บทที่ 205 ต้องตาย

The king of War

ซูซานที่อยู่ด้านข้าง มองเฉินอิงจวิ้นอย่างเหยียดหยามทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเข้าไปในอิงเหาอินเทอร์แนชันแนล

เธอมาที่เมืองโจวเฉิง เป็นเพราะการร่วมงานกันทางธุรกิจของตระกูลซูและตระกูลเฉิน ในความเป็นจริงเป็นซูเฉิงอู่ ต้องการทำให้ซูซานกับเฉินอิงจวิ้นแต่งงานกันเร็วขึ้น

มีเพียงตระกูลชั้นนำระดับใหญ่ทั้งสองของสองเมืองใหญ่สานสายสัมพันธ์กัน ตำแหน่งของพวกเขาแต่ละคนถึงจะเพิ่มไปอีกขั้น

หน้าประตูอิงเหาอินเทอร์แนชันแนลต่างมีคนเข้าๆ ออกๆ พอเห็นสภาพกระเซอะกระเซิงสุดจะทนของเฉินอิงจวิ้น คนที่รู้จักเขาล้วนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไร จากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่ไม่รู้จัก ต่างหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดังแบบกำเริบเสิบสาน

หลังเฉินอิงจวิ้นปีนขึ้นมาจากพื้น หน้าตาดูดุร้ายเต็มที่ กัดฟันอย่างโมโหพลางพูดตะคอก “หยางเฉิน ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”

ตั้งแต่ที่สมาคมประมูลเมิ่งจี้วันนั้น ถูกหงฝูไล่ออกไปต่อหน้าสาธารณชน เฉินอิงจวิ้นก็เกิดจิตอาฆาตต่อหยางเฉินแล้ว

หลังกลับมาถึงบ้าน ยิ่งโดนบิดาของเขาด่าทออีกยก

คนแบบผู้นำตระกูลเฉิน สถานะอย่างนี้ อยากจะค้นหาเบื้องลึกของหยางเฉินย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

เพียงแต่สิ่งที่ค้นหาออกมาได้เป็นแค่สถานะภายนอกของหยางเฉิน สำหรับสถานะจอมพลของชายแดนเหนือ อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้เป็นแปดตระกูลแห่งเย็นตู ถึงอยากจะค้นหา ก็เป็นไปไม่ได้

ตอนแรกเฉินอิงจวิ้นอยากจะแก้แค้น แต่ผู้นำตระกูลเฉินกลับพูดอย่างโมโห “อิงจวิ้น ฉันเตือนแกไว้ก่อน อย่าหาเรื่องหยางเฉินโดยเด็ดขาด สถานะของเขาไม่ธรรมดา”

“พ่อครับ มันก็แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงของตระกูลเล็กๆ เองไม่ใช่รึไง? ต้องมาระวังขนาดนี้เลยเหรอ?”

“แกเชื่อจริงๆ หรือว่าลูกเขยสวะในสายตาทุกคนคนหนึ่ง สามารถได้รับบัตรทองดำของธนาคารสากล? แม้แต่ฉันยังไม่มีสิทธิ์เอาบัตรทองดำมาได้เลย”

และวันต่อมาผู้นำตระกูลเฉินก็เตือนเฉินอิงจวิ้นไว้แล้ว และยังได้รับรู้มาว่าจวงปี้ฝานโดนฆ่าต่อหน้าของคนตระกูลเมิ่ง

จากนั้นเขาก็ได้รับข้อมูลว่าตระกูลจวงหายอดฝีมือมาจากตระกูลเมิ่ง อาจารย์ลูกศิษย์หลายคนกลับโดนฆ่าทิ้ง แม้กระทั่งหงเทียนหยาที่ชื่อเสียงโด่งดังยังโดนฆ่าที่ตระกูลจวง

นอกจากนี้แล้ว เขายังค้นหามาเรื่องหนึ่ง ลั่วปิงผู้จัดการใหญ่ของต้าเหอกรุ๊ปในปัจจุบันนี้ เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ยังเป็นผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอยู่เลย

ข้อมูลที่เดิมทีคนทั่วไปค้นหาไม่ได้เหล่านี้ ทำให้ผู้นำตระกูลเฉินยิ่งมั่นใจในความไม่ธรรมดาของหยางเฉินเพิ่มขึ้นไปอีก

คนหนุ่มที่แม้แต่ตระกูลเมิ่งยังไม่กลัว จะดูเหมือนธรรมดาขนาดนั้นแบบภายนอกได้หรือ?

แต่ทว่าเวลานี้เฉินอิงจวิ้นลืมเลือนคำเตือนของผู้นำตระกูลเฉินไปตั้งนานแล้ว หน้าตาเต็มไปด้วยความอับอายจนโกรธและความดุร้าย

เขาหยิบมือถือออกมาต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง ไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย ได้ยินเพียงเขาบอกว่า “หยวนเซ่า ไอ้หนุ่มที่สมาคมประมูลเมิ่งจี้วันนั้น มาเมืองโจวเฉิงแล้ว!”

อีกด้านหนึ่ง หลังหยางเฉินออกมาจากอิงเหาอินเทอร์แนชันแนล ตรงไปยังต้าเหอกรุ๊ป

“ท่านประธาน ท่านมาตั้งแต่เมื่อไรครับ? ทำไมถึงไม่แจ้งล่วงหน้าสักหน่อยครับ!”

ชั้นบนสุดของต้าเหอกรุ๊ป ในห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่ ตอนลั่วปิงมองเห็นหยางเฉิน หน้าตาตกใจเต็มที่

หยางเฉินหัวเราะแล้ว “พรุ่งนี้งานแต่งพี่ชายเมียผม เลยมาดูบริษัทหน่อยพอดี”

ลั่วปิงถึงโล่งอกไปทีหนึ่ง เมื่อสักครู่ยังคิดว่าเป็นบริษัทเกิดข้อผิดพลาดจากความสะเพร่าอะไร หยางเฉินจึงมาทวงหาความรับผิดชอบ

แต่ละครั้งที่เผชิญหน้ากับหยางเฉิน ลั่วปิงประหม่ามาก แต่ไม่มีทางเลือก ใครให้หยางเฉินเพิ่งกลับมาเมืองเจียงโจว ก็ให้เขาได้แสดงอำนาจใหญ่โตงานหนึ่งเลย

“ตอนนี้มีอะไรลำบาก รีบเอ่ยปากบอกมา ถือโอกาสที่ฉันยังอยู่ จะได้จัดการให้เสร็จครั้งเดียวเลย” หยางเฉินถาม

ลั่วปิงรีบส่ายหน้า “ท่านประธานครับ ตอนนี้ทั้งเมืองโจวเฉิง ต้าเหอกรุ๊ปเป็นกิจการที่ใหญ่ที่สุดแล้วครับ ต่อให้เป็นตระกูลหยางกับตระกูลเฉิน ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามกันทั้งนั้นครับ”

ได้ยินคำพูดของลั่วปิง หยางเฉินพอใจมาก แต่สามารถรู้สึกได้ว่าลั่วปิงแย่งเอาความดีความชอบของคนอื่นมาเป็นของตน

ก่อนหน้านี้ หยางเฉินเคยรับปากลั่วปิง รอให้เรื่องราวที่เมืองโจวเฉิงอยู่ตัวดี จะมอบงานสำคัญกว่าให้เขาทำ

ตอนนี้ต้าเหอกรุ๊ปอยู่ในมือของลั่วปิง จึงกลายเป็นกิจการชั้นนำที่สุดของเมืองโจวเฉิงแล้ว สามารถอธิบายได้ถึงความสามารถของลั่วปิง

“ลั่วปิง พวกเรารู้จักกันนานแค่ไหนแล้ว?”

หยางเฉินถามขึ้นกะทันหัน

ลั่วปิงตะลึง รีบตอบทันที “ถ้านับดูก็เต็มๆ สามเดือนแล้วครับ”

หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ถึงแม้เพียงแค่สามเดือน แต่การแสดงออกของนายทำให้ฉันพอใจมาก เพียงแต่นายน่าจะรู้ดี แค่สามเดือน จะทำให้ฉันเชื่อใจนายถึงที่สุดนั้นยากมาก”

ทันใดนั้นในใจลั่วปิงหน่วงขึ้นมา พูดแบบประหม่าเป็นอย่างยิ่ง “ท่านประธานครับ ความซื่อสัตย์ของผมที่มีต่อท่าน ฟ้าดินเป็นพยานให้ได้ครับ!”

หยางเฉินโบกมือให้ “นายอย่าร้อนใจ ฟังฉันพูดก่อน!”

ลั่วปิงไม่ร้อนใจได้อย่างไรกัน สามเดือนมานี้ เพื่อช่วยทำธุระให้หยางเฉิน เขาทุ่มเทไปมากแค่ไหน มีเพียงเขาเองที่รู้ดีที่สุด

แต่ตอนนี้ดูท่าทางของหยางเฉินเหมือนยังไม่เชื่อใจเขาอีก

“ตอนนี้ ฉันให้นายสองทางเลือก”

หยางเฉินสีหน้าจริงจังมากขึ้นมาทันใด ลั่วปิงพอได้ยิน หัวใจเต้นรัวตุบๆ รีบนั่งตัวตรงขึ้น “ท่านประธานครับ ท่านบอกมาเลยครับ!”

หยางเฉินพยักหน้า เอ่ยปากบอก “ทางแรก ฉันจะให้เงินทุนก่อตั้งกิจการนายไปห้าสิบล้าน วันหลังนายอยากจะทำอะไร ไม่เกี่ยวกับฉันทั้งนั้น”

พูดเงื่อนไขแรกจบ หยางเฉินเงียบนิ่งฉับพลัน ตาทั้งคู่จ้องดวงตาของลั่วปิงมาโดยตลอด

บนหน้าลั่วปิงมีเพียงความตื่นตกใจอยู่บ้าง แต่กลับไม่ได้ดีใจมากเท่าไร แต่ทว่ามองหยางเฉินด้วยหน้าตาเคร่งขรึม “ท่านประธานครับ ทางที่สองล่ะครับ?”

“ทางเลือกที่สอง นายยังคงทำธุระให้ฉัน ฉันจะจัดการให้นายเข้ารับตำแหน่งเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาใหญ่ ปล่อยให้นายเป็นกองหน้าของฉัน มากวาดล้างเนื้อร้ายของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป” หยางเฉินจ้องลั่วปิงพลางบอกไป

“ผมเลือกทางที่สองครับ!”

ลั่วปิงไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย หยางเฉินเพิ่งพูดจบ เขาก็ตัดสินใจเลือกแล้ว

ขณะเดียวกัน ในใจฮึกเหิมอย่างมาก

หลังจากสัมผัสหยางเฉินมาได้สามเดือนกว่า เกิดเรื่องใหญ่มากมาย แต่ว่าทุกเรื่องราว ขอเพียงมีหยางเฉินอยู่ ก็สามารถจัดการได้แบบง่ายดาย

ในใจลั่วปิงนั้น หยางเฉินกลายเป็นความศรัทธาในใจของเขาไปแล้ว โดยเฉพาะเขาก็รู้ชัดดีมาก ถ้าเขายินยอมติดตามหยางเฉินไปตลอด ขอเพียงสามารถได้รับความไว้ใจของหยางเฉินถึงที่สุด เขาจะได้รับอะไรมากมาย

แม้แต่หยางเฉินยังนึกไม่ถึง ตนเองอยู่ในใจของลั่วปิง คาดไม่ถึงจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเช่นนี้

คำตอบที่ไม่ลังเลสักนิดของลั่วปิง ทำให้หยางเฉินพึงพอใจมาก

“นายอย่าเพิ่งรีบร้อนรับปาก ฟังฉันพูดก่อน”

หยางเฉินพูดแบบท่าทางเรียบนิ่ง “เกรงว่าบางเรื่อง นายอาจไม่รู้ชัดเจนดี ตระกูลอวี๋เหวินอยากจะให้ฉันกลับเข้าตระกูลมาโดยตลอด เพียงแต่ฉันไม่เห็นด้วย แต่ที่ตระกูลอวี๋เหวิน มีคนมากมายคิดว่าการมีตัวตนของฉัน ขัดขวางเส้นทางของพวกเขา”

“และความสัมพันธ์ของนายกับฉัน เกรงว่าคงถูกคนเหล่านั้นรู้เข้านานแล้ว ถ้าจัดให้นายเข้าไปในเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาใหญ่ ที่นายจะต้องเจอไม่ได้มีเพียงแค่ความกดดันของบริษัทเท่านั้น เกรงว่ายังมีอันตรายถึงชีวิตด้วย”

“ฆ่าฉัน พวกเขายังไม่กล้า แต่ฆ่าคนรอบตัวของฉัน สำหรับพวกเขานั้น ไม่มีความกลัวสักนิด”

“ดังนั้นขอเพียงนายเข้าสู่เยี่ยนเฉินกรุ๊ป นั่นต้องเตรียมพร้อมรับความเป็นไปได้ว่าจะโดนลอบฆ่าทุกเมื่อ”

หยางเฉินเคยคิดมานานแล้ว จะจัดส่งลั่วปิงเข้าไปในเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาใหญ่ เหตุผลที่ยังลังเลไม่ได้จัดการเรื่องนี้ เป็นเพราะกังวลความปลอดภัยของลั่วปิง

เขาพูดเรื่องพวกนี้กับลั่วปิง ไม่ใช่ปล่อยข่าวเขย่าขวัญ

เยี่ยนเฉินกรุ๊ปในปัจจุบันนี้ ถึงแม้จะกลับมาเป็นของหยางเฉินแล้ว แต่ในความเป็นจริง สาขาใหญ่ยังมีคนมากมาย ล้วนเป็นคนของตระกูลอวี๋เหวิน และควบคุมอำนาจใหญ่

ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ในสายตาลั่วปิงปรากฏความกังวลเข้มข้น แต่ไม่ได้รีบปฏิเสธทันที

“ท่านประธานครับ ผมขอถามท่านคำถามหนึ่งครับ สำหรับท่านแล้ว ตระกูลอวี๋เหวินถือว่าเป็นอะไรครับ?”

ลั่วปิงเอ่ยปากถามทันใด สีหน้าจริงจังที่สุด นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาสอบถามหยางเฉินก่อนเอง

ทันใดนั้นหยางเฉินหัวเราะแล้ว ฉีกมุมปากขึ้นเบาๆ พูดอย่างเหยียดหยาม “ถ้าฉันอยากให้ตระกูลอวี๋เหวินตาย มันต้องตาย!”