เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1103 ความวุ่นวายในภาคเหนือ

แปลโดย iPAT

 

ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า สายลมอันเอื่อยเฉื่อยพัดทุ่งนาสีทองพลิ้วไหวไปตามกระแส

 

“นี่คือทุ่งรวงทองของเผ่าไห่ พวกเขาดูแลมันได้ดีจริงๆ” ผู้อมตะลู่ชิงหมิงกล่าวขณะลอยอยู่กลางอากาศ

 

เผ่าไห่มีนาจำนวนมากอยู่ที่นี่

 

มันเป็นนาข้าวสีทองที่จะให้ผลผลิตทุกๆสองปี อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่อาหารของมนุษย์แต่เป็นโลหะชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแกนแท้โลหะ

 

สถานที่แห่งนี้เคยเป็นดินแดนที่แห้งแล้งเนื่องจากมีแร่ธาตุที่สูงเกินไป ไม่มีพืชที่สามารถเติบโตขึ้นได้

 

เผ่าไห่ใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการเพาะปลูกทุ่งนาขนาดใหญ่แห่งนี้

 

มีอีกร่างลอยอยู่ด้านข้างลู่ชิงหมิง

 

เขาคือซูกวง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสง

 

เขามองทุ่งนาสีทองด้วยความหลงใหล “ทุ่งรวงทองของเผ่าไห่มีชื่อเสียงในภาคเหนือ ทุกครั้งที่เก็บเกี่ยว พวกเขาจะได้รับแก่นแท้โลหะอย่างน้อยห้าแสนกิโลกรัม แก่นแท้โลหะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเผ่าไห่ แม้แก่นแท้โลหะจะเป็นทรัพยากรระดับห้า แต่มันยังทำกำไรได้ดี”

 

ลู่ชิงหมิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มันคุ้มค่าที่จะยึดครอง”

 

“ข้าขอให้ท่านทั้งสองอย่าทำเรื่องโง่เขลา ทุ่งรวงทองเป็นของเผ่ากวง!” ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าลู่ชิงหมิงและซูกวง

 

เขาแสดงทัศนคติที่แข็งกร้าวมาก

 

ลู่ชิงหมิงและซูกวงมองหน้ากันและเห็นพ้อง

 

พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้อมตะบางคนมานานแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคลื่อนไหวเพราะต้องการล่อให้คนผู้นี้ออกมา

 

“ดังนั้นก็คือกวงเฉินจ้าวของเผ่ากวง” ลู่ชิงหมิงกล่าวอย่างสุภาพ

 

“สามผู้พเนจร ข้าเคยได้ยินชื่อของพวกเจ้า แต่ฮันตงตายไปแล้วในแผนการของตงฟางชางฟาน หากพวกเจ้าต้องการต่อสู้ ข้าเกรงว่าชื่อของสามผู้พเนจรจะจบสิ้นในวันนี้” กวงเฉินจ้าวกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า

 

เขาเป็นสมาชิกเผ่ากวง หนึ่งในกองกำลังใหญ่ของตระกูลฮวงจิน เขามีความมั่นใจมากพอ

 

ซูกวงหัวเราะ “เจ้าเป็นฝ่ายธรรมะขณะที่พวกเราเป็นฝ่ายปีศาจ พวกเราเป็นศัตรูโดยธรรมชาติ มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่สามารถตัดสิน!”

 

กวงเฉินจ้าวก่นเสียงเย็นและเริ่มเปิดฉากโจมตีทันที

 

การต่อสู้ปะทุขึ้นบนท้องฟ้าอย่างดุเดือด

 

…..

 

สองร่าง หนึ่งตัวโต หนึ่งตัวเล็กกำลังบินขนานไปกับพื้น

 

“ท่านปู่ เราจะไปที่ใด?” คนตัวเล็กกว่าเป็นเด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“หลานรักของข้า เราจะไปป่าน้ำพุหลั่งไหล เจ้ารู้จักหรือไม่?” คนตัวโตเป็นผู้อมตะชราในชุดคลุมสีเหลืองทอง

 

ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายขึ้น “ป่าน้ำพุหลั่งไหลเป็นป่าที่มีน้ำพุร้อนใต้พิภพจำนวนนับไม่ถ้วน มันเป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่าไห่”

 

“ดี คำสอนสั่งของข้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าเจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารีงั้นหรือ? เราจะไปที่ป่าน้ำพุหลั่งไหลและดูว่ามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีที่เหมาะสมกับเจ้าหรือไม่? หากโชคดี เราอาจได้รับน้ำพุมาบ้าง ข้าจะเก็บไว้ในมิติช่องว่างของข้า เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้อมตะ ข้าจะส่งมอบทรัพยากรเหล่านี้ให้เจ้า” ผู้อมตะชรากล่าว

 

เด็กหนุ่มแสดงท่าทางขอบคุณแต่ยังถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านปู่ ท่านเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากท่านตายในอาณาเขตของเผ่าไห่?”

 

เด็กหนุ่มกล่าวโดยไม่ยั้งคิดแต่ผู้อมตะเฒ่าไม่โกรธ เขาหัวเราะและอธิบาย “สิบกว่าวันก่อน ผู้อมตะเผ่าไห่ละทิ้งแหล่งทรัพยากรของตนและกลับไปยังฐานที่มั่นของพวกเขาแล้ว ตอนนี้มันเป็นดินแดนที่ไร้ผู้ปกครอง”

 

“ผู้อมตะเผ่าไห่ไม่อยู่แต่ยังมีผู้อมตะคนอื่นๆ ข้าได้ยินว่าปีศาจอมตะไป่ซุ้ยฮันก็เคลื่อนไหวเช่นกัน” เด็กหนุ่มยังกังวล

 

“เจ้ายังไม่เข้าใจ” ผู้อมตะเฒ่ากล่าวด้วยความมั่นใจ “แม้ป่าน้ำพุหลั่งไหลจะสำคัญแต่เปรียบเทียบกับสถานที่อื่นๆ มันยังด้อยกว่า ไป่ซุ้ยฮันจะไม่มาที่นี่”

 

“กองกำลังใหญ่ที่อยู่ใกล้เผ่าไห่มากที่สุดคือเผ่าหลิว เผ่ากวง และเผ่าเหยา เราไม่สามารถฉกชิงทรัพยากรที่อยู่ใกล้ฐานทัพของพวกเขา ป่าน้ำพุหลั่งไหลถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและชาญฉลาดที่สุดสำหรับพวกเรา”

 

“เป็นเช่นนั้น” เด็กหนุ่มเกิดความเข้าใจขึ้นทันที

 

เสียงลมดังขึ้นเมื่อทั้งหมดเข้าใกล้ป่าน้ำพุหลั่งไหล

 

ทันใดนั้นการแสดงออกของผู้อมตะเฒ่าพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง เขาได้ยินเสียงการต่อสู้ที่รุนแรง

 

“โอ้ ไม่” หัวใจของผู้อมตะเฒ่าจมดิ่งลงและรีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

คู่ปู่หลานมองไปยังป่าน้ำพุหลั่งไหลและพบฉากการต่อสู้ที่วุ่นวาย

 

ป่าน้ำพุหลั่งไหลที่เคยเงียบสงบกลับถูกทำลายกลายเป็นซากปรักหักพัง

 

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ผู้อมตะเกือบสิบคนกำลังต่อสู้

 

โดยไม่ต้องสงสัย คู่ปู่หลานสามารถบอกได้ทันทีว่าผู้อมตะเหล่านี้มีแผนการเดียวกันกับพวกเขา

 

…..

 

สายฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

 

สองกลุ่มกำลังเผชิญหน้ากัน

 

หนึ่งคือเผ่ากวง อีกหนึ่งคือเผ่าหลิว

 

เผ่ากวงมีผู้อมตะสามคนขณะที่เผ่าหลิวมีสอง

 

ทั้งสองฝ่ายกำลังพูดคุยกันอย่างอบอุ่น

 

หากไม่ใช่เพราะสภาพอากาศ บางคนอาจคิดว่าพวกเขากำลังจัดงานเลี้ยงน้ำชา

 

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สาม เรามีข้อได้เปรียบ เหตุใดเราไม่โจมตีและยึดครองสถานที่แห่งนี้?” ผู้อมตะเผ่ากวง กวงเฉินจ้าว ถ่ายทอดข้อความเสียงอย่างไม่สามารถอดทน

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของเผ่ากวงกำลังพูดคุยกับอีกฝ่ายแต่เขายังสามารถส่งข้อความตอบกวงเฉินจ้าว “เจ้าคนโง่! เจ้าลืมบทเรียนเมื่อสองสามวันก่อนแล้วงั้นหรือ? การโจมตีอย่างหุนหันของเจ้าทำให้เราไม่สามารถปกป้องทุ่งรวงทองและถูกปีศาจอมตะคว้าไป!”

 

“ชิ้นส่วนของสวรรค์สีแดงซ่อนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ มันสำคัญมาก ผู้ใดจะรู้ว่ามีคนมากมายเท่าใดต้องการฉกชิงมันไป เผ่ากวงและเผ่าหลิวไม่มีข้อได้เปรียบด้านสถานที่ พวกเราต้องเจรจากันอย่างสงบ”

 

“หากเราต่อสู้โดยไม่คิดให้รอบคอบ คนนอกอาจขโมยมันไปจากพวกเรา!”

 

กวงเฉินจ้าวถูกดุอย่างรุนแรง เขาแสดงออกด้วยความอับอายและตอบกลับ “ผู้อาวุโสกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าใจร้อนเกินไป”

 

…..

 

ทะเลตะวันออก บนเกาะแห่งหนึ่ง

 

อิงอู๋เซี่ย ซื่อหนิว ไห่ลั่วหลัน และไท่เป่ยหยุนเฉิงปรากฏตัวขึ้น

 

“เกาะนี้” อิงอู๋เซี่ยมองไปรอบๆและปล่อยลมหายใจออกมา

 

“ฟางหยวน นี่คือทะเลไหลเชี่ยวงั้นหรือ?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงสามารถคาดเดาเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยมาที่นี่

 

อิงอู๋เซี่ยยิ้ม “ถูกต้อง ท่านอาจารย์มอบข้อมูลเกี่ยวกับฐานลับนี้ให้แก่ข้า เราสามารถพักที่นี่”

 

ปัจจุบันเขายังใช้ตัวตนของฟางหยวนเพื่อหลอกลวงไท่เป่ยหยุนเฉิง

 

ท่ามกลางผู้อมตะทั้งสี่ มีเพียงไท่เป่ยหยุนเฉิงที่ไม่รู้ความจริง

 

อิงอู๋เซี่ยโบกมือกล่าว “ตามข้ามา”

 

ทันใดนั้นค่ายกลวิญญาณพลันถูกกระตุ้นการทำงาน

 

สายตาของไห่ลั่วหลันกลายเป็นพร่าเลือน หลังจากชั่วครู่นางจึงพบว่าทุกคนมาอยู่ใต้เกาะเรียบร้อยแล้ว

 

มีวังที่วิจิตรงดงามอยู่ในถ้ำใต้เกาะ

 

“นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตกใจมาก แม้นิกายเงาจะล่มสลาย แต่สิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ก็ไม่สามารถมองข้าม

 

ทุกคนเดินตามอิงอู๋เซี่ยเข้าไป

 

ประตูวังเปิดออกต้อนรับอิงอู๋เซี่ยหลังจากยืนยันตัวตน

 

“นี่คือ?”

 

“วิญญาณอมตะมากมายนัก!”

 

เมื่อเข้าไปด้านใน ไท่เป่ยหยุนเฉิงต้องกรีดร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

อิงอู๋เซี่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ทะเลไหลเชี่ยวมีข้อได้เปรียบด้านภูมิประเทศ มันเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลา แม้มันจะไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ มันก็ยังเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับการเก็บรักษาสมบัติ”

 

ไท่เป่ยหยุนเฉิงถาม “อย่าบอกว่ามันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระแห่งความโศกเศร้าในตำนาน!”

 

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าและส่ายศีรษะ “นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสระแห่งความโศกเศร้า พวกเราเคยแก้ไขมัน ตอนนี้มันมีพลังโจมตีและป้องกันที่น่าทึ่งแต่มันไม่สามารถเคลื่อนย้าย”

 

ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกตื่นเต้นมาก “มีสระที่ยิ่งใหญ่สามสระในโลกใบนี้ หนึ่ง สระสวรรค์ สอง สระแห่งความโศกเศร้า และสาม สระสุรา พวกมันมีชื่อเสียงในห้าภูมิภาค ผู้ใดจะคิดว่าวันหนึ่งข้าจะได้เห็นสระแห่งความโศกเศร้า!”

 

อิงอู๋เซี่ยยิ้ม “สระแห่งความโศกเศร้าเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกเราเก็บวิญญาณอมตะไว้ที่นี่ หากวิญญาณอมตะถูกทำลาย สระแห่งความโศกเศร้าจะถูกกระตุ้นการทำงาน ด้วยการพึ่งพาพลังอำนาจของสายธารแห่งกาลเวลา วิญญาณอมตะเหล่านั้นจะถูกหลอมรวมขึ้นอีกครั้ง อัตราความสำเร็จของมันคือห้าสิบถึงหกสิบส่วน”

 

“ห้าสิบถึงหกสิบส่วน!?” ไห่ลั่วหลันตะลึงกับระดับความสำเร็จนี้

 

“มันมีข้อบกพร่องเช่นกัน หลังจากประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ พลังงานของมันจะลดลง ผู้อมตะจำเป็นต้องเติมพลังให้มัน หากไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของสายธารแห่งกาลเวลา มันเป็นเรื่องยากที่จะกระตุ้นใช้งานความสามารถนี้” อิงอู๋เซี่ยกล่าวเสริม

 

ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ “ถึงเป็นเช่นนั้นมันก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว”

 

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย พวกเจ้าสูญเสียวิญญาณอมตะไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าสามารถเลือกวิญญาณอมตะที่อยู่ที่นี่ได้ทั้งหมด!”