[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 401 : ตระกูลซัน.. แล้วยังไง?!

อั้ก!

นักพรตเต๋าถึงกับกระอักเลือดออกมาทันที พร้อมกับร่างที่ผอมบางของเขาก็ถูกหมัดของหลิงหยุนกระแทกจนกระเด็นออกไปหลายสิบก้าว ร่างของเขาสั่นสะท้านจนแทบจะยืนไม่อยู่!

หมัดปีศาจเถียนกังที่หลิงหยุนชกออกไปอย่างสุดกำลังนั้น มีพลังรุนแรงจนใครก็ยากที่จะต้านทานได้!

หลิงหยุนมีพละกำลังมหาศาลอย่างน่าอัศจรรย์! ขนาดหม้อทองแดงที่หนักเป็นพันกิโลกรรม เขายังสามารถใช้มือเพียงข้างเดียวยกขึ้นแกว่งไปมาได้อย่างสบาย จึงแทบไม่ต้องคิดว่า หมัดที่หลิงหยุนชกออกไปนั้นจะมีพลังมากมายมหาศาลเพียงใด!

นักพรตเต๋าได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง และใบหน้าของเขาก็เริ่มซีดเซียว ระหว่างที่ยืนโอนเอนไปมาอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นบาดแผลที่ไหล่ซ้ายของตนเอง เขาถึงกับตกใจจนต้องกรีดร้องออกมา!

หมัดของหลิงหยุนนั้น กระแทกเข้ากับไหล่ซ้ายของนักพรตเต๋าอย่างรุนแรง จนกระทั่งกระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นเลือดตรงส่วนนั้นพังเสียหายยับเยิน จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆทรุดและอ่อนระทวยลงที่พื้นไม่ต่างจากโคลนนุ่มนิ่มก้อนหนึ่ง!

ที่นักพรตเต๋ากรีดร้องออกมาเสียงดังนั้น ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด แต่เป็นความหวาดกลัว!

หมัดของหลิงหยุนได้ทำลายไหล่ซ้ายของเขาจนไม่เหลือชิ้นดี!

บาดแผลฉกรรจ์ของนักพรตเต๋าในตอนนี้นั้น แม้กระทั่งยันต์บำบัดระดับสี่ของหลิงหยุน ก็ยังไม่สามารถที่จะรักษาได้

 “โอ้ว.. นี่มันหมัดอะไรกัน น่าเสียวไส้ชะมัด!”

ตู้กู่โม่จ้องมองผลลัพธ์จากหมัดของหลิงหยุนด้วยความตกตะลึง จนลืมมองว่ากระบี่ของตนเองลอยไปทางใหนแล้ว..

“เด็กคนนี้.. ฆ่าได้แล้วทำไมไม่ฆ่า..” เหล่ากุ่ยได้แต่ยืนมองพร้อมกับกลั้นลมหายใจ

นี่เป็นวิธีการวิเคราะห์คู่ต่อสู้ของหลิงหยุน เขาใช้มังกรพรางร่างเข้าจู่โจมคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วและรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บ แล้วจึงถอยออกมา!

“อมิตาพุทธ.. ช่างลงมือได้เหี้ยมโหดนัก!”

หลวงจีนสิงฉีเห็นนักพรตเต๋าถูกทำร้าย ร่างสูงใหญ่ของเขาก็เคลื่อนเข้าไปขวางไว้ทันที!

“นี่หลวงจีนเฒ่า.. เจ้าคิดว่าจะรับมือข้าได้หรือไง?” หลิงหยุนร้องบอกพร้อมกับยกกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้นชี้หน้าหลวงจีนสิงฉี

“กระบี่ของเจ้ารวดเร็วไม่น้อยเลย!”

พูดจบหลวงจีนสิงฉีเดินลมปราณไปทั่วร่างกาย สิ้นเสียงดังฟรึบ.. ฟรึบ.. ร่างของหลวงจีนก็ลอยขึ้นไปบนอากาศ!

หลวงจีนสิงฉีเองก็ไม่กล้าที่จะใช้มือเปล่าต่อสู้กับหลิงหยุน เพราะหากพลาดพลั้งไป กระบี่ในมือของหลิงหยุนคงต้องสับลงไปบนร่างของเขาอย่างแน่นอน!

หลิงหยุนมีพละกำลังมากมาย กระบี่ในมือที่หนักกว่าแปดสิบกิโลกรัม เขากลับถือได้อย่างสบายราวกับคนธรรมดาถือตะเกียบหนึ่งข้าง หลิงหยุนแทบไม่ต้องออกแรงมากมาย เพราะเพียงแค่เขาเหวี่ยงแขน หรือบิดข้อมือเบาๆ ก็ยากที่คู่ต่อสู้จะต้านทานได้!

“ฮ่า.. ฮ่า.. คิดจะหนีงั้นรึ? ดูซิว่าเจ้าจะหลบไปใหนได้!”

หลิงหยุนพลิกกระบี่ในมือพร้อมกับตวัดไปมาจนเกิดเสียงดังหวีดหวิว ความเร็วของการตวัดกระบี่ในมือของหลิงหยุน ทำให้เกิดภาพซ้อนคล้ายมู่ลี่สีดำที่เรียงซ้อนกันไปเรื่อยๆ และไล่ตามร่างของหลวงจีนสิงฉีที่กำลังกระโดดหนีไป!

 “ส่งคทมาให้ข้า!”

หลวงจีนสิงฉีที่กระโดดหนีขึ้นไปกลางอากาศร้องตะโกนบอก และซันเทียนเปียวที่อยู่ด้านล่างก็ได้เตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขารีบหยิบคทาอีกครึ่งหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วโยนให้หลวงจีนสิงฉีทันที!

หลวงจีนสิงฉีไม่รอช้า รีบยกมือขึ้นรับคทาอีกครึ่งหนึ่งไว้ทันที จากนั้นจึงเดินลมปราณทั่วสรรพางกาย และถ่ายเทพลังทั้งหมดลงไปที่คทาพร้อมกับยื่นออกไปปะทะกับกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนที่ไล่ล่ามา..

และเพียงแค่สัมผัสเข้ากับคมของกระบี่โลหิตแดนใต้ คทาของหลวงจีนก็ไม่ต่างจากเต้าหู้ชิ้นหนึ่งที่ถูกตัดขาดได้อย่างง่ายดาย

เคร้ง! เสียงกระบี่ และคทากระทบกัน

หลวงจีนสิงฉีอาศัยจังหวะที่หลิงหยุนชะลอตัวนี้ กระโดดลงที่พื้นทันที แต่หลิงหยุนกลับไม่ไล่ตามหลวงจีนไป เขากระโดดลงไปยืนอยู่ระหว่างตู้กู่โม่กับเหล่ากุ่ยที่กำลังยืนดูนิ่งด้วยความตกตะลึง

“พวกท่านสองคนเป็นอะไรไป? โอกาสดีๆแบบนี้ ทำไมไม่จัดการสองคนนั่น?!”

หลิงหยุนยืนมองเหล่ากุ่ยกับตู้กู่โม่ที่ยังคงยืนนิ่ง จนเขาได้แต่กรอกตาไปมา..

ตู้กู่โม่ยิ้มอายๆ “ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยอดเยี่ยมขนาดนี้.. ก็เลยได้แต่ยืนมอง!”

ซันเทียนเปียวก็ถูกหลิงหยุนแทงจนได้บาดแผลถึงสองแห่ง ส่วนนักพรตเต๋าก็ถูกหมัดของเขาชกเข้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเพียงหลวงจีนฉิงสีที่แค่คทาหัก

เห็นได้ชัดว่าหลิงหยุนเป็นฝ่ายชนะอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาทั้งคู่จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเหมือนก่อนหน้านี้

ตอนนี้ยอดฝีมือทั้งสามคนในฝ่ายของซันเทียนเปียว ต่างก็ไปยืนรวมกันอยู่อีกด้านหนึ่ง นักพรตเต๋ากำลังยืนหน้าซีดและกำลังหยิบยันต์ออกมาทำการรักษาบาดแผลที่ไหล่ซ้าย ส่วนซันเทียนเปียวก็กำลังห้ามเลือดที่บาดแผลซึ่งยังคงไหลไม่หยุด

“ข้าให้เวลาเจ้าจัดการกับตัวเองก่อน แล้วค่อยมาสู้กันต่อ!” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับให้เวลาซันเทียนเปียว

ซันเทียนเปียวกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวดจากบาดแผลทั้งสองแห่ง และรีบจัดการทำแผล จากนั้นก็หันหน้าไปมองหลิงหยุน

“พวกเจ้าทั้งสามคนเป็น..”

หลิงหยุนเพียงแค่ตอบกลับยิ้มๆ “เจ้าไม่จำเป็นต้องเดา! ข้าจะบอกอะไรให้ ลูกน้องกระจอกที่เจ้าเตรียมไว้จัดการกับข้าที่คฤหาสน์ตรงชานเมืองตะวันตกนั้น ถูกข้าสังหารหมดแล้ว และที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อฆ่าสุนัขอย่างเจ้า!”

“เจ้าว่าอะไรนะ?!”

ร่างของซันเทียนเปียวสั่นด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาแดงก่ำก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด และความหวาดกลัวก็เริ่มแทรกซึมเข้าไปถึงขั้วหัวใจ จนถึงกับต้องถอยหลังกลับไป!

ตอนนี้ซันเทียนเปียวไม่เหลือหนทางอื่นอีกแล้ว นอกจากความหวาดกลัว!

หากสิ่งที่หลิงหยุนพูดเป็นความจริง นี่คงถึงคราวที่ตระกูลซันต้องพินาศฉิบหายแน่ อีกทั้งคงกระทบกระเทือนต่อสถานะของตระกูลซันในฐานะหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่อีกด้วย

“ที่นั่นมียอดฝีมือหลายสิบคนจากเจ็ดถึงแปดสำนัก นี่เจ้า..”

ซันเทียนเปียวร้องตะโกนถามหลิงหยุนปากสั่น พร้อมกับชี้นิ้วที่สั่นเทาใส่หน้าหลิงหยุน! เขาจ้องมองหลิงหยุนอย่างพินิจพิเคราะห์ และเริ่มรู้สึกว่ารูปร่างแบบนี้ ลักษณะท่าทางเช่นนี้ เขาเคยพบเห็นที่ใหนมาก่อน

“เจ้าไม่ใช่มือสังหารขององค์กรนักฆ่า! เจ้า.. เจ้าคือ..”

หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “โอ้โห.. แย่จัง! นี่เจ้ารู้แล้วเหรอเนี่ย ข้าอุตส่าห์ปกปิดเจ้าได้ตั้งนาน!”

หลังจากพูดจบ หลิงหยุนก็ถอดผ้าปิดหน้าของตนเองออก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มั่นใจ แต่ไร้ซึ่งอันตราย..

“หลิงหยุน!” ซันเทียนเปียวร้องอุทานออกมาเสียงดัง

“เจ้าปีศาจ!”

หลวงจีนสิงฉีเห็นใบหน้าของหลิงหยุน ก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

หลิงหยุนหัวเราะไปพูดไป “พวกเจ้าอย่าเสียเวลา.. อยากจะสังหารข้าก็รีบๆเข้ามา ข้าต้องรีบกลับบ้านไปนอน เพราะพรุ่งนี้น้องชายคนนี้ต้องไปเรียนหนังสือ!”

เขาตวัดกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ใครจะเป็นคนแรก? แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่ากระบี่ของข้าต้องสังหารคนแน่!”

จากการปะทะกันก่อนหน้านี้ หลิงหยุนได้ทำการทดสอบกำลังภายในของทั้งสามคนแล้ว ต่อให้ทั้งหมดจู่โจมเขาพร้อมกันทีเดียว เขาก็สามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนทั้งสามคนนั่นได้อย่างแน่นอน!

วันนี้กระบี่โลหิตแดนใต้ได้ดื่มเลือดไปมากมาย แต่ตัวกระบี่สีดำยังคงดำสนิท  แม้สีของมันจะเป็นสีดำเหมือนถ่าน แต่หากดูดีๆ จะเห็นว่ามีมีสีแดงเข้มแทรกอยู่ด้านใน และดูราวกับว่ากระบี่เล่มนี้มีจิตวิญญาณ และสามารถดื่มเลือดได้!

“ระวัง..! กระบี่สีดำในมือของเขาน่าจะเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้ที่เคยมีในตำนาน!”

อีกฝ่ายจ้องมองกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของหลิงหยุน และเมื่อแน่ใจว่าใช่ ทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความสยดสยอง!

“ไม่ใช่น่าจะ.. แต่มันคือกระบี่โลหิตแดนใต้จริงๆ!”

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองกระบี่โลหิตแดนใต้ที่อยู่ในมืออย่างมีความสุข

สำหรับหลิงหยุน ยอดฝีมือทั้งสามคนนี้ได้กลายเป็นเพียงแค่โครงกระดูกไปแล้ว เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่หลังจากหลิงหยุนได้สังหารยอดฝีมือไปตั้งมากมายหลายสิบคน แต่จู่ๆจะเกิดเมตตาปล่อยพวกเขาทั้งสามคนไป..

อีกทั้งในวันข้างหน้า หลิงหยุนก็ตั้งใจจะใช้กระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนี้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องปิดบังอะไร

หลิงหยุนมีความคิดเสมอว่า หากมีสมบัติล้ำค่าให้ใช้ แต่เรากลับเอาแต่ปกปิด นั่นไม่เท่ากับทำให้สมบัติชิ้นนั้นต้องแปดเปื้อนอย่างนั้นหรือ?

ในอนาคตหลิงหยุนก็ตั้งใจจะใช้ทั้งกระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวสร้างอาณาจักรของตัวเอง!

“เจ้าปีศาจ.. ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของนิกายมารนี่เอง มิน่าร่างกายของเจ้าถึงได้แข็งแกร่งผิดมนุษย์ และท่าทางก็หยิ่งจองหอง!”

หลวงจีนสิงฉีเดือดาลอย่างมากถึงกับก้าวออกมาข้างหน้า เท้าของเขากระแทกเข้ากับหินใต้ฝ่าเท้าจนแตกออก..

“ข้าเป็นคนของนิกายมาร.. แล้วเจ้ามีปัญหาอะไร!?”

หลิงหยุนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับก้าวเท้าออกไปข้างหน้าสามก้าว ลักษณะท่าทางของหลิงหยุนเต็มไปด้วยรังสีแห่งการสังหาร และท่าทางของเขาก็พร้อมที่จะลงมืออย่างมาก!

“เจ้าปีศาจ.. ข้าดูจากสีหน้าที่ยังสว่างไสวของเจ้าแล้ว ดูเหมือนเจ้าคงจะเพิ่งกลายร่างเป็นปีศาจได้ไม่นาน ถ้ายังไง.. เจ้ารีบทิ้งกระบี่เล่มนั้นไปจะดีกว่า? ส่วนเรื่องบาดหมางระหว่างเจ้ากับตระกูลซันนั้น ข้ารับปากว่าทุกอย่างจะเป็นอันสิ้นสุด และจากนี้ไปน้ำบ่อจะไม่ข้องเกี่ยวกับน้ำลำธารอีก!”

“ข้าเกรงกลัวตระกูลซันงั้นรึ?! เรื่องระหว่างข้ากับตระกูลซัน ไม่ต้องให้หลวงจีนปากเหม็นอย่างเจ้ามาจัดการให้!”

“คิดจะยุติปัญหาตอนนี้.. มันสายไปแล้วล่ะ!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็หันไปยิ้มให้กับซันเทียนเปียว..

หลิงหยุนมั่นใจเต็มร้อยว่าภายในอาทิตย์นี้ เขาจะต้องเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-6 ได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น เขาจะแข็งแกร่งกว่านี้เป็นสองเท่า ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-2 เขาก็สามารถฆ่าได้ ตระกูลซันไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาแล้ว เขาจึงไม่ต้องสนใจอะไรอีก..

‘หากนายน้อยจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ตระกูลหลิงก็คงจะมีความหวังแล้ว!’

เหล่ากุ่ยที่อยู่ด้านหลังได้ฟังหลิงหยุนที่พูดออกมาด้วยความเดือดดาล ก็ได้แต่ดีใจจนเนื้อเต้น!