประหลาดทั่วทุกหนแห่งไม่หยุดหย่อน จึงยากที่เธอจะรับมือกับมัน

ต่อมาเธอไปปรึกษาหอการค้าเมืองฉีและผู้เชี่ยวชาญด้านด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ทุกคนต่างแนะนำเหมือนกัน ในสภาพการณ์ปัจจุบันเธอไม่ควรทะเยอทะยานเกินไป แต่ควรวางรากฐานในเมืองฉีให้มั่นคงและมุ่งสร้างแบรนด์ระดับไฮเอนด์ นี่ถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง

หลังจากที่จ้าวอิ๋งรายงานเรื่องสำคัญๆ จบแล้ว เธอก็รายงานสถานการณ์ปัจจุบันทั้งหมดภายในร้าน ทั้งรายได้ประจำวัน การจัดซื้อวัตถุดิบ สถานการณ์ของลูกค้าและทัศนคติของพนักงาน ทุกอย่างเป็นไปตามลำดับ ชัดเจนและเป็นเหตุเป็นผล

แม้ฟางหนิงจะบอกว่าเขาจะอยู่ไม่นาน ถึงกระนั้นก็ยังคงอดทนตั้งใจฟังจนจบ

เขาหัวเราะ ‘เหอะๆ’ พลางเอ่ยชมเชย “คุณทำได้ดีมาก ตั้งใจทำงานให้ดีล่ะ อนาคตธุรกิจของพวกเราจะต้องสดใส ต่อไปทุกคนจะมีแต่ความร่ำรวย เรามีท่านอัศวินคอยหนุนหลัง พวกเราไม่ต้องกังวลเรื่องที่คนอื่นกังวล ยังไงเสียตอนนี้วัตถุประสงค์ทางธุรกิจก็ได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นอย่างดีแล้ว จับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับไฮเอนด์ ใช้ความแตกต่างเป็นจุดขาย”

จ้าวอิ๋งพยักหน้าเห็นด้วย พูดกันตามตรงหากไม่มีทรัพยากรมนุษย์ที่ผูกขาดของเถ้าแก่ ด้วยความสามารถของเธอ ไม่มีทางบริหารงานมาได้ใหญ่โตถึงขนาดนี้และเธอยังทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ฟางหนิงกำลังจะเสแสร้งอีกสองสามประโยค จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

ดังนั้นเขาจึงส่งสัญญาณให้จ้าวอิ๋งหยุดชั่วคราว แล้วเริ่มรับโทรศัพท์

“โอ้ สุ…ไม่สิ คุณเซวป้าเองเหรอ สวัสดี สวัสดี”

“ว่าไงนะ! คุณอยากให้ฉันไปทำอาหารให้เหรอ!”

เมื่อได้ฟังมันอธิบาย ฟางหนิงก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว

เดิมทีเพราะวันนี้สุนัขเหลืองเซวป้าต้องการเชิญสุนัขสาวไปที่วิลล่าฟาร์ม มันจึงอ้างชื่ออัศวิน A และต้องการให้พ่อครัวฟาง​​​​ไปที่นั่น นี่มันอยากจะแกล้งทำเป็นเท่ต่อหน้าสาวแน่ๆ แต่จะเป็นไปได้ยังไง…

“อ้อ สองวันนี้ฉันยุ่งมากเลย…ฉันจะให้ผู้จัดการจ้าวส่งพ่อครัวของที่ร้านไปแทนฉันก็แล้วกัน ไม่ต้องห่วง รสมือไม่ได้แย่มาก เอาแบบนี้แหละ ไม่ต้องพูดอะไรอีก วางสายก่อนนะๆ”

จ้าวอิ๋งที่กำลังฟังอยู่นั้นถึงกับพูดไม่ออก แน่นอนว่าเธอรู้ว่าใครคือคุณเซว มันเป็นสุนัขเหลืองในบ้านของเทพบุตรของฉัน เช่นเดียวกับแฮมสเตอร์ของเธอ เธอเคยได้ยินมาไอคิวของมันสูงลิ่วจนพูดภาษาของมนุษย์ได้ นอกจากนี้มันยังฉลาดมากและชอบอ่านหนังสืออีกด้วย

เถ้าแก่ของเราเอาแต่มุดหัวอยู่ในบ้าน ไม่คว้าโอกาสดีที่จะได้ใกล้ชิดกับเทพบุตรของฉัน

ถ้าเป็นเธอคงรีบไปนานแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเธอจะฝึกฝนอย่างไร ฝีมือการทำอาหารของเธอก็ยังไปไม่ถึงระดับของอีกฝ่ายเสียที ชาตินี้คงไม่มีวาสนาได้สานสัมพันธ์กับเขาหรอก

หลังจากฟางหนิงวางสาย ด้วยอารมณ์คุกรุ่นจึงเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว “ไม่นึกเลยว่าเจ้าสุนัขเหลืองตัวนั้นจะสละโสดก่อนเจ้านายของมันซะอีก พวกที่ฉลาดเกินไปหลอกยากจริงๆ…”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ได้สติในทันที ก่อนพบว่าจ้าวอิ๋งกำลังมองเขาด้วยความสงสัย ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไร คุณพูดต่อเถอะ”

จ้าวอิ๋งไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กลับหันไปมองแฮมสเตอร์

มันหยุดแทะเม็ดเกาลัด ริมฝีปากขยับเล็กน้อยแต่กลับไร้เสียง ดูเหมือนว่าคนกับหนูจะแอบส่งเสียงลับคุยกัน

ฟางหนิงติดตามระบบมาเป็นเวลานาน ทำให้ความสามารถในการสังเกตรายละเอียดของเขานั้นดีขึ้น ไม่ทันไรก็มองออก เขาเริ่มสนใจ หนูแฮมสเตอร์ตัวนี้มีสติปัญญา มันกำลังพูดว่าอะไรกัน

เขาจึงเรียกหนังสือเกมในพื้นที่ระบบออกมาเพื่อแสดงข้อมูลแฮมสเตอร์ให้เขาดู หลังพลิกหนังสือ เขาก็ตกใจมากทีเดียว

เดิมทีโมดูลของหนังสือเกม ‘รวบรวมสิ่งมีชีวิต’ กำลังแสดงเนื้อหาแปลกประหลาดในหน้าที่เกี่ยวข้อง

“ไป๋รั่วชาง: เพศชาย ชอบนวนิยายและเกม อาหารและดนตรี ฯลฯ อายุ 19 ปี สถานะ: ผู้สืบทอดตระกูลไป๋รุ่นที่สาม”

“แนวโน้มความดีและความชั่ว: ความยุติธรรมที่เป็นกลาง”

“การประเมินความแข็งแกร่ง: ผู้เล่นระดับถ้วย ขนาดโดยละเอียด: ไม่จำเป็นต้องอธิบาย สมบัติคุ้มร่าง การป้องกันแข็งแกร่งมาก วิญญาณยากที่จะบาดเจ็บ”

เมื่อฟางหนิงเห็นสิ่งนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าต้นกำเนิดของหนูแฮมสเตอร์ตัวนี้แปลกมาก ซึ่งด้านล่างถือเป็นกุญแจสำคัญ

“คุณชายชาง: เพศชาย ชอบเล่นพิณ หมากล้อม พู่กันจีนและวาดภาพ รวมทั้งนอนหลับ ไม่ทราบอายุ สถานะ: ลูกชายคนที่สิบเอ็ดของผู้อาวุโสตระกูลไป๋ ราชวงศ์หนูยักษ์”

“แนวโน้มความดีและความชั่ว: ยุติธรรม”

“การประเมินความแข็งแกร่ง: ระดับอ่างน้ำ ขนาดโดยละเอียด: หนึ่งอ่างอาบน้ำ สมบัติคุ้มร่าง การป้องกันแข็งแกร่งมาก วิญญาณยากที่จะบาดเจ็บ สัญชาตญาณแข็งแกร่งและไวต่ออันตรายอย่างยิ่ง”

ฟางหนิงอ่านแล้วคิดว่าสถานการณ์ของสองคนนี้ค่อนข้างคล้ายตัวเขากับระบบ

ขณะที่ฟางหนิงกำลังขบคิด จ้าวอิ๋งดูเหมือนจะคุยกับแฮมสเตอร์เสร็จแล้ว

เธอลังเลนิดหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “เห็นว่าท่านจอมอัศวินไม่ได้มากินข้าวร้านเรานานแล้ว สู้ใช้เวลาในช่วงสองสามวันนี้ลองเชิญท่านมาสักครั้ง คงเป็นการดีหากได้สร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จะได้ไม่ห่างเหินจนมีพวกน่าเบื่อเกิดความคิดไม่เข้าท่า”

ฟางหนิงไม่รู้จะตอบยังไง ท่านอัศวินก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้วไง ไม่ต้องเชิญชวนและยิ่งไม่ต้องสานสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ก็ลึกซึ้งจนไม่ต้องเพิ่มแล้ว…

อัศวิน A ได้ฝึกฝน ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ จนถึงระดับสูงซึ่งส่งผลให้ความอิ่มอยู่ในระดับสูงตามไปด้วย เขาสามารถกินอาหารที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมสามเดือนทั้งหมดได้ภายในครั้งเดียว โดยในระยะสามเดือนนั้นไม่จำเป็นต้องกินเพิ่มอีก เพราะงั้นการที่เขาไม่ได้มานานก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพียงแต่อีกฝ่ายไม่รู้ก็เท่านั้น

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามเจ้าทึ่ม “แกยังจำเป็นต้องกินอีกไหม”

ระบบ “ช่วงนี้ไม่ต้องกินแล้ว”

ฟางหนิง “โอเค ฉันจะปฏิเสธเธอ เพียงแต่ฉันค่อนข้างแปลกใจทำไมเธอต้องคุยกับแฮมสเตอร์สองร่างในหนึ่งตัวก่อน แกช่วยตรวจสอบให้หน่อยได้ไหม”

ระบบ “พวกมันอยู่ฝ่ายยุติธรรม จะตรวจสอบไปทำไมกัน ตอนนี้ฉันไม่มีเวลา ฉันรู้สึกเสียดาย…วันนี้เพิ่งรู้ว่าคุณสมบัติของพรมีประโยชน์มาก แต่ไม่เคยเพิ่มมันมาเลย”

ฟางหนิงงุนงง “ฉันฟังน้ำเสียงของแกแล้ว นี่แกกำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่ใช่ไหม”

ระบบ “จะเป็นไปได้ยังไงเล่า เรื่องที่ฉันคิดเกี่ยวกับการเพิ่มอัตราความอยู่รอดของเราทั้งนั้นแหละ ฉันแค่ไม่รู้ว่าในตอนนี้ควรจะทำยังไง คุณอยากให้คำแนะนำหน่อยไหม”

ฟางหนิง “งั้นแกลองเล่าสถานการณ์มาให้ชัดสิ”

ระบบ “ฉันเจอสมบัติล้ำค่าอยู่ต่อหน้าเรา แต่โชคร้ายที่ฉันเป็นระบบอัศวิน จะไปขโมยของคนอื่นไม่ได้ โธ่เอ๊ย มันต้องเป็นเพราะฉันไม่ได้เพิ่มคะแนนพรแน่ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคอยผดุงคุณธรรมในเมืองฉีอยู่ทุกวัน จะไม่เคยจับต้องสมบัติล้ำค่านั่นได้ยังไง ฉันเพิ่งรู้วันนี้ว่ามันตกอยู่ในมือของจ้าวอิ๋งซะแล้ว”

ฟางหนิงก็เข้าใจทันที คงเป็นตอนที่เขาอ่านหนังสือเกมแน่ๆ มันถึงเตือนไปยังเจ้าระบบงี่เง่า

เขาพูดขึ้นในทันที “เฮ้ แกอย่าคิดเพี้ยนๆ ฆ่าคนขโมยสมบัติเชียวนะ มันเป็นความคิดของฝ่ายอธรรมที่จะฆ่าและริบเอาทรัพย์มา สองคนนี้อยู่ฝ่ายยุติธรรม พวกเราจะพรากของล้ำค่าที่ปกป้องชีวิตเธอไม่ได้”

น้ำเสียงของระบบน้อยใจ “โฮสต์ คุณนี่ป้ายสีคนอื่นโดยไม่มีหลักฐาน…ฉันคือระบบอัศวิน ฉันจะฆ่าคนขโมยสมบัติได้ยังไง

“แม้ว่าสมบัติคุ้มร่างนั่นจะดี ต่อไปมีวัตถุดิบฉันก็ทำได้เหมือนกัน ทำไมฉันต้องอยากได้มันด้วยล่ะ ‘คุณชายชาง’ นั่นถึงจะเป็นสมบัติล้ำค่าที่ฉันพูดถึง”

เมื่อฟางหนิงฟังถึงตรงนี้ ร้อยเรียงข้อมูลก่อนหลัง ตอนนี้เขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ ของที่ระบบพูดว่าเป็น ‘สมบัติ’ ได้นั้นมีไม่มากนัก

เขาหัวเราะ ‘หึหึ’ “ฉันเข้าใจแล้วแกจะทำอะไร จริงๆ แล้วก็พอมีวิธีอยู่นะ”

ระบบ “โฮสต์ คุณมีวิธีอะไรบ้าง ฉันคิดว่าจ้าวอิ๋งใส่ใจมันมาก เธอไม่ยอมยกมันให้เราแน่”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ใครบอกว่าต้องขโมยของคนอื่นเท่านั้นล่ะ แกไม่รู้เหรอว่ายังมีคำว่า ‘แบ่งปัน’ อยู่อีกนะ”

ระบบ “ตกลง ขอแค่คุณช่วยให้มันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินได้ ฉันจะเพิ่มเวลาพักผ่อนให้คุณอีกสองวัน”

ฟางหนิง “คอยดูฉันให้ดีเถอะ”เวลานี้แฮมสเตอร์สีขาวหิมะตัวนั้นรู้สึกหนาวั่นทั้งตัว เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นกระแสความเย็นมาจากไหน ดวงตาคู่เล็กเปี่ยมด้วยความสงสัย จ้าวอิ๋งเห็นเจ้านายตัวเองเหม่อลอยก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนแต่อย่างใด

เธอคิดว่าเขาน่าจะครุ่นคิดเรื่องเอ่ยเชิญชวนเทพบุตรมายังไงดี ในเมื่อเทพบุตรเย็นชามากไม่ใช่จะตอบรับง่ายๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ฟางหนิงถึงค่อยเอ่ยขึ้น “เรื่องที่คุณพูดสำคัญจริงๆ พอดีวันนี้สุนัขเหลือเชิญผมไปช่วยทำอาหาร อย่างนั้นพวกเราไปด้วยกัน ผมไม่ถนัดพบปะพูดคุยกับคนอื่น ผู้จัดการจ้าวช่วยออกหน้าแทนผมหน่อย จริงสิ ผมเห็นว่าแฮมสเตอร์ของคุณชาญฉลาด คุณพามันไปด้วยจะได้คุยกับสุนัขสองตัวนั้นได้สะดวก พวกมันเป็นสัตว์เหมือนกัน น่าจะคุยกันรู้เรื่อง”

จ้าวอิ๋งรู้สึกประหลาดใจมาก รีบพูดขึ้น “เถ้าแก่วางใจได้ค่ะ ฉันจะพามันไปด้วย”

ฟางหนิงพยักหน้าพลางเอ่ย “เอาล่ะ งั้นคุณเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวพวกเราไปกัน”

แฮมสเตอร์สีขาวหิมะฟังแล้วไม่ได้แสดงความแปลกใจ ราวกับเป็นเรื่องที่มันคาดไว้แล้ว เพียงแต่นัยน์ตาคู่เล็กฉายแววซับซ้อน

ณ วิลล่าฟาร์มของอัศวิน A

สีหน้าสุนัขเหลืองวิตกกังวล ไร้ท่าทีเฉยชาอย่างเมื่อวานโดยสิ้นเชิง เพียงเดินเป็นหนูติดจั่นที่ลานบ้าน ปากบ่นพึมพำกับตัวเอง

“จะทำยังไงดี บ่ายนี้ตันตันก็จะมาแล้ว ไอ้เราก็สัญญาว่าจะชวนเธอกินอาหารมื้อใหญ่ของร้านอาหารตระกูลฟางแท้ๆ ทำไมพ่อครัวฟางถึงไม่ยอมไว้หน้าเขาเลยสักนิดเดียว หรือว่าเจ้านายของเรายังกำราบเขาไม่ได้ พิลึกจริงๆ เขาเป็นแค่คนธรรมดา ไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนกัน…”

สุนัขดำแอบมองรู้สึกสะใจ เมื่อคืนมันขอให้สุนัขเหลืองนอนดึกเพื่อทบทวนบทเรียนให้มัน ด้วยฐานะที่ต่ำต้อย เขาจึงมักถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสกดขี่และทำข้อตกลงที่ไม่เท่าเทียมกันหลายครั้ง

สุนัขเหลืองร้อนใจแทบเป็นบ้า เมื่อเหลือบไปเห็นสุนัขดำที่มองอย่างสะใจ ก็เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ไป๋หลี่เท่อ แกยิ้มอะไร เมื่อคืนตกลงกันแล้วว่าต่อไปฉันจะเป็นลูกพี่ ตอนนี้ลูกพี่จะขอออกคำสั่งกับแกเป็นครั้งแรก จงไปที่ร้านอาหารตระกูลฟาง ค้นหาว่าพ่อครัวฟางอยู่ที่ไหน ร่างกายของแกแข็งแกร่ง เขาไม่มีทางสู้ได้หรอก แกช่วยไปพาเขามาหาฉันที…”

สุนัขดำหวานอมขมกลืน พูดอย่างระมัดระวัง “ลูกพี่เหลือง เจ้านายของเราไม่เคยรังแกผู้อ่อนแอและเกลียดการกลั่นแกล้งผู้อื่นเป็นที่สุด ถ้าเจ้านายกลับมาจากการเก็บตัวแล้วรู้ว่าพี่ขอให้ฉันทำเรื่องแบบนี้ ฉันต้องถูกแขวนบนหลังคาสามวันแน่…”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ สุนัขเหลืองก็ถอนหายใจ “เฮ้อ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ถึงยังไงฉันก็คือเซวป้า สุนัขเดินดินผู้สูงศักดิ์ ตอนนี้เพิ่งจะบรรลุการฝึกพลังปราณ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้นัดเดทกับสาวสวย กลับต้องผิดคำพูดซะแล้วเหรอ”

…………………………………….