ตอนที่ 718

Elixir Supplier

718 ไร้สิ่งมีชีวิต

 

ความตื่นตระหนกเริ่มกระจายวงกว้างออกไป และทำให้การขุดค้นยากขึ้นไปด้วย

 

ชาวบ้านบางคนพยายามจะหยุดการขุดค้นของพวกเขา เพราะพวกเขาคือคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ พวกเขาพึ่งพาอาศัยภูเขาในการดำรงชีพ ถ้าหากเริ่มมีคนที่ขึ้นไปบนเขาแล้วเสียชีวิต ต่อไปยังจะมีใครกล้าขึ้นไปบนนั้นอีก?

 

ชายชราที่นำทีมนักโบราณคดีเริ่มลังเลว่าพวกเขาควรจะไปต่อหรือไม่ ถ้าหากยังคงมีอุบัติเหตุขึ้นอีกเรื่อยๆ พวกมันคงจะเรียกว่าอุบัติเหตุอีกต่อไปไม่ได้แล้ว บางทีภายในสุสานอาจจะมีภูตผีหรือคำสาปที่มองไม่เห็นอยู่ก็เป็นได้

 

ฝนยังคงตกลงมา นักโบราณคดีที่เหลือไม่ได้เข้าไปด้านในสุสานอีก หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของพวกเขาถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่นในวันนี้ หลังจากดูนอนดูอาการที่โรงพยาบาลได้หนึ่งคืนก็ไม่มีอะไรดีขึ้น และยังแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ

 

เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นติดต่อกันเป็นทอดๆ

 

“อาจารย์ครับ เรารับมือได้ อาจารย์ไม่จำเป็นต้องมากับพวกเราหรอกครับ” ชายวัยกลางคนพูด

 

“ใช่ครับ อาจารย์ไม่เห็นต้องมาเองเลย อาจารย์น่าจะพักอยู่ที่โรงแรมดีกว่านะครับ” ชายหนุ่มพูด

 

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็มาเล่าให้อาจารย์ฟังด้วยว่าเป็นยังไงกันบ้าง” ชายชราพูด

 

“ได้ครับ” ชายวัยกลางคนพูด

 

สรุปแล้ว การขุดค้นต้องหยุดลงเป็นการชั่วคราว

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเขตเข้ามาทำการสืบสวนเรื่องราวการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคน มันถือเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่ง พวกเขาจึงต้องหาสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้ให้ได้ น่าเสียดายที่บริเวณนี้ไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ด้วย ถึงนักโบราณคดีจะติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้บนเขาสองตัวเป็นการชั่วคราว แต่บริเวณที่สามารถถ่ายได้ก็จำกัด เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นแค่ภาพของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนวิ่งออกจากกระท่อม และมุ่งหน้าไปยังตีนเขาด้วยความรีบร้อน ราวกับมีบางอย่างที่น่าหวาดกลัวกำลังไล่ตามพวกเขาอยู่ จากนั้นภาพของคนทั้งสองก็ไม่มีให้เห็นอีก

 

เกิดอะไรขึ้น?

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างมึนงง

 

“พวกเขาเจอผีเข้ารึเปล่า?” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งถาม “ฉันได้ยินมาว่า ตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มขุดที่นี่ มันก็เกิดเรื่องขึ้นหลายอย่างเลยล่ะ”

 

“เราน่าจะลองเข้าไปดูข้างในกระท่อมกันนะ” เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างพากันหันหน้าไปทางกระท่อมที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนเขา

 

“จะไปทำไม?” เจ้าหน้าที่อีกคนถาม

 

“เดี๋ยวสิ ฉันว่า เราน่าจะไปถามพวกนักโบราณคดีกันก่อนดีกว่านะ” เจ้าหน้าที่นายหนึ่งพูดขึ้นมา

 

พวกเขาไปหานักโบราณคดีที่โรงแรมและสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเขา

 

“หนึ่งในพวกคุณก็มีคนป่วยด้วยเหมือนกันเหรอ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม

 

“ใช่ครับ ตอนนี้ เขาถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดแล้ว” นักโบราณคดีคนหนึ่งพูด

 

“อาการของเขาเป็นยังไงบ้างครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม

 

“ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะหมอของโรงพยาบาลประจำเขตก็ยังบอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาน่ะครับ” นักโบราณคดีพูด

 

“แล้วเขาเริ่มป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม

 

“บ่ายวานนี้ครับ อยู่ๆเขาก็หมดสติไป” นักโบราณคดีพูด “เราก็ไม่รู้ว่า เขาเริ่มป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะตอนเช้าเขาก็ยังพูดคุยหัวเราะด้วยกันเป็นปกติ พวกเราก็ไม่เห็นว่าเขาจะป่วยสักนิด”

 

“ใช่ครับ” นักโบราณคดีอีกคนพูด

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามนักโบราณคดีและชาวบ้าน เผื่อว่าจะมีใครเห็นอะไรที่ผิดปกติในคืนก่อน แต่กลับไม่มีใครให้คำตอบที่เป็นประโยชน์กับพวกเขาเลยสักนิด แล้วชาวบ้านยังเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องของสุสานอีกด้วย

 

“อย่าเข้าไปใกล้สุสานมากนะ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด”มันมีคำสาปอยู่ คนพวกนั้นไม่เชื่อ ก็เลยทำให้มีคนตายไปตั้งหลายคน”

 

ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเรื่องนี้

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเริ่มคิดทฤษฏีหนึ่งขึ้นมา พวกเขาคาดการณ์เอาไว้ว่า ตอนที่อยู่ในกระท่อม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนได้เจอเข้ากับบางสิ่งที่น่ากลัวมากๆ พวกเขาจึงวิ่งหนีออกไปจากกระท่อมด้วยความตื่นกลัว มันเป็นช่วงกลางดึกและฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า พวกเขาสองคนไม่สามารถมองเห็นพื้นดินที่พวกเขากำลังวิ่งอยู่ และทำให้ทั้งสองตกลงไปในหลุมและจมน้ำจนเสียชีวิต

 

พวกเขาไม่สามารถคิดหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ดีกว่านี้ได้อีกแล้ว พวกเขายังคิดอีกด้วยว่า อะไรที่ทำให้คนทั้งสองหวาดกลัวขนาดนั้นได้? หรือสิ่งที่มองไม่เห็นจะมีอยู่จริงๆ?

 

ฝนยังคงตกลงมาไม่หยุด รถคันหนึ่งขับเข้ามาในหมู่บ้าน มีคนสองคนลงมาจากรถคันนั้น

 

“เรามาถึงกันแล้ว เราต้องกลับมาที่นี่จนได้สินะ” หนึ่งในพวกเขาพูด

 

“แต่พวกเราก็ยังไม่หายดีกันเลยนะพี่” ชายอีกคนพูด

 

“ก็ฉันเป็นห่วงเรื่องที่นี่นี่นา” ชายคนแรกพูด

 

ชายสองคนนี้ก็คือ เมี่ยวซานติงและหลิวซื่อฟาง ที่เพิ่งจะไปหาหวังเย้าเมื่อไม่กี่วันก่อน และหวังเย้าก็ได้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ด้วย หลังออกมาจากคลินิกและพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้สองวัน พวกเขาก็เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านซึ่งได้มีการค้นพบสุสานโบราณอีกครั้ง

 

“เป็นเพราะพวกเรา เลยทำให้มีการค้นพบสุสานเกิดขึ้น” เมี่ยวซานติงพูด “ถ้าเราไม่ไปดูฮวงจุ้ยและช่วยครอบครัวนั้นหาที่ตั้งสุสานละก็ เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น มันเลยกลายเป็นผลกรรมที่ทำให้เราเจ็บป่วยแบบนี้ยังไงล่ะ แล้วฉันก็ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาป่วยเพราะสิ่งที่พวกเราทำลงไปด้วย ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยสักนิด”

 

เดิมที เขาคิดจะกลับมาที่สุสานเพียงลำพัง แต่หลิวซื่อฟางกลับดึงดันจะมากับเขาให้ได้ พวกเขายังไม่ได้ไปที่บริเวณสุสาน แต่เลือกที่จะไปสอบถามเรื่องราวกับครอบครัวที่พวกเขาดูฮวงจุ้ยสุสานให้ก่อน

 

“สวัสดีครับ อาจารย์เมี่ยว อาจารย์ไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ?” ชายวัยหลางคนที่เคยจ้างวานเมี่ยวซานติงถามด้วยความแปลกใจ

 

ในตอนที่เมี่ยวซานติงและหลิวซื่อฟางค้นพบสุสานโบราณนั้น พวกเขาได้บอกกับชายวัยกลางคนและคนในครอบครัวของเขาว่า ห้ามทุกคนเข้าใกล้สุสาน ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะจากไปอย่างเร่งรีบ แต่หนึ่งในนั้นกลับแจ้งเรื่องการค้นพบนี้กับหน่วยงานท้องถิ่น ตั้งแต่นั้นมา มันก็ได้กลายเป็นสาเหตุการตายของหลายๆคน ชายวัยกลางคนจึงคิดไม่ถึงว่า เมี่ยวซานติงและหลิวซื่อฟางจะยังสามารถมีชีวิตกลับมาพบเขาได้อีก

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่สุสานเหรอ?” เมี่ยวซานติงถาม

 

“ไม่ใช่เรื่องดีสักนิดเลยล่ะครับ ตอนนี้มีคนตายไปสามคนแล้ว” ขายวัยกลางคนพูด

 

“อะไรนะ?” เมี่ยวซานติงตกใจ “เกิดอะไรขึ้น? ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าเข้าไปใกล้ที่ตรงนั้นน่ะ”

 

“เราไม่ได้เข้าไปใกล้แถวนั้นเลย แต่มีกลุ่มนักโบราณคดีเข้าไปขุดค้นสุสาน แล้วเรื่องไม่ดีก็เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดเลย” ชายวัยกลายคนรู้สึกแย่กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาก

 

เขาเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง และงานของเขาก็เป็นไปได้ด้วยดี แต่เพราะพ่อของเขาต้องการหาทำเลสร้างหลุมศพของตัวเองให้เร็วที่สุด เขาจึงว่าจ้างเมี่ยวซานติงกัวหลิวซื่อฟางมาให้คำปรึกษาหาทำเลที่สร้างหลุมศพ เขาถือเป็นลูกที่ดีคนหนึ่ง คนเฒ่าคนแก่จำนวนมากในหมู่บ้าน มักเลือกที่จะหาทำเลฝังร่างของตัวเองก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต เขาไม่คิดเลยว่า การกระทำของเขาในครั้งนี้จะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น ชาวบ้านหลายคนไม่พอใจในตัวเขา หมู่บ้านที่เคยสงบสุขมาตลอด ได้เกิดความต่าตระหนกไปทั่วเพราะการค้นพบสุสานในครั้งนี้

 

ความตั้งใจของเขานั้นเป็นเรื่องดี แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากับเลวร้าย ในเมื่อตอนนี้ เมี่ยวซานติงและหลิวซื่อฟางกลับมาแล้ว เขาจึงคิดว่า คนทั้งสองอาจจะสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ และทำให้เขาเข้าหน้ากับชาวบ้านคนอื่นๆได้อีกครั้ง

 

“ช่วยบอกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ผมฟังทีครับ” เมี่ยวซานติงพูด

 

“ได้สิๆ เข้ามาข้างในกันก่อนเถอะ” ชายวัยกลางคนพูด

 

เขาเชิญเมี่ยวซานติงกับหลิวซื่อฟางเข้าไปในบ้าน และบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหลายวันที่ผ่านมาให้พวกเขาฟัง

 

เชี่ย!

 

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เมี่ยวซานติงกับหลิวซื่อฟางก็หันมามองหน้ากัน เรื่องที่พวกเขากังวลได้เกิดขึ้นแล้ว

 

“สุสานแห่งนี้มันมีปัญหาอยู่” เมี่ยวซานติงพูด

 

“อาจารย์เมี่ยว ได้โปรดช่วยจัดการเรื่องนี้ทีเถอะนะ ถ้าไม่อย่างนั้น ก็คงไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าขึ้นไปบนเขาอีก” ชายวัยกลางคนพูด

 

“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเรา ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” เมี่ยวซานติงพูด

 

แต่เขากับหลิวซื่อฟางทำได้แค่ดูฮวงจุ้ยเท่านั้น พวกเขาไม่รู้ถึงวิธีการต่อสู้กับวิญญาณร้าย พวกเขาคงต้องขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้จากผู้เชี่ยวชาญแทน

 

เขาหลงหู่(龙มังกร, 虎เสือ) อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เราน่าจะลองไปที่นั่นดูนะ” หลังจากที่คิดดูสักพัก เมี่ยวซานติงก็พูดขึ้นมา

 

“โอเค” หลิวซื่อฟางพูด

 

“งั้นเราไปดูสุสานกันก่อนเถอะ” เมี่ยวซานติงพูด

 

“พี่ยังอยากจะไปที่ตรงนั้นอยู่อีกเหรอ?” หลิวซื่อฟางถามด้วยความแปลกใจ

 

“ใช่สิ ยังไงเราก็ต้องไปที่นั่น” เมี่ยวซานติงพูด

 

เขาและหลิวซื่อฟางเดินไปที่สุสานท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยลงมาไม่ขาดสาย

 

บรรยากาศรอบๆที่ตรงนี้ดูแปลกๆ!

 

พวกเขาเดินไปหยุดอยู่ตรงตีนเขา และได้กลิ่นอายของความตาย ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว ภูเขาและแม่น้ำล้วนมีจิตวิญญาณ ซึ่งควรจะปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไปในทางบวกมากกว่ากลิ่นอายความตายแบบนี้

 

“ไปกันเถอะ” เมี่ยวซานติงพูด

 

พวกเขาเห็นกระท่อมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางสายฝนอยู่ไกลๆ

 

“เอาล่ะ เราอยู่แค่ตรงนี้ก็พอแล้วล่ะ” เมี่ยวซานติงพูด “เราต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”

 

พวกเขาเดินลงจากเขาและมุ่งหน้าไปยังเขาหลงหู่โดยไม่รีรอ

 

ในขณะเดียวกัน ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดฉี พี่หนานยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

 

“หมายความว่ายังไง?” เขารู้สึกไม่พอใจมาก

 

เขาป่วยมาได้หลายวันแล้ว เขาไม่สามารถจับแก้วน้ำ, นั่ง, ยืน, กิน, หรือนอนได้เลย ตอนนี้น้ำหนักของเขาหายไปเกือบ 10 กิโลกรัมแล้ว เขาอยากจะตายให้มันพ้นๆไป แล้วตอนนี้ เขายังต้องมาได้ฟังข่าวร้ายเพิ่มอีก

 

“ทนายของเราไปคุยกับตำรวจมาแล้ว พวกเขาไม่ยอมปล่อยอาเสิ่นครับ” คนของเขาพูด

 

“ก็คิดหาทางอื่นเซ่” พี่หนานพูด “อย่าให้มันพูดอะไรออกมาเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

 

“ครับ” คนของเขาพูด

 

“แล้วไอ้หมอนั่นล่ะ?” พี่หนานถาม

 

“พี่หมายความว่ายังไงเหรอครับ?” คนของเขาถาม

 

“ฉันก็หมายความว่า ฉันอยากให้มันตายๆไปน่ะสิ! ตาย! ให้มันตายอย่างทรมานที่สุด!” พี่หนานตะคอก

 

โชคดีที่เขารักษาตัวอยู่ในห้องพิเศษ จึงมีแค่คนของเขาเท่านั้นที่อยู่ด้านในและได้เห็นอาการบ้าคลั่งราวกับหมาบ้าของเขา

 

“อาหลิน!” พี่หนานตะโกน

 

“ครับ” อาหลินพูด

 

“ฉันยินดีจ่ายเงินห้าล้าน เป็นค่าหัวมันกับครอบครัวของมัน ฉันอยากให้พวกมันทั้งหมดต้องตายอย่างทรมานที่สุด!” พี่หนานพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกในตอนที่พูดอยู่