ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 219 ภัยธรรมชาติและภัยจากน้ำมือมนุษย์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

อาหู่เห็นผู้อาวุโสหลี่ย้อนกลับมา อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือขอรับ”

สีหน้าท่าทางของผู้อาวุโสหลี่หนักแน่นอยู่บ้าง “ดูเหมือนว่าสภาพอากาศจะเกิดความเปลี่ยนแปลง เป็นไปได้ว่าจะเกิดการปะทุของมังกรทมิฬพิฆาตขึ้นในช่วงเวลาอันใกล้นี้”

อาหู่ได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากทั้งสองขึ้น

ก่อนจะเข้ามาในทะเลทรายชายขอบฝั่งตะวันออกครานี้ เขารีบอัดความรู้บางส่วนของมหาทะเลทรายแดนตะวันตกให้กับเยี่ยนจ้าวเกอครั้งหนึ่งด้วยเช่นกัน จึงได้ยินชื่อเสียงของมังกรทมิฬพิฆาตมาก่อน

สิ่งที่เรียกว่ามังกรทมิฬพิฆาต ก็คือพายุนิมิตทมิฬที่ก่อตัวในรัศมีเขตพื้นที่เล็กๆ เฉพาะจุด พลันแก่กล้าขึ้นในเวลาอันสั้น จนกลายเป็นพายุที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่ายามปกติ

โดยทั่วไปแล้ว มังกรทมิฬพิฆาตจะมาอย่างฉับไวและไปอย่างฉับไวเช่นกัน แต่พลังทำลายล้างน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่งยวด

อาหู่เลียนท่าทางของเยี่ยนจ้าวกอ ลูบคางของตนเอง “เขตค่ายกลที่พวกเรามีอยู่ตอนนี้ ต้านทานไม่อยู่หรือขอรับ”

ผู้อาวุโสหลี่พยักหน้า “ยากยิ่ง ดูจากสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ธรรมชาติ มังกรทมิฬพิฆาตระลอกนี้น่าจะรุนแรงยิ่งนัก วิธีที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ง่ายนักที่จะต้านทาน”

ชายร่างใหญ่พลันเป่าปาก “ข้าจะไปขอคำชี้แนะจากคุณชายสักเดี๋ยว”

เยี่ยนจ้าวเกอฟังรายงานของอาหู่แล้ว หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ให้ทุกคนเขยิบเข้ามา เข้าใกล้ทางเสาหินนี้เสีย หากมีมังกรทมิฬพิฆาตมาจู่โจมจริงๆ ก็ส่งต่อให้ข้าจัดการ”

“ตอนนี้ข้ากำลังคิดหาวิธีหลอมเสาหินต้นนี้ในขั้นแรกอยู่ หากถอนตัวถอยออกไปตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะเสียความพยายามที่ทุ่มเทไปก่อนหน้าไปเปล่าๆ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลตรงกันข้าม ทำให้เสาหินถูกทะเลทรายดูดกลับเข้าไปยังก้นบึ้งปฐพี ฝังกลบอยู่ในทะเลทรายโดยสิ้นเชิง ถึงเวลานั้นคิดจะนำมันออกมาอีกครั้งก็ยากนักแล้ว”

อาหู่ได้ฟังแล้ว ก็ผงกศีรษะ “ข้าเข้าใจแล้ว จะไปกำชับกับพวกประเดี๋ยวนี้ขอรับ”

ร่างสูงใหญ่หันกายเดินออกไป กลับมาถึงเบื้องหน้าผู้อาวุโสหลี่ เล่าการตัดสินใจที่จะยังไม่ออกไปจากที่นี่ในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอต่อ

ผู้อาวุโสหลี่มองเยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่งด้วยความกังวลอยู่บ้าง ในที่สุดก็ผงกศีรษะ “เอาเถิด ข้าจะไปแจ้งคนอื่นๆ เดี๋ยวนี้”

ฝูงชนที่กระจายไปตามรอบนอก เข้ามารวมตัวใกล้กับบริเวณที่เสาหินตั้งอยู่ใหม่อีกครั้ง ทว่าภายใต้คำบัญชาของผู้อาวุโสหลี่ ฝูงชนยังคงไม่เข้าไปใกล้เสาหินและเยี่ยนจ้าวเกอ

ทุกคนล้วนยืนหันหน้าออกไปด้านนอก คอยระแวดระวังภัยอยู่ ทว่าเสาหินที่เปล่งแสงสว่างอันลี้ลับวับวาบ อีกทั้งปราณจิตราผันแปรอย่างรุนแรงด้านหลัง ก็ยังดึงความสนใจของทุกๆ คนอยู่ดี

แม้ว่าจะไม่ชัดแจ้งว่าเพราะเหตุใด แต่เพียงแค่มองดูริ้วแสงเสาหินนั่น ก็รู้สึกเหมือนกับมีความลี้ลับมหัศจรรย์ไร้ที่สิ้นสุดอยู่ภายใน

ซึ่งเยี่ยนจ้าวเกอที่ยืนอยู่ด้านล่างของเสาหิน ยิ่งทำให้ฝูงชนเกิดความรู้สึกที่ว่าชายหนุ่มผู้นี้ ราวกับค่อยๆ รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเสาหินออกมา

เหยาซานตัวจริง หรือ ‘ผู้อาวุโสหลี่’ ในตอนนี้ หันศีรษะกลับไปมองเยี่ยนจ้าวเกอกับเสาหินวูบหนึ่งด้วยหน้าตาราวกับไม่ได้เจตนา กระซิบกระซาบกับตนเองอยู่ภายในใจ ‘มีหนทางบางอย่างดังคาด ไม่ใช่พวกที่มีดีแต่ชื่อเสียง หากแต่มีฝีมือไม่’

จอมยุทธ์ที่สวมรอยเป็นรูปลักษณ์เหยาซาน ก็อยู่ข้างกายเขา ใช้ปราณจิตราส่งกระแสจิตเอ่ยถามว่า ‘ไม่ใช่ว่าเขาเพียงแค่มาสำรวจซากวัตถุเท่านั้นหรอกหรือ’

‘ตอนแรกยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ระดับสุดยอดของเขากว่างเฉิงมาที่นี่ ก็ไม่อาจดึงเสาหินขึ้นมาได้เช่นกันนี่’

‘ผู้อาวุโสหลี่’ กล่าวด้วยความลังเล ‘ดูท่าทีเขาแล้วมีความปรารถนานี้จริงๆ เพียงแต่เขาจะสมปรารถนาได้หรือไม่ นั่นก็เป็นอีกเรื่องแล้ว’

‘เหยาซาน’ กลั้วหัวเราะแผ่วเบา ‘ต่อให้เขามีวิธีจริง มังกรทมิฬพิฆาตใกล้จะมาถึงแล้ว เหลือเวลาให้เขาไม่มากนัก’

ฝ่าย ‘ผู้อาวุโสหลี่’ หรี่ตาลง ประกายตาลึกล้ำและเงียบสงัด ‘ซากวัตถุนี้ สายสำนักเขากว่างเฉิงให้ความสำคัญอยู่พอควร ถึงผู้ที่ร่วมเดินทางเข้ามากับเยี่ยนจ้าวเกอจะเป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจเช่นผู้อาวุโสหลี่นี้ แต่ก็อยู่รอบนอก เป็นไปได้อย่างมากว่าจะมียอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์เตรียมป้องกัน ตั้งเขตปลอดภัยไว้’

‘ฉะนั้นยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์สำนัก ก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้ ทำได้เพียงแค่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณไกลๆ คิดหาวิธีที่จะทำให้มังกรทมิฬพิฆาตผ่านไป ถึงเวลาลงมือก็ยังทำได้เพียงพึ่งพวกเราเท่านั้นอยู่ดี’

สหายของเขาได้ยินดังนั้น จึงผงกศีรษะเบาๆ ‘เมื่อมังกรทมิฬพิฆาตจู่โจม เหตุการณ์ต้องยุ่งเหยิงวุ่นวายเป็นแน่ หวังว่าถึงเวลานั้นเจ้าจะมีโอกาสลงมือได้’

‘ผู้อาวุโสหลี่’ เอ่ย ‘มังกรทมิฬพิฆาต นอกจากจะสร้างความยุ่งเหยิงแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือพยายามให้เขาใช้พลังของเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นให้หมดไป ไม่เช่นนั้นต่อให้ลงมือ ก็ยากจะสำเร็จเช่นกัน’

‘นอกจากนั้น บ่าวรับใช้ที่ไม่ออกห่างอยู่ตลอดเวลาของเขาผู้นั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นปรมาจารย์ขั้นเคียงนภา จำเป็นต้องดึงความสนใจเขาออกมาด้วยเช่นกัน ถึงจะลงมือได้สะดวก’

เขาสูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง ‘ถึงเวลา เรื่องนี้ก็ต้องส่งต่อให้เจ้าแล้ว ไม่ต้องฝืนมากนัก ดึงมันออกไปได้ก็สำเร็จ’

‘เหยาซาน’ ผงกศีรษะ ‘วางใจได้ ข้าเข้าใจ’

ในลูกตาดำทั้งสองของ ‘ผู้อาวุโสหลี่’ เปล่งประกายแสงเย็นวาบ ‘จ่านตงเก๋อ ในอดีตเจ้าทำลายการสืบทอดเขานิมิตทมิฬของข้า ผลกรรมก็ตกไปอยู่ที่ศิษย์รุ่นลูกรุ่นหลานของเจ้า! สำนักข้ายังไม่ดับสูญ ก็จะไม่หยุดจองเวรกับเขากว่างเฉิงของเจ้า จนกว่าชีวิตของข้าจะหาไม่!’

ทายาทที่เหลืออยู่ของเขานิมิตทมิฬทั้งสอง ต่างก็แสดงใบหน้าระคนพินอบพิเทา แท้จริงแล้วมองดูเยี่ยนจ้าวเกอกับเสาหินนั้นอย่างบึ้งตึงและเย็นยะเยือก

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ด้านล่างเสาหิน ยื่นมือออกไป กดไปบนพื้นผิวเสาหินใหม่อีกหน

บนหลังมือเขามีริ้วแสงมากมายปรากฏขึ้นฉับพลัน เหมือนเช่นลวดลายบนผิวเสาหินไม่มีผิด

ริ้วแสงบนผิวเสาหิน ก็ประหนึ่งกระแสน้ำไหลอย่างไรอย่างนั้น รินไหลมาถึงหลังมือเยี่ยนจ้าวเกอ ตามทิศทางเสาหิน อีกทั้งยื่นขยายไปยังข้อมือและแขนตลอดเวลา

ในสมองเยี่ยนจ้าวเกอมีลำแสงมหาศาลผุดขึ้น ภาพแต่ละภาพปรากฏวาบผ่านไปในสมอง

ในช่วงเวลาที่กำลังใจลอย เหมือนกับมีฝ่ามือขนาดยักษ์ข้างหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ตบโจมตีไปบนวังเทพ!

พอเห็นถึงภาพฉากนี้ เยี่ยนจ้าวเกอตื่นขึ้นฉับพลัน ฟื้นคืนสติกลับมา

ส่วนเสาหินขนาดใหญ่มหึมาที่เสียบอยู่ในทะเลทรายต้นนั้น มันสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นมาอีกครั้ง ประหนึ่งแผ่นไหวภูเขาคลอนก็ไม่ปาน ระลอกคลื่นที่เหมือนกับสายน้ำ แผ่กระจายออกไปบนพื้นทรายโดยรอบตลอดเวลา

ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา เปลี่ยนเป็นเหมือนเช่นพื้นผิวสมุทร ขึ้นๆ ลงๆ อีกครั้ง

อาหู่ เฟิงอวิ๋นเซิง และพ่านพ่านที่อยู่ข้างๆ ถึงขั้นที่เหล่าพวก ‘ผู้อาวุโสหลี่’ ที่อยู่รอบนอก ร่างกายล้วนโคลงเคลงไปตามพื้นดินใต้ฝ่าเท้า

แต่ในที่สุดพื้นดินที่สั่นไหว ก็กลับคืนสู่ความสงบเงียบอีกครั้ง

เสาหินนั้นยังคงตั้งสูงตระหง่านอยู่ที่เดิม ราวกับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลทรายโดยสิ้นเชิง

ในแววตา ‘ผู้อาวุโสหลี่’ และ ‘เหยาซาน’ ล้วนทอประกายแววตาเยาะหยันและได้ใจซึ่งยากจะสังเกตเห็น

สายตาของพวกเขาจ้องมองบริเวณไกลออกไป “มาแล้ว!”

แม้ว่าพื้นดินที่สั่นสะเทือนจะสงบนิ่งแล้ว กระนั้นพายุที่อยู่ในอากาศ ยิ่งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ท้องฟ้าเบื้องหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำทั้งผืนโดยสิ้นเชิงแล้ว ลมงวงสีดำน่าหวาดผวาประดุจมังกรทมิฬมากมายเติมเต็มฟ้าดิน เคลื่อนที่ไปตามแนวขวางตามอำเภอใจ

พายุหมุนสีดำที่ส่งเสียงคำรามกึกก้อง จู่โจมมาทางกลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอด้านนี้อย่างมืดฟ้ามัวดิน

เยี่ยนจ้าวเกอหันศีรษะมองกลับไป จ้องดูพายุนิมิตทมิฬที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลันอยู่เงียบๆ

บรรดาผู้คนของสำนักเขากว่างเฉิงตั้งเขตค่ายกลควบคุมหลายรูปแบบไว้โดยรอบ ทว่าเผชิญการบุกรุกของพายุในขณะนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

มังกรทมิฬพิฆาตที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ได้อยู่เหนือการป้องกันขั้นสุดของเขตค่ายกลแล้ว

บรรดาผู้คนของสำนักเขากว่างเฉิงที่เดินทางอยู่ในทะเลทรายบ่อยๆ ตระเตรียมรับมือกับมังกรทมิฬพิฆาตที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดด้วยเช่นกัน จึงสำแดงเขตค่ายกลอย่างมีเสถียรภาพออกมา

ทว่าค่ายกลนี้คงอยู่ไว้ได้เป็นระยะเวลาค่อนข้างสั้นเท่านั้น จนในที่สุดเขตค่ายกลก็ยังเริ่มแตกออกย่อยยับอยู่ดี!

ทุกๆ คนล้วนมองไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ

ตรงนั้น เสาหินยังคงตั้งอยู่บนพื้นทราย

สีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่ง “เข้ามาใกล้ๆ ข้าตรงนี้”

ทุกคนเข้าไปใกล้ๆ ยังเสาหินและเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน

พายุอันน่าพรั่นพรึงตีฝ่าเขตค่ายกล ไล่หลังกายพวกเขา ลมจิตราสีดำทั่วท้องฟ้าพลิกม้วนอย่างบ้าคลั่ง!

‘ผู้อาวุโสหลี่’ กับ ‘ซานเหยา’ คล้อยเปลือกตาลง แสงเย็นที่ปิดดวงตาทั้งสองไว้ พุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอไปพร้อมๆ กับทุกคน!

………..